สวัสดีค่ะ K.Aya ^^

แต่ละคนมีประสบการณ์และมุมมองเรื่องของความรักที่ต่างกันออกไป
ต้าขอแชร์ประสบการ์ณและมุมมองในส่วนของต้านะคะ ^^

ในเรื่องของ Facebook สำหรับต้า ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวคือต้องไม่ต้องมีหรือเล่น Facebook ไปเลย
เพราะหากมีแต่เพื่อนคนอื่นหรือคนคนรอบข้างสามารถ Add ไปได้ ยกเว้นเราซึ่งเป็นแฟน
แล้วบอกว่าต้องการพื้นที่ส่วนตัว ต้าไม่โอเค เพราะ Facebook ต่อให้ตั้งค่าแค่เพื่อนที่เห็น
มันก็ยังเป็นพื้นที่สาธารณะอยู่ดี ที่ไม่มีแค่เราคนเดียวที่เห็นและต่อให้อัฟเดทหรือไม่ก็ตาม
ต้าก็ยังอยากมี Facebook ของแฟนเป็นเพื่อนกันอยู่ดี ฮ่าๆๆๆ >///<
ต่างคนต่างมี Facebook แต่ไม่แอดเป็นเพื่อนกัน ต้าว่าความสัมพันธ์มันค่อนข้างห่างเหมือนมีกำแพงกั้น
เหมือนจะเข้าถึงกันแต่ก็ยังไม่ถึง

เรื่องแหวนต้องดูอายุผู้ชายประกอบด้วยค่ะ ว่าใช่วัยที่ควรจะแต่งงานแล้วหรือเปล่า
เพราะถึงขนาดใส่แหวนข้างซ้าย ประกาศว่ามีคนรักแล้ว แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนที่พิเศษมากๆ
ผู้ชายถึงยอมสวมแหวนข้างซ้าย ตอนที่ต้าคบกับแฟนช่วงแรกๆแฟนต้าเองก็ใส่สร้อยที่แฟนเก่าเขาให้ไว้ตลอดไม่เคยถอด
พอถามว่าใครให้ เขาก็พยายามตอบบ่ายเบี่ยง พอจี้เข้าบ่อยๆเขาก็บอกว่าเพื่อนให้แต่ตอบแบบไม่เต็มปาก
เขาเคยบอกว่าคบกับแฟนเก่ามา 3 ปี พาไปเจอพ่อแม่แล้วแต่ช่วงที่คบกัน ตัวเขาไปเรียนต่อที่อเมริกา 3 ปี
กลับญี่ปุ่นปีล่ะครั้ง พอปีที่ 3 แฟนเก่าเขาก็บอกเลิก ร้องไห้มั้ย? เขาบอกว่าร้องและเสียใจมากเพราะวางแพลนจะแต่งงานกัน
ต้าอยากให้ถอดสร้อยนะ มันทิ่มแทงใจ ฮ่าๆๆๆๆ แต่ก็ไม่อยากบังคับเขา อยากใส่ก็ใส่ไป
ถ้ายังอาลัยอาวรณ์ยังลืมไม่ได้ก็เรื่องของเขา เราไปบังคับใจใครไม่ได้
แล้วจู่ๆวันหนึ่งเขาก็ถอดออกเอง ไม่แน่ใจว่าช่วงไหนแต่น่าจะเป็นก่อนที่เขาพาต้าไปเจอพ่อแม่เขา
พอถามว่า "ถอดสร้อยทำไม ไม่ใส่ต่อแล้วเหรอ" เขาบอกว่า "ไม่จำเป็นหรอกเพราะปัจจุบันสำคัญที่สุด"

ในส่วนของคุณ Aya มันผ่านมาหลายปีแล้วเรื่องแหวน แต่ถ้ายังสงสัยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ทางผู้ชายเองก็ต้องทำให้เรามั่นใจว่า "แต่งแล้วเลิกหรือยังไม่เคยแต่ง"
แล้วปัจจุบันมีแค่เราหรือคนอื่นอีก นั่นคือสิ่งที่ผู้ชายต้องให้ความชัดเจนกับเรา

ถ้าคนที่ทำงานตำแหน่งสูงขนาดนั้น อาจเหนื่อยหรือเครียดจากงาน ไม่ได้เจอกันบ่อยๆก็อาจพอเข้าใจได้
แต่ในเรื่องของไลน์ที่เงียบหายไป ต้องเทียบกับที่ผ่านมาว่าเขาเคยหายไปแบบนี้บ่อยๆมั้ย
คนเคยคุยกันตลอดแต่จู่ๆก็เงียบ มันก็น่าคิดยิ่งเราไปเจอภาพที่เขาสวมแหวนแบบนั้น
แล้วยิ่งมาเงียบใส่อีก ยิ่งตอกย้ำเราเข้าไปอีกว่าสิ่งที่เราเห็นมันคือความจริงและเขากำลังชิ่งเพราะเราจับได้

ถ้าอยากเช็คว่าเขาแต่งงานหรือยัง วิธีดูหลักๆเบสิคทั่วไป คือ ถ้าคนที่คบซ้อนคบหลายคน
เขาจะค่อนข้างหวงที่อยู่ ที่เขาพัก เคยไปที่พักเขามั้ยและเข้าออกที่พักเขาได้บ่อยแค่ไหน ประมาณนี้ค่ะ

คำถามสุดท้ายที่ถามว่า "ถ้าเขาอยากเลิกทำไมเขาไม่อธิบาย ไม่บอกอะไรเราสักคำ"
คนบางคนกล้าที่จะบอกรักแต่ไม่กล้าที่บอกเลิก เพราะไม่อยากให้ทำให้ตัวเองรู้สึกผิดและรู้สึกแย่
คนบางคนเลยเลือกที่จะเงียบหายไปแล้วให้ "เวลา" บอกแทนคำพูด
อาจดูโหดร้าย ดูแย่ ทำร้ายความรู้สึกกับอีกฝ่ายแต่หลายๆคนก็เลือกที่จะใช้วิธีนี้

ไม่รู้ว่าช่วย จขกท,ได้มั้ย แต่ขอเป็นกำลังใจให้ห้ผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ ^^

ที่เค้าเงียบไปเพราะก่อนหน้านั้นเค้าก็บอกอยุ่แล้วนี่ค่ะ ว่ามีงาน
ระหว่างที่เค้าหายไป คุณก็ดันไปอยากรุ้ อยากเห็น เพราะความระแวง (ซึ่งอันนี้เราก็เป็นค่ะ แต่เราตัดได้และ)

พอเกิดความสงสัยและเจอก็พาลคิดจินตนาการไปไกลโพ้นเลย

รอค่ะ ทุกอย่างต้องใช้เวลา ถึงตอนนั้นจะเลิกจะอยู่ ก็อยุ่ที่คุณแล้วค่ะ

ให้ความยุติธรรมอีกฝ่ายด้วย เกิดเค้าไม่ผิดขึ้นมา เราก็จะเสียใจป่าวๆ

สวัสดีคะ คุณต้า

ขอบคุณมากเลยนะคะสำหรับคำแนะนำดีดี
แฟนอายุ 30 ปีคะ ทำงานที่ไทยได้ 2ปีครึ่งละคะ

เรื่องคอนโด เคยไปคอนโดเขา 7-8 ครั้งได้มั้งคะ แต่ไม่เคยขึ้นห้องเขาเลยคะ เคยแค่แวะไปส่งเขา แต่เวลาเราจะอยู่ด้วยกัน หรือค้างคืนด้วยกัน หลังปาร์ตี้เสร็จ เราจะเปิดโรงแรมค้างด้วยกันอะคะ ในส่วนนี้ตัวเราเองก็รู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมไม่ไปคอนโดเขา เขาก็บอกว่านอนโรงแรมสะดวกกว่า มีของใช้อำนวยความสะดวก เราก็ไม่ได้ติดใจอะไรต่อด้วยความเป็นตนไม่คิดมาก แต่พอมาเจอรูปเลยคิดมากอีกครั้งอะคะ

ส่วนเรื่องแต่งงานเขาจะพูดเสมอว่ายังไม่แต่งงาน ไม่เคยแต่งงาน เราจะชอบพูดประชดเขาเรื่องภรรยา เขาก็บอก จะบ้าหรอไม่มี แล้วเราจะพูดเรื่องความรักที่ผ่านมาให้กันและกันฟัง จะได้รู้ว่ารักที่ผ่านมามีปัญหาอะไร และ จะทำยังไงไม่ให้ปัญหานั้นเกิดขึ้นกับเรา เขาเคยบอกให้เราไปเรียนทำอาหารด้วยนะคะ เผื่ออนาคตจะได้ดูแลครอบครัว แต่ครอบครัวที่เขาว่าไม่รู้ว่าหมายถึงกับเขารึป่าว


จนตอนนี้เรายังติดต่อเขาไม่ได้สักทาง เขายังเงียบหายไป ไม่รู้เขาจะโกรธที่เราไปสืบค้นประวัติ หรือ หาดูรูปเขาอะป่าว แต่ประโยคสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้ให้ก่อนจะหายไป คือเขาบอกว่า เขาไม่ได้โกหก และขอโทษที่ช่วงนี้ไม่ได้เจอกันเลยทำให้กังวล เราเห็นประโยคนี้เราก็รู้สึกดีขึ้นนะอยากจะเชื่อใจเขา แต่ไม่คิดว่าจากนั้นจะไม่ได้คุยกันอีกเขาไม่เคยหายไปแบบนี้เลยคะ ก่อนเกิดเรื่องนี้สักวันก็ไม่เคยหายไป ยุ่งแค่ไหนต้องได้คุยกันสักนิดนึง ตอนนี้กลัวมากเลยคะว่าเขาจะไม่กลับมา กลัวเจาจะหายไปโดยที่ทิ้งเราไว้แบบนี้ แบบไม่มีคำพูดบอกลาได๋ๆ

อยากปรึกษาคุณต้าว่า ถ้าเราจะไปทิ้งจดหมายไว้ที่คอนโดเขา จะบอกเขาประมาณว่าถ้าเขาเครียงานเสร็จ หรือ หายยุ่งแล้ว ให้ติดกลับมา หรือเจอกันเพื่อเครียกันให้ชัดเจน ถ้าไปคอนโดเขาแล้วทำแบบนี้มันจะเกินไปไหมคะ แต่เราจะไปขอพบเขานะคะ แค่จะไปฝากโน๊ตไว้นะคะ คือไม่รู้จะติดต่อเขายังไงแล้วอะคะ เราอยากทำอะไรให้ได้มากกว่าการนั่งรอ นอนรอเขาตอบกลับมาก T_T

@ K.Aya ถ้าถามต้า ต้าไม่แนะนำให้ทำแบบนั้น เพราะมันดูเหมือนเราขาดเขาไม่ได้
ถ้าเขาเงียบแสดงว่าเขาไม่พร้อมที่จะเจอ ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตาม ถ้าเราดึงดันที่จะทำ
ยิ่งทำให้เขาอยากถอยห่าง (ในกรณีที่เขาต้องการอยากจะห่างอยู่แล้ว)
และอีกอย่างถ้าเขาอยากติดต่อเรา มีหลายช่องทางที่เขาทำได้และง่ายมากๆเช่น ไลน์หรือโทรศัพท์ก็ว่ากันไป

ต้าเข้าใจความรู้สึกคนที่รอ คือมันแย่และทรมารความรู้สึกมากๆ
ในเมื่อเราทำอะไร ก็ต้องยอมรับความจริงถึงมันจะยากแต่เราก็ต้องอยู่กับความจริงให้ได้
ถ้าเขาติดต่อกลับมาหรือไม่ติดต่อกลับมา ถึงตอนนั้นเราจะรู้เองว่า เรายังโอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้อยู่มั้ย
ถ้าเรายังโอเค ให้โอกาสเขาได้อธิบายว่าหายไปเพราะอะไร เหตุผลฟังดูสมเหตุสมผลมั้ย
และเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ต้องตกลงและหาทางออกร่วมกัน

เวลานี้เสียใจ ทุกข์และกังวลใจเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ พอเรารู้เท่าทันความรู้สึกนี้แล้ว
อย่าปล่อยให้ตัวเองจมทุกข์นาน สู้ๆๆน้าาาา .... ^^

ปกติเราจะไม่ยุ่งเรื่องแบบนี้เลยนะคะ แต่มาช่วยอีกเสียงนึงสนับสนุนคุณต้าว่าหาอะไรทำแล้วก็อยู่กับตัวเองค่ะ
เราคิดว่าเขาอาจจะงานยุ่งส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งคงกำลังคิดเกี่ยวกับคุณอยู่ ให้เวลาเขาหน่อยเถอะค่ะ
เช่นเดียวกันคุณก็ต้องให้เวลาตัวเองกับความคิดด้วย

ถ้าคุณนิ่งๆเขาอาจจะติดต่อมาเพราะคิดว่าคุณพร้อมคุยอย่างมีเหตุผลและสติค่ะ
ถ้าไม่ติดต่อกลับมาคุณก็จะได้รู้ว่าเขาไม่ได้พอขนาดนั้น

มาเพิ่มเติม
เราก็คบกับคนญี่ปุ่นเหมือนกันค่ะ ระยะเวลาก็ใกล้ๆคุณแต่เป็นเพื่อนกันนานกว่าจะคบกัน
หลายๆครั้งสติแตกแต่พอตั้งสติใจนิ่งๆทุกอย่างก็ไปได้ดีนะคะ ถ้าเลือกได้...อยู่คนเดียวดีกว่า 5555+
ผู้หญิงญี่ปุ่นอดทนมากนะคะ มากกว่าที่เราเห็นเยอะ ถ้าคิดจะคบยืนยาวต้องทำใจไว้ระดับหนึ่ง

@taeny มันเป็อารมณ์ผู้หญิงจริงๆคะ ที่ระแวงแล้วอยากรู้อยากเห็น จนทำให้เกิดเรื่อง มาคิดได้ตอนนี้สติก็สายไปแล้ว ตอนนี้คงได้แค่รอละคะ แต่กลัวว่าเขาคงไม่กลับมาแล้ว คงหายไปเลย

@ คุณต้า ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำ เอาจริงๆก็ไม่กล้าทำหรอกคะ เราก็คิดเยอะอยู่เหมือนกันว่าผลมันจะออกมาแย่กว่าเดิม การไม่ได้คุยกันเลยเป็นเวลา 1 อาทิตย์ก็ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง ได้คิดทบทวนอะไรหลายๆอย่าง ถ้าเขากลับมาก็พร้อมที่จะฟังคำอธิบายและเหตุผล พูดคุยกันด้วยเหตุผล ขอแค่เขากลับมา

เราก็คบมา 8 เดือนเหมือนกันค่ะ มาให้กำลังใจนะคะ

มันก็วัดกันไปเลยเหมือนกันนะ คิดในแง่บวก ว่าเขาจะไปหรืออยู่

ไม่ต้องทำไรค่ะ ไม่ต้องเศร้า โลกนี้มันก็เป็นวงจรปกติของความรักนะ ^^

มีปัญหาเรื่อง Facebook เหมือนกันค่ะ แต่เรารุ้ของเค้า ก็แอบเข้าไปดูบ่อยๆ เคยถามเหมือนกันนะคะ ว่า เล่นเฟชไหม ขอแอดได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่เราก็ให้ Facebookเราไป เค้าก็เงียบ ไม่คุย ไม่ตอบกลับถึงเรื่องนี้เลยจ้า แต่เราก็ อื้มมมมมมมม พยายามจะเข้าใจอีกแหละ แต่บางทีก็อยากให้เค้าเข้าใจเราบ้างอ่าเนอะ เรากับเค้ารุ้จักกันมาจะครบปีนึงแล้วค่ะ แต่สถานะยังไม่รุ้ว่าอะไร เค้าแค่เคยบอกว่าชอบเรา แต่ไม่เคยพูดเลย ว่าเราเป็นอะไรกัน เจ้าของกระทู้ยังดีนะคะ อย่างน้อยได้รุ้สถานะกันและกัน เราจะเจอกันทุกอาทิตย์เลยค่ะ วันศุกร์พอเราเลิกงานก็จะตรงดิ่งไปที่คอนโดนาง ดูอานิเมะ ทำกับข้าวกิน ถามว่ามีความสุขไหม มีมากกกกกเลย แต่ก็ยังได้ยินจากปากเค้าแบบชัดๆ ว่าเราเป็นคนรักกันนะ เป็นแฟนกันนะ เรามักจะพูดกับเค้าเล่นๆว่า เทอเจ้าชู้ๆ นางก็จะบอกว่า ไม่ มีคนเดียว มีเทอคนเดียว โอ๊ยยยยยยยยยยยย ไม่ให้รักได้ไงไหว แต่ก็นั่นแหละค่ะ อิอิ เชื่อได้รึเปล่าไม่รู้ ส่วนเคสของเจ้าของกระทู้ ใจเย็นๆนะคะ เค้าอาจจะกำลังยุ่งจริงๆ หรือเค้าคงคิดอะไรอยุ่ ให้เวลาเค้าหน่อยนะคะ สู้ๆๆ

@taeny_2312 เราก็รอให้เขากลับมาคะ อยากให้เขากลับมา เราอยากจะปรับปรุงตัวใหม่ จะเข้าใจในการทำงานของเขามากขึ้น เราก็ไม่รู้ว่าทำงานวงการรถยนต์มันยุ่งแค่ไหน กลัวว่สเขาจะไม่กลับมาแล้ว เพราะเคยอ่านเจอของหลายๆคน และได้ยินว่าถ้าคนยี่ปุ่นหายไปคือการบอกเลิก ก็หวังให้เขากลับมาอย่างมากเลยคะ

@Kana manoii เป็นโมเม้นที่ดีมากเลยนะคะที่ได้ไปคอนโด ไปทำกับข้าวกินกัน ดูอานิเมะ ด้วยกัน ของเราไม่มีโมเม้นนั้นกับแฟนเลยคะ เคยไปคอนโดยุบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยขึ้นห้องเลย นี่ก็เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราระแวงว่าเขาจะมีอีกคน เพราะเขาไม่เคยชวนขึ้นห้อง แต่เคยถามเขาว่าไปคอนโดได้มั๊ย เขาบอกมาได้แต่เขาก็ไม่เคยชวนเราเลยไม่ไป ทั้งที่คบกันมา8เดือนไม่เคยเห็นห้องแฟนเลย ถ้าจะค้างคืนด้วยกันเขาจะพาไปเปิดโรงแรมอะคะ

ขอมาแชร์ความคิดเห็นนะคะ เราว่าคุณAya อยู่เฉยๆดีกว่าค่ะ
ถ้าเค้าจริงจังกับเราเดี๋ยวก็คงจะกลับมา แต่ถ้าไม่มาก็ทำใจค่ะ
เราเห็นด้วยกับคุณต้ามากๆว่าเรื่องเฟซบุ๊ก ถ้าต้องการพื้นที่ส่วนตัว ก็อย่าเล่นเลยดีกว่าค่ะ
social media ก็คือsocial ไม่ใช่private เป็นแฟนกันทำไม่จะเป็นเฟรนกันไม่ได้
ตอนแฟนเรามาจีบเราเค้าขอเฟซบุ๊กเรา แต่ไม่แอด คุยกันได้สามเดือนก็ยังไม่แอด เราเลยจัดการแอดเองซะเลย
วัดใจกันไป ถ้าเค้าจริงใจก็รับ ถ้าไม่รับก็เท คนเหมือนกันอย่าเอาความญี่ปุ่นมาเป็นข้ออ้าง
แต่เค้าก็รับและเม้น กดไลค์กันตลอด ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยค่ะ
พอเจอคนรอบตัวเรา ก็ขอเฟซบุ๊กและแอดจนเราเองรู้สึกว่าตัวเองกระดิกตัวไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ
เพื่อนๆเค้าก็แอดเฟรนเรามา เราก็ได้เพื่อนได้สังคมคนญี่ปุ่นมาเพิ่ม

เราว่าที่คุณทำก็ไม่ได้ถูก แต่ก็ไม่ผิดซะทีเดียว
คนรักกัน เรื่องแค่นี้คุยกันได้ ผ่านกันไปได้ค่ะ
ตอนนี้เค้าอาจจะยุ่งจริงๆ หรืออาจจะเทเราเเล้วก็ตามแต่
แต่ถ้าเป็นเรา เป็นแฟนกันเงียบหายไปเราไม่โอเคค่ะ>< คนเราจะยุ่งขนาดไหนทักมาบอกแค่ไม่ถึงนาทีเอ้งง
เราว่าคนนี้ปัดขวามาได้ จะปัดขวาแล้วได้มาอีกคนก็คงไม่ยากนะคะ
เข้าใจว่ามันเจ็บปวด แต่ถ้าจะเสียคนที่ไม่ได้รักเราไปซักคนก็ถือว่าโชคดีที่รู้เร็วนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ^^