just me
just me
Offline
Resolved
1 votes
อารัมภบทกันนิดนึงนะคะ ก่อนที่จะมีเรื่องเล่ายาวมากกกก ทนอ่านกันนิดนึงนะคะ
เราได้รู้จักกับผู้ชายญี่ปุ่นคนนึงมาเกือบปีแล้วค่ะ ตอนแรกก็คุยกันปกติธรรมดาทั่วไป ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเค้าเหมือนพี่เราคนนึงแค่นั้นจริงๆ เพราะเราเหนื่อยกับเรื่องรักค่ะ 555555
(แฟนเก่าคบมา10ปี แล้วก็เลิกกันไป)

เราชอบแนะนำของอร่อยๆให้กัน แล้วก็ไปลองด้วยกันค่ะ เค้าชวนเราบ้าง เราชวนเค้าบ้างสลับกัน ส่วนเรื่องการจ่าย แรกๆเค้าก็ไม่ยอมให้เราจ่ายหรอกค่ะ แต่เรายื่นคำขาดไปว่าถ้าไม่ให้เราจ่าย งั้นไม่ต้องตะเวนชวนชิมกันแล้วนะ

หลังจากนั้นเค้าก็เลยให้เราจ่ายบ้างค่ะ แต่ก็แค่บางส่วน บางทีเราก็รีบชิ่งไปจ่ายก่อน นั่นแหละค่ะเราถึงจะได้เป็นฝ่ายออกบ้าง เกรงใจเค้าค่ะ

แต่พอเวลาผ่านไป มีการกินข้าวด้วยกันบ่อยขึ้น จากอาทิตย์ละวัน กลายเป็น 2-3 วัน บางทีก็นัดล่วงหน้า บางทีก็ไปกันซะดื้อๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยค่ะ คือออฟฟิศเราใกล้กัน บางทีเราทำโอที แล้วเค้าทักมาว่าอยู่ไหน หิวข้าวแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ หรือบางทีก็เป็นฝ่ายเราเองที่ทักไป อะไรแบบนี้ค่ะ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าในหนึ่งสัปดาห์เราเจอกันบ่อยขนาดนี้เลยเหรอ เพิ่งมาสังเกตค่ะ

เรื่องไลน์ เราคุยไลน์กันทุกวันเลย ระหว่างวันก็มีบ้างค่ะ อยู่ไหนทำอะไรเค้าอัพเดทเราตลอด แต่เราจะน้อยกว่านะคะเรื่องรายงานตัวเนี่ย เป็นแบบนี้มาจะ 4 เดือนแล้ว แต่ระหว่างนี้เราไม่เคยรู้สึกเขินอาย เวลาที่กินข้าวด้วยกัน ไปดูหนังกันเลยนะคะ

คือเราเองก็หลัก 3 แล้ว ไม่ใช่ว่าจะมองอะไรไม่ออกเลย ว่าเค้าก็คงพอมีใจให้อยู่บ้าง แต่เพราะเป็นหญิงไทยใจงาม เลยต้องสงวนท่าที แล้วก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองมากค่ะ 5555555 เพราะทั้งคู่ก็ไม่เคยเรียกมันว่าการเดทเลย

ทีนี้มันมีเหตุการณ์นึงที่เรารู้สึกประทับใจ จนทำให้เราเริ่มรู้สึกดีกับเค้ามากขึ้น เหมือนกำแพงลดลง นั่นแหละค่ะทุกคน!!! ถ้าเค้าไม่ทำสิ่งนี้เราก็คงยังไม่คิดอะไรมากกว่า friend zone
เนื่องจากว่าเราคุยกันสัพเพเหระค่ะ ได้ทุกเรื่องจริงๆ ครอบครัว การเมือง เศรษฐกิจ งาน อาหาร ท่องเที่ยว etc
ซึ่งเค้าเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาาากกกกก แล้วเรามีหนังสืออยู่เล่มนึงที่เราตามหามาเป็น10ปีแล้วค่ะ ไปมาหลายประเทศหาเท่าไหร่ก็ไม่มีวางขาย แล้วเค้าก็หามาค่ะ แต่เป็นแค่ e-book นะคะ

user id e-book ของเรา search ยังไงก็ไม่เจอค่ะ ใช้e-mailญี่ปุ่นแบบเค้าสมัครก็แล้ว ก็ไม่มี แล้วนั่นแหละค่ะ เราก็เลยได้หนังสือเล่มนั้นมาอ่านแต่ต้องใช้ user id เค้าล็อคอิน หลายๆคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมมันทำให้เราประทับใจขนาดนั้น
คือ 10 ปีแห่งการรอคอย เราหาจนพลิกแผ่นดินจนล้มเลิกความตั้งใจ หมดหวังว่าคงไม่มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้แน่ๆ แล้ววันนึงได้อ่านมันอะค่ะ ดีใจมาก ด้วยความดีใจเรากระโดดกอดเค้าไป 1 ที “Give me a hug!!!! Thank you for the book!!!” อารมณ์ประมาณนั้น เหตุการณ์นี้มันเหมือนฝนตกตอนหน้าแล้งอะค่ะ 55555555
แถมพ่อคุณยังเปลี่ยนพาสเวิร์ดให้เราจำง่ายเหลือเกิ๊นนนนนคือใช้ชื่อเรา+ชื่อเค้า แบบนี้สาวๆคนไหนจะไม่คิดไปไกลหละคะ

แล้วก็ยังพยายามไปค้น kindle book จนเจอแล้วคะยั้นคะยอจะให้เราใช้ของเค้าให้ได้ บอกว่าจะได้อ่านง่าย ถนอมสายตา เราก็แย้งไปว่าเราอ่านผ่านไอแพด ผ่านแทบเลตเราได้ ไม่มีปัญหา แต่พอเจอกัน ก็ยื่นdeviceให้เรารับมาจนได้ค่ะ

ทีนี้พูดถึงเรื่องกอดไปแล้ว ก็ต้องพูดถึงเรื่อง skinship ก็มีนะคะ ก่อนที่เราจะเผลอกอดเค้าเนี่ย เค้าเริ่ม skinship กับเราแบบว่า แตะหลังเวลาข้ามถนน ให้หลบรถ อะไรแบบนี้ ที่สาธารณะไม่เคยมีมากกว่านี้เลยค่ะ

แต่ถ้าวันไหนกินข้าวกันดึกกว่าจะเสร็จ 2-3 ทุ่ม เราจะขับรถไปส่งเค้าค่ะ ลืมบอกไปว่าทั้งเค้าและเรา กวนทรีนกันทั้งคู่ค่ะ คำพูดนี่แบบ ยอมกันไม่ได้ เรียกว่าทันกัน 555555
ถ้าเราพูดเริ่มกวนเนี่ย มาแล้วค่ะ เค้าจะบีบแก้ม เหมือนบีบปากอะค่ะ เบาๆ แล้วถามว่าพูดอะไรนะ!! แหย่ๆอะค่ะ นั่นคือครั้งแรกที่รู้สึกว่าอุ้ย..... มันไม่ใช่ friend zone skinship แน่ๆ แต่ก็ไม่เคยมีแบบ sex harassment มากสุดที่คงลูบหัว กับจับหูอะค่ะ

คือวันนั้นหลังจากกินข้าวเสร็จ รถติดที่สุขุมวิทค่ะ แล้วรถมอไซต์พยามจะแทรกระหว่างรถเรา กับรถตู้ข้างๆ แล้วเกี่ยวกระจกมองข้างเราพับไปด้านหน้าเลย จนปรับกระจกไม่ได้ โกรธมาก!!! ได้แต่กัดฟัน เพราะตามไปเอาเรื่องไม่ได้
เค้าก็ปลอบด้วยการลูบหัวนั่นแหละค่ะตลอดทาง บอกไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวโทรหาประกัน แล้วก็เลยมาจับหูขยี้ๆแกล้งเรา แค่นั้นแหละค่ะ

พอหลังจากนั้น มีจังหวะที่ได้ไลน์คุยกันเรื่องการพูดคุยของเรา ว่าเราจะคุยกันดีดี เหมือนคนทั่วไปกันบ้างได้มั้ย เค้าตอบว่าคงไม่ได้ เพราะการคุยกันแบบเนี๊ยะ มันคือหลักฐานว่าเรา in relationship
อูยยยยยย ถ้าใครเจอแบบนี้ก็คงต้องมีอมยิ้มกันบ้างแหละ เราก็สวนค่ะ โอ๊ยยย นี่มันเป็น relationship ประเภทไหนกันเธ๊ออออ
สิ่งที่เค้าตอบกลับมาคือ eating and running buddy!!! (เราไปวิ่งออกกำลังกายด้วยกันบ้างค่ะ) อื้อหืออออออ ไม่รู้ว่าไม่ได้คิดเกินเลยจริงๆ หรืออายที่จะพูด หรือไม่พร้อมที่จะชัดเจน

แต่เราก็ปล่อยผ่านไปค่ะ คือเราก็อยากทำให้มันชัดเจนนะคะ แต่มองอีกมุมก็ถ้าเกิดว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น นี่เราคงหน้าแตกเหมือนกัน คงเสียเพื่อนดีดีที่คุยกันได้ทุกเรื่องคนนึงไป

เราเคยได้กินข้าวกับเพื่อนเค้าทีนึงค่ะ วันนั้นเราไปแบบไม่ได้นัดล่วงหน้า เค้าถึงร้านก่อน เราเลยบอกให้เข้าไปสั่งรอได้เลย แล้วเราจะตามเข้าไปเพราะหาที่จอดรถอยู่ ระหว่างนั้นเค้าก็โทรมา บอกว่าเจอเพื่อนในร้านพอดี เราโอเครึเปล่าถ้าต้องนั่งกับเพื่อนเค้าด้วย เราก็ด้วยความอยากรู้ค่ะ เพราะมันเป็นร้านอาหารธรรมดา ก็ตกลงเลยว่าได้สิ เค้าบอกงั้นรอแป๊บ ถามเพื่อนก่อนนะ เรานี่งงเลย ถ้าเพื่อนไม่โอเคนี่ เรามาวนรถเพื่อ????? มีโกรธแน่นอน

ปรากฎว่า เค้าโทรกลับมาว่าเข้ามาเลย หาโต๊ะใหญ่ได้แล้ว เราก็เข้าไปในร้านค่ะ ก็กินข้าวพูดคุยกันปกติ เพื่อนเค้าก็เหมือนยุๆแหละค่ะ ว่าเนี่ยเค้าเป็นคนดีนะ ยังไม่มีแฟนเลย ตามประสา ระหว่างนั้นคนที่เกร็งไม่ใช่เราหรอกค่ะ กลับกลายเป็นเค้า 555555 พูดจาลิ้นพันกัน นั่งกุมมือตลอดเวลา เหมือนเด็กตื่นเต้นเวลาสัมภาษณ์งานครั้งแรก จนสังเกตได้

เราก็ไม่สามารถฟันธงอะไรได้อยู่ดี พักหลังๆเนี่ยเราก็แสดงออกมากขึ้นนะคะว่าเราก็รู้สึกดีกับเค้า
จากที่ไม่เคยskinshipเลย เราก็มีแตะๆไหล่ให้กำลังใจบ้าง หรือบางทีก็ลูบๆต้นแขนเวลารบกวนให้เค้าช่วยอะไร onegai อะไรแบบนั้นหนะค่ะ
เราเชื่อว่ามันคงเป็นช่วงเวลากุ๊กกิ๊กกันก่อนจะเขยิบความสัมพันธ์รึเปล่า หรือว่าเราควรดึงตัวเองกลับมาอยู่จุดเดิม ซึ่งยากนะเนี่ยถ้ายังเจอกันแบบนี้อยู่

วันนี้เราอยากแชร์อยากเล่าว่า ในบางมุมของความรู้สึกอึดอัดว่าเราเป็นอะไรกัน มันก็เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เรารู้ว่าหัวใจเรายังไม่ตายด้านนะ 5555555
ทุกๆช่วงจังหวะของความสัมพันธ์มันคงผ่านเข้ามาให้เราเรียนรู้อะไรหลายอย่าง ถ้ามันจะต้องหยุดก็คงทำอะไรไม่ได้ คงต้อง let it be มั้งคะ

頑張ってみんな!!
Sunday, November 19 2017, 02:14 PM
Share this post:
Responses (8)
  • Accepted Answer

    Monday, November 20 2017, 09:46 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอระบายมั่งค่ะ เราก็เป็นอีกคนที่อยู่ในช่วงนี้ค่ะ มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน คุยกันไปเรื่อยๆมาเกือบจะ2ปีแล้วค่ะ
    เพราะเคยมีความหวัง เพราะมีครั้งนึงตอนไปนั่งร้านเหล้าด้วยกันแล้วคนโต๊ะข้างถามว่าเพื่อนหรอ แล้วนางตอบทันทีว่าไม่ใช่!! อีก5วิ เหมือนเพิ่งนึกได้ เลยบอกใหม่ว่าแต่ตอนนี้ยังเป็นเพื่อนอยู่ คือออออ(แล้วมีคนบอกว่าตอนเมาคนเรามักจะพูดความจริง เลยหวังมาตลอด555555) แต่ก็จะเป็นปีมาแล้วค่ะ=_="
    เคยจะเลิกคุยเพราะคิดว่าเค้ามีคนอื่นที่ชอบแล้วแต่เค้าก็ทำเหมือนรั้งไว้ค่ะ สุดท้ายก็กลับมาคุย จนตอนนี้กลายเป็นชิน กลายเป็นรู้สึกว่า ถึงจะได้คบกันหรือไม่แต่ก็ไม่อยากเสียนางไป เพราะอย่างน้อยนางก็เป็นเพื่อนที่ดีมากคนนึง ให้คำปรึกษาเราทุกอย่างและตลอดแม้ว่าตัวนางเองจะงานยุ่งก็ตาม
    สุดท้ายเราเลยคิดว่าการรอแบบไม่คาดหวังนี่คงสบายใจสุดแล้วค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Chocobee
    Chocobee
    Offline
    Tuesday, November 21 2017, 02:20 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เข้ามากอดทั้งสองคนค่ะ
    เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในสถานะแบบนี้ค่ะ
    รู้จักมา 4 ปีแล้วค่ะ ในไอดีไลน์ของเค้ามีเราเป็นเพื่อนแค่คนเดียว คุยแทบทุกวัน ว่าวันนี้ใครทำอะไร ออกแนวเป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน อาจารย์ เพื่อนเที่ยว เพื่อนกิน ออกทริปด้วยกันบ่อยค่ะ ในสายตาคนญี่ปุ่นคือเราสองคนน่าจะคบกัน แต่ความจริงแล้วยังไม่เคยตกลงสถานะความสัมพันธ์เลยค่ะ เราก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวจะเสียเพื่อนและคนที่ช่วยเรื่องงานได้ไป
    แต่เร็วๆนี้คงต้องถามไปแล้วหล่ะคะ เราก็กำลังจะสามสิบ กำลังจะเข้าช่วงอีกช่วงชีวิตหนึ่ง คงต้องทำอะไรให้แน่ชัดสักที
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    ZAM
    ZAM
    Offline
    Wednesday, November 22 2017, 11:44 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ตอนนั้นเราก็สับสนแล้วตัดสินใจเก็บไว้ไม่มีวันบอกค่ะ กลัวเสียเพื่อน
    จนผ่านมาเป็นปีกว่า เค้าถึงเป็นคนขอเราคบเอง

    แฟนบอกว่า มันถึงจุดที่เค้าต้องบอก ไม่บอกแล้วไม่สบายใจ
    ตอนนั้นคิดว่าแค่บอกให้รู้ก็พอละ จะตกลงคบหรือไม่คบก็ไม่เป็นไร
    ประมาณว่าถึงจุดที่เค้าอึดอัดทนไม่ไหวแล้วก็เลย บอกเราเองค่ะ

    ส่วนเราก็ชอบเค้าอยู่แล้ว ก็ตอบ ตกลง เลยค่ะ ฮ่าๆ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    just me
    just me
    Offline
    Thursday, November 30 2017, 10:30 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    プレゼント 増田เขียน:

    ขอระบายมั่งค่ะ เราก็เป็นอีกคนที่อยู่ในช่วงนี้ค่ะ มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน คุยกันไปเรื่อยๆมาเกือบจะ2ปีแล้วค่ะ
    เพราะเคยมีความหวัง เพราะมีครั้งนึงตอนไปนั่งร้านเหล้าด้วยกันแล้วคนโต๊ะข้างถามว่าเพื่อนหรอ แล้วนางตอบทันทีว่าไม่ใช่!! อีก5วิ เหมือนเพิ่งนึกได้ เลยบอกใหม่ว่าแต่ตอนนี้ยังเป็นเพื่อนอยู่ คือออออ(แล้วมีคนบอกว่าตอนเมาคนเรามักจะพูดความจริง เลยหวังมาตลอด555555) แต่ก็จะเป็นปีมาแล้วค่ะ=_="
    เคยจะเลิกคุยเพราะคิดว่าเค้ามีคนอื่นที่ชอบแล้วแต่เค้าก็ทำเหมือนรั้งไว้ค่ะ สุดท้ายก็กลับมาคุย จนตอนนี้กลายเป็นชิน กลายเป็นรู้สึกว่า ถึงจะได้คบกันหรือไม่แต่ก็ไม่อยากเสียนางไป เพราะอย่างน้อยนางก็เป็นเพื่อนที่ดีมากคนนึง ให้คำปรึกษาเราทุกอย่างและตลอดแม้ว่าตัวนางเองจะงานยุ่งก็ตาม
    สุดท้ายเราเลยคิดว่าการรอแบบไม่คาดหวังนี่คงสบายใจสุดแล้วค่ะ


    2ปีนี่ใจดีมากๆเลยนะคะ
    เราเองไม่น่าจะทนไหว 55555
    เป็นกำลังใจให้นะคะ เราก็คุยๆไป ไม่พูดมันออกมา
    เพราะกลัวเสียเพื่อนนี่แหละค่ะ
    ตอนเป็นเพื่อนมันดีจริงๆ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    just me
    just me
    Offline
    Thursday, November 30 2017, 10:32 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    Chocobeeเขียน:

    เข้ามากอดทั้งสองคนค่ะ
    เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในสถานะแบบนี้ค่ะ
    รู้จักมา 4 ปีแล้วค่ะ ในไอดีไลน์ของเค้ามีเราเป็นเพื่อนแค่คนเดียว คุยแทบทุกวัน ว่าวันนี้ใครทำอะไร ออกแนวเป็นทั้งเพื่อนร่วมงาน อาจารย์ เพื่อนเที่ยว เพื่อนกิน ออกทริปด้วยกันบ่อยค่ะ ในสายตาคนญี่ปุ่นคือเราสองคนน่าจะคบกัน แต่ความจริงแล้วยังไม่เคยตกลงสถานะความสัมพันธ์เลยค่ะ เราก็ไม่กล้าถามเพราะกลัวจะเสียเพื่อนและคนที่ช่วยเรื่องงานได้ไป
    แต่เร็วๆนี้คงต้องถามไปแล้วหล่ะคะ เราก็กำลังจะสามสิบ กำลังจะเข้าช่วงอีกช่วงชีวิตหนึ่ง คงต้องทำอะไรให้แน่ชัดสักที


    สาวๆทุกคนกลัวเสียเพื่อนหมดเลย
    เพราะช่วงเวลาตอนเป็นเพื่อนนี่มันดีจริงๆเนอะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    just me
    just me
    Offline
    Thursday, November 30 2017, 10:33 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ZAMเขียน:

    ตอนนั้นเราก็สับสนแล้วตัดสินใจเก็บไว้ไม่มีวันบอกค่ะ กลัวเสียเพื่อน
    จนผ่านมาเป็นปีกว่า เค้าถึงเป็นคนขอเราคบเอง

    แฟนบอกว่า มันถึงจุดที่เค้าต้องบอก ไม่บอกแล้วไม่สบายใจ
    ตอนนั้นคิดว่าแค่บอกให้รู้ก็พอละ จะตกลงคบหรือไม่คบก็ไม่เป็นไร
    ประมาณว่าถึงจุดที่เค้าอึดอัดทนไม่ไหวแล้วก็เลย บอกเราเองค่ะ

    ส่วนเราก็ชอบเค้าอยู่แล้ว ก็ตอบ ตกลง เลยค่ะ ฮ่าๆ


    ยินดีด้วยนะคะ คุณได้รับสิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้!!!
    5555555
    แสดงว่ามันคงล้นในอกเค้าจริงๆ จนต้องพูดมันออกมา
    น่ารักดีค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, December 01 2017, 12:54 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    อ่านแล้วยิ้มตามเลยค่ะ ^^

    คู่เราก็คลุมเครือ แบบคู่อื่นๆ นั่นแหละค่ะ

    คุยกันเกือบ 2 ปีเตมเลยตัดสินใจบอก

    ว่าเราชอบเธอนะ

    นั่นแหละ.. นางถึงยอมปริออกมาว่า ชอบเราเหมือนกัน ??

    นั่งคิดเล่นๆ ถ้าไม่มีใครยอมพูด วันนึงอาจจะปล่อยมือกันทั้งที่ยังรักกันอยู่ก็ได้ค่ะ ^^

    ตั้งแต่ตัดสินใจเผยความในใจวันนั้น เหมือนได้ปลดแอกเลยค่ะ เราควงแขนเค้าได้โดนไม่เคอะเขินเลย ไม่สิ จิงๆก็เขินอยุนะ 55 สายตาก็ละมุนขึ้นจนถึงวันนี้


    เราจีบก่อน บอกชอบก่อน ขอเป็นแฟนก่อนด้วย ชิคจะตายค่ะ 555555

    ความรักมันไม่จำเปนต้องเปนแพทเทินเดียวกันหมดหรอกค่ะ เลือกทำตามใจตัวเองบ้าง บางทีอาจจะรุสึกว่า รุงี้ทำตั้งนานแล้วก็ได้นะคะ ^^

    เป็นกำลังใจให้ค่า ❤️❤️❤️❤️❤️??????
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    just me
    just me
    Offline
    Monday, December 04 2017, 10:37 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    Blossom Pinkเขียน:

    อ่านแล้วยิ้มตามเลยค่ะ ^^

    คู่เราก็คลุมเครือ แบบคู่อื่นๆ นั่นแหละค่ะ

    คุยกันเกือบ 2 ปีเตมเลยตัดสินใจบอก

    ว่าเราชอบเธอนะ

    นั่นแหละ.. นางถึงยอมปริออกมาว่า ชอบเราเหมือนกัน ??

    นั่งคิดเล่นๆ ถ้าไม่มีใครยอมพูด วันนึงอาจจะปล่อยมือกันทั้งที่ยังรักกันอยู่ก็ได้ค่ะ ^^

    ตั้งแต่ตัดสินใจเผยความในใจวันนั้น เหมือนได้ปลดแอกเลยค่ะ เราควงแขนเค้าได้โดนไม่เคอะเขินเลย ไม่สิ จิงๆก็เขินอยุนะ 55 สายตาก็ละมุนขึ้นจนถึงวันนี้


    เราจีบก่อน บอกชอบก่อน ขอเป็นแฟนก่อนด้วย ชิคจะตายค่ะ 555555

    ความรักมันไม่จำเปนต้องเปนแพทเทินเดียวกันหมดหรอกค่ะ เลือกทำตามใจตัวเองบ้าง บางทีอาจจะรุสึกว่า รุงี้ทำตั้งนานแล้วก็ได้นะคะ ^^

    เป็นกำลังใจให้ค่า ❤️❤️❤️❤️❤️??????


    ขอบคุณสำหรับกำลังใจมาอย่างล้นเลยค่ะ :)
    เหมือนเราก็ลังเลนะคะ ว่านี่เราเพื่อนกันนะ!!!
    อีกใจก็แย้ง ไม่!!!!แกชอบเค้า 5555555
    ก็ตกอยู่ในช่วงเวลาแบบนี้ไปค่ะ
    กลัวเสียเพื่อนดีดีไป T_T
    คงรอวันที่มันล้นอกซักฝั่งละมั้งคะ ถึงจะมีคนพูดมันออกมา
    The reply is currently minimized Show
Your Reply