J W
J W
Offline
Resolved
0 votes
เรื่องยาวหน่อยนะคะ คือเราอยากให้ช่วยหาคำตอบกับเรื่องของเราให้หน่อยนะคะ

เราสองคนเจอกันที่ไทยค่ะ สมัยเรียน แล้วก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่นั้น แต่ตอนนั้นก็รุ้แล้วว่าทั้งคู้รู้สึกพิเศษต่อกัน แต่เค้าก็กลับญี่ปุ่นมาก่อน แล้วต่างคนก็ต่างเรียนจบ
แต่ความสัมพันธ์ก็พัฒนามาเรื่อยๆนะคะ แล้วเราก็พยายามไปมาหากันให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประมาณทุกๆ 3-4 เดือน ก็สลับกันแล้วแต่ความว่างของใครค่ะ

เราเป็นคนใช้ภาษาอังกฤษค่ะ ไม่เคยเรียนภาษาญี่ปุ่นมาก่อนเลย ชื่ออาหาร หรืออะไรที่ญี่ปุ่นๆเราไม่รู้เลย (การ์ตูนก็ดูไม่กี่เรื่อง 555) ส่วนเค้าก็เป็นคนญี่ปุ่นที่เก่งภาษาอังกฤษมากกกก ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการสื่อสารเลยค่ะ

หลังจากเรียนจบเค้าก็หางานดีๆได้ทันทีเลยค่ะ
พอคิดว่าเค้าเริ่มรู้สึกพร้อมระดับหนึ่ง เค้าเลยขอให้เราย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นค่ะ จะได้มีเวลาให้กันมากขึ้น เหมือนคู่ปกติอื่นๆ แต่ตอนนั้นด้วยความที่เราอยากทำความฝันของตัวเองก่อนระดับหนึ่ง
กับการที่จะต้องไปอยู่โดยที่ ไม่ได้แต่งงาน เท่ากับ เราต้องหาที่เรียนต่อ เรียนภาษา หางานทำ ... คือมันฟังดูแอบวุ่นวาย
ไหนจะเรื่องวัฒนธรรม เพราะเราไม่เคยมีความสนใจเรื่องญี่ปุ่นๆเลยค่ะ การไปเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบที่มันไม่เคยอยู่ในเป้าหมายชีวิตเรามาก่อน ไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักใคร ไม่รู้ภาษา วัฒนธรรมอะไรใดๆทั้งสิ้นเลย มันน่ากลัวมากค่ะ
เลยตัดสินใจบอกเหตุผลเค้าไปตรงๆ ซึ่งเค้าก็เข้าใจแล้วบอกว่าเค้าจะรอเรา

เราเลยตัดสินใจไปอยู่อีกประเทศนึงค่ะ ตอนนั้นทั้งสองคนก็เหมือนเดิม พยายามหาเวลาว่างมาหากัน หรือบางทีเวลาน้อยก็เจอกันครึ่งทางค่ะ

แต่ด้วยความที่ว่าเค้าเริ่มทำงาน งานก็เริ่มมาเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตเค้า เราก็มีไม่เข้าใจในหลายๆเรื่องของคนญี่ปุ่นค่ะ เค้าก็พยายามอธิบายให้ฟัง ทะเลาะกันบ้าง แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยเหตุและผลตลอด ไม่เคยทะเลาะกันยืดยาวค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความไม่เข้าใจวัฒนธรรมมากกว่า

แต่เอาความรู้สึกของเราโดยรวมแล้วมันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีมากค่ะ รักกันแรกๆเค้าโทรมาทุกวัน เช้าเย็น พอเริ่มชินๆกัน เค้าเริ่มทำงานเริ่มไม่มีเวลา เค้าก็ยังบอกว่า เค้าจะไม่ค่อยได้โทรละนะ แต่เราโทรไปหาเค้าได้ตลอด

เลยพยายามโทรค่ะ ตอนนั้นกลัวไม่ได้คุยนานๆแล้วเค้าจะลืมเรา บางทีเค้าก็ไม่รับค่ะ มีแอบทะเลาะ แต่หลังๆไปหาเค้าก็เห็นว่าเค้าเหนื่อยจริงๆค่ะ เลยไม่ค่อยกล้าโทรละ
เคยถามพี่ๆที่มีแฟนญี่ปุ่น เค้าก็บอกว่าเรื่องนี้ต้องทำใจ เราก็โอเคทำใจ ปลงๆไป

จนถึงตอนที่เรากลับบ้านที่ไทย ตอนนั้นเราสองคนพูดเรื่องอนาคตกันมาพอสมควรแล้วค่ะ แล้วตัวเราเองก็เริ่มรู้สึกว่ากับคนที่เค้าทนเราได้ขนาดนี้ มันก็ควรจะเสี่ยงดู

แต่… เราพูดกันหลายครั้งมาเลยค่ะเรื่องจะย้ายเพราะมันค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่ เค้าบอกว่า เค้าอยากให้เราแน่ใจว่าเราจะไม่เสียดายโอกาสอื่นๆที่เราอาจจะมี ถ้าเรายังอยากทำอะไรๆอย่างอื่นเค้าก็ไม่ว่า เค้าดูรู้สึกผิดมากๆค่ะ เค้าพูดซ้ำๆย้ำๆว่าเค้าไม่อยากทำลายความฝันเราเลย
แต่ตัดสินใจว่าจะไปค่ะ เราบอกเค้าว่าเรารักเค้า แล้วในเมื่อวางแผนกันแล้ว เราเก็บเงินลงทุกได้ระดับนึง พอเราเก่งภษาเราจะหางานทำหรือไม่ก็ลงทุนอะไรเล็กๆน้อยๆ
เรากลับบ้านมาก็ทำงานไป เรียนภาษาไป หาโรงเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นไว้ เตรียมเอกสารขอวีซ่า ฯลฯ

ระหว่างรอจะไป ก็ทะเลาะกันค่อนข้างใหญ่โตเลยค่ะ เพราะว่าเราไม่มีเวลาให้กันเลยยยยยยยยย น่าจะเป็นเดือนกว่าๆที่ไม่ได้คุยกัน เราเลยเริ่มงี่เง่า ทั้งๆที่รู้อยู่ตลอดว่าเค้าเหนื่อย ทำงานหนักขึ้นทุกวันๆ เพราะเป้าหมายเค้าใหญ่โตมากค่ะ

ยอมรับว่าเป็นการทะเลาะกันที่แรง เค้าเลยขอเวลา ขอไม่พูดกับเราซักพัก ตอนนั้นก็กลัวระดับนึงว่าแผนที่เราเดินมามันจะพัง โทรไปเค้าก็ไม่รับ เครียดมากค่ะ ทำ research เกี่ยวกับการมีแฟนเป็นคนญี่ปุ่น จริงจังกว่าสมัยทำตัวจบอีก แต่ผ่านไปอาทิตย์นึงเค้าก็โทรกลับมา แล้วบอกว่าเค้าโอเคแล้ว ไม่มีอะไรแล้ว ... จนถึงตอนนี้เราเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ เปลี่ยนทุกอย่าง ไม่ชวนทะเลาะ ไม่วุ่นวาย โทรหาอาทิตย์ละครั้ง ถ้าเค้ารับก็คุยกันแบบปกติ วันเกิดเราเค้าก็ยังโทรมาแฮปปี้เบิร์ดเดย์แล้วเราก็พูดกันแบบสนุกสนาน

จนถึงตอนนั้นเราก็คิดว่าทุกอย่างมันดีขึ้น เพราะเราเข้าใจเค้ามากขึ้น ไม่ได้คุยกันบ่อย แต่เราก็คิดว่าเราไม่อยากซีเรียสเรื่องโทรหากันบ่อยไม่บ่อยแล้ว เพราะอีกไม่นานก็จะได้อยู่ใกล้ๆกันแล้ว

จนมาถึงวันนึงที่เราโทรไปหาเค้า.. เกี่ยวกับเรื่องที่เราจะย้ายไปอยู่นั่นแหละค่ะ
น้ำเสียงเค้าก็เปลี่ยนไป แล้วเค้าก็พูดออกมาว่า “เค้ารู้สึกไม่เหมือนเดิมกับเราแล้ว”
มันเหมือนเป็นแค่เพื่อนกันมากกว่า

ช้อคมากค่ะ เพราะเช้าวันนั้น เพื่อนๆเราถามเราเรื่องแฟน เราก็ยังตอบไปว่าดี เราก็คิดว่าดีจริงๆค่ะ ถึงจะทะเลาะกันบ้าง
แต่คืนวันนั้นกลับบ้านมาก็โดนเลย T^T

เค้าถามเราว่าเรายังจะอยากไปอยู่เหรอ (คือทุกอย่างมันพร้อมแล้วมั้ย)
แล้วเราถามเค้าว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นู่น เค้าก็บอกว่า ไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แค่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนานเกินไป

เราก็ถามเค้าค่ะว่า ถ้ามันเป็นเพราะเราห่างกันนานไป แล้วมันไม่มีอะไรในกอไผ่มากกว่านั้นจริงๆ จะยอมพยายามมั้ย เพราะเราสองคนก็รู้กันมาตลอดว่าทุกๆครั้งที่เจอกันทุกอย่างมันดี

เค้าก็บอกว่า เค้าจะลองพยายาม แต่เค้าคิดว่ามันคงไม่เหมือนเดิม ... ดูเมือนว่าเค้ายังคงยืนยันว่ามันจะไม่เหมือนเดิม

แต่เรากำลังจะไปแล้วอ่าค่ะ เดือนหน้านี้แล้ว เค้ากลับมาเป็นอย่างงี้ เราเป๋เลยไปไม่ถูกเลย ไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว แถมหลังจากวันนั้น เค้าก็ไม่ได้ตัดการติดต่อนะคะ แต่นำเสียงเค้ามันไม่เหมือนเดิม เย็นชากว่าเดิม แต่พยายามจบด้วยคำว่า ไว้คุยกันใหม่วันหลังนะ ให้เรารู้สึกดี?

เราเดาใจเค้าไม่ถูกค่ะ หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าจะต้องทำยังไง เพราะเราตัดสินใจไปแล้ว T^T แล้วถ้าไปถึงมันไม่ดีขึ้น?
เราไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ว่าจะโดนแบบนี้ ถึงตอนนี้ เค้าคิดอะไรอยู่ เค้าไม่รักเราแล้วจริงๆ เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจริงๆเหรอคะ ตอนนี้ผ่านมาสองสามวัน ตั้งสติได้ระดับนึง ได้แต่พยายามบอกตัวเองว่าอย่าหวัง (แต่มันก็ยังหวัง เพราะเค้าไม่ได้ตัดเราไปจริงๆจังๆ)

มันอาจจะฟังดูงี่เง่านะคะ แต่เราอยากทำให้มันไปรอดจริงๆ มันมีวิธีมั้ยคะ อย่างน้อยคู่เราน่าจะได้มีเวลาให้กันจริงๆแบบคู่ปกติอื่นๆก่อน เพราะที่ผ่านมา เราไม่ได้มีเวลาดูแลกันจริงๆจังเลย เวลาเหนื่อยเวลาเหงา ก็มาเจอกันไม่ได้ แล้วที่สำคัญคือตอนนี้เราบอกไม่ได้จริงๆว่าเค้าหมดรักเราแบบ เป็น 0 เลยมั้ย

พอจะมีใครช่วยเราหาทางออกกับเรื่องนี้ได้มั้ยคะ ตอนนี้รู้สึกแย่มากๆเลย
เราต้องวางตัวกับเค้ายังไงคะ
จะต้องง้อเค้ายังไง เพราะเค้าเป็นคนประเภทเดินหน้าไม่ถอยหลัง
Monday, August 21 2017, 04:07 AM
Share this post:
Responses (6)
  • Accepted Answer

    Tuesday, August 22 2017, 04:49 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    สวัสดีค่ะ ^^
    จากที่อ่าน เตรียมตัวมาจะย้ายไปญี่ปุ่นขนาดนี้แล้ว เจอสถานการณ์แบบนี้เป็นใครก็คงจิตตกเหมือนกัน
    ต้ามีคำถาม 2 ข้อค่ะ
    1. ระหว่างที่อยู่ที่ญี่ปุ่น พักด้วยกันหรือ จขกท. อยู่กันคนละที่คะ
    2. วีซ่าที่ขออยู่ญี่ปุ่นนานแค่ไหนคะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Tuesday, August 22 2017, 06:43 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    การที่ทะเลาะกันมาตลอด ทำให้อีกฝ่ายสะสมความรู้สึกหนะค่ะ
    ยังไงพบกันเจอหน้ากัน ตรงๆคุยกันตรงๆกันก่อน

    ว่าตัวเราเองก็ได้พยายามมาถึงตรงนี้แล้ว จะมาปล่อยไปง่ายๆแบบนี้หรอ ?

    แล้วคุณก็ลองดูว่าเพราะอะไรเค้าถึงรักคุณไม่เหมือนเดิม ลองทบทวนตัวเองดูค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    J W
    J W
    Offline
    Thursday, August 24 2017, 11:20 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    taeny_2312 S.taetaeเขียน:

    การที่ทะเลาะกันมาตลอด ทำให้อีกฝ่ายสะสมความรู้สึกหนะค่ะ
    ยังไงพบกันเจอหน้ากัน ตรงๆคุยกันตรงๆกันก่อน

    ว่าตัวเราเองก็ได้พยายามมาถึงตรงนี้แล้ว จะมาปล่อยไปง่ายๆแบบนี้หรอ ?

    แล้วคุณก็ลองดูว่าเพราะอะไรเค้าถึงรักคุณไม่เหมือนเดิม ลองทบทวนตัวเองดูค่ะ


    ตอนนี้รู้แล้วค่ะว่ามันเป็นความผิดของเราเต็มๆเลย ที่ผ่านมาเค้าเป็นคนพยายามตลอด

    อยากง้อจังเลยค่ะ แต่คนญี่ปุ่นเดาใจยากจัง ไม่รู้ว่าต้องง้อวิธีไหน ทำยังไงให้เค้าไม่รำคาญ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    J W
    J W
    Offline
    Thursday, August 24 2017, 11:22 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    Lost Princessเขียน:

    สวัสดีค่ะ ^^
    จากที่อ่าน เตรียมตัวมาจะย้ายไปญี่ปุ่นขนาดนี้แล้ว เจอสถานการณ์แบบนี้เป็นใครก็คงจิตตกเหมือนกัน
    ต้ามีคำถาม 2 ข้อค่ะ
    1. ระหว่างที่อยู่ที่ญี่ปุ่น พักด้วยกันหรือ จขกท. อยู่กันคนละที่คะ
    2. วีซ่าที่ขออยู่ญี่ปุ่นนานแค่ไหนคะ


    ย้ายไปเมืองเดียวกันค่ะ เพราะจะได้มีเวลาเจอกันมากขึ้น แต่ว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน

    ขอวีซ่าไปสองปีค่ะ ถ้าเค้าไม่โอเคกับเราแล้วจริงๆ ก็จะเป็นสองปีที่ ... T^T ...
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Sunday, August 27 2017, 03:58 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    จากที่เราได้คุยหลังไมค์กันบ้าง การเรียนที่ญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายตรงนี้
    ได้รับการสนับสนุนจากครอบครอบครัว ถูกต้องไหมไหมค่ะ?
    2 ปี กับค่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่น เป็นเงินไม่ใช่น้อยๆเลย

    ตั้งใจไปเรียนที่ญี่ปุ่น เพราะมีแรงจูงใจ เป็นการเพิ่มทักษะของตัวเราเอง เป็นเรื่องที่ดีค่ะ
    ทำให้เราพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น แต่การที่จะเอาอนาคตตัวเราเอง ไปฝากไว้กับคนอื่น
    เราจะสุขก็ต่อเมื่อเขาหยิบยื่นความสุขให้ ถ้าเขาไม่หยิบยื่นความสุขให้ เราก็จะทุกข์ทันที
    จะสุขหรือทุกข์ อนาคตจะเป็นแบบไหน ทำไมถึงรอให้คนอื่นเขากำหนดให้ ในเมื่อนี่คือชีวิตเรา


    " พอจะมีใครช่วยเราหาทางออกกับเรื่องนี้ได้มั้ยคะ ตอนนี้รู้สึกแย่มากๆเลย
    เราต้องวางตัวกับเค้ายังไงคะ
    จะต้องง้อเค้ายังไง เพราะเค้าเป็นคนประเภทเดินหน้าไม่ถอยหลัง"


    ในเมื่อเขาเองเป็นประเภทเดินหน้าไม่ถอยหลัง ทำไมเราต้องคอยเดินตามหลังเขา
    จขกท. พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้กัน แต่สุดท้ายเขากลับผลักออก
    เท่ากับว่าความพยายามที่ผ่านมา ไม่มีความหมายต่อเขาเลย

    ทำให้ต้านึกถึงคนๆหนึ่ง ลาออกจากงาน ดรอปเรียนกลางเทอม เพื่อไปตามง้อผู้ชายที่ญี่ปุ่น
    เพียงเพราะผู้ชายบอกเลิก ค่าเรียนต่อมหาลัยที่เขาดรอปไป พ่อกับแม่เป็นคนจ่ายให้
    ค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นพ่อแม่จ่ายให้ มารู้ทีหลังว่า พ่อกับแม่ยอมเป็นหนี้ เพื่อให้ลูกได้ในสิ่งที่ต้องการ
    เขากลับมาด้วยความภูมิใจว่าง้อผู้ชายสำเร็จ แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ยังคงกระท่อนกระแท่นเหมือนเดิม
    เขาให้ความสำคัญกับคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขา แต่กลับมองข้ามคนที่คอยสนับสนุน ส่งเสริมให้เขาได้ดี


    ตอนนี้อยู่ในอารมณ์เศร้า การไปญี่ปุ่นโดยที่ความสัมพันธ์ไม่มั่นคงจากคนที่รัก อาจทำใจลำบากในช่วงแรก
    ยิ่งไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ความเหงาอาจเพิ่มเป็นทวีคูณ แต่ถ้าผ่านช่วงเศร้าไปได้ ทำใจได้ ปรับตัวได้
    ต้าว่าที่ญี่ปุ่นยังมีอะไรสนุกๆให้ทำและเรียนรู้อีกเยอะ ยิ่งโต ประสบการณ์ก็จะสอนเราเลือกคนที่เราจะใช้ชีวิตคู่ด้วย
    เพราะชีวิตคู่ไม่ได้มีแค่ ชวนกันไปเดท ดูหนัง นั่งจ้องมองตากัน จับมือกระหนุงกระหนิง ตอบไลน์กันไปมา

    แต่มันเต็มไปด้วยคำว่า "ภาระและหน้าที่" ภาระแรกคือ ตัวเราเองที่ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง
    รายได้คือเงินเดือนจากการทำงาน จัดแจงให้พอกับรายจ่ายแต่ละเดือน โดยไม่รบกวนคนที่บ้านเพิ่ม
    อยากได้รถ ได้บ้าน เรียนต่อ อยากเที่ยว ต้องทำด้วยตัวเอง กรณีเจ็บป่วย ต้องใช้เงินฉุกเฉิน เงินเก็บต้องมี


    ต้าให้ได้เพียงแค่คำแนะนำ ส่วนการตัดสินใจจะทำอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับ จขกท.ค่ะ
    ความสุขผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป ความทุกข์และความเศร้าก็เช่นกัน


    เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    J W
    J W
    Offline
    Tuesday, August 29 2017, 06:04 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    Lost Princessเขียน:

    จากที่เราได้คุยหลังไมค์กันบ้าง การเรียนที่ญี่ปุ่น ค่าใช้จ่ายตรงนี้
    ได้รับการสนับสนุนจากครอบครอบครัว ถูกต้องไหมไหมค่ะ?
    2 ปี กับค่าเรียนและค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่น เป็นเงินไม่ใช่น้อยๆเลย

    ตั้งใจไปเรียนที่ญี่ปุ่น เพราะมีแรงจูงใจ เป็นการเพิ่มทักษะของตัวเราเอง เป็นเรื่องที่ดีค่ะ
    ทำให้เราพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น แต่การที่จะเอาอนาคตตัวเราเอง ไปฝากไว้กับคนอื่น
    เราจะสุขก็ต่อเมื่อเขาหยิบยื่นความสุขให้ ถ้าเขาไม่หยิบยื่นความสุขให้ เราก็จะทุกข์ทันที
    จะสุขหรือทุกข์ อนาคตจะเป็นแบบไหน ทำไมถึงรอให้คนอื่นเขากำหนดให้ ในเมื่อนี่คือชีวิตเรา


    " พอจะมีใครช่วยเราหาทางออกกับเรื่องนี้ได้มั้ยคะ ตอนนี้รู้สึกแย่มากๆเลย
    เราต้องวางตัวกับเค้ายังไงคะ
    จะต้องง้อเค้ายังไง เพราะเค้าเป็นคนประเภทเดินหน้าไม่ถอยหลัง"


    ในเมื่อเขาเองเป็นประเภทเดินหน้าไม่ถอยหลัง ทำไมเราต้องคอยเดินตามหลังเขา
    จขกท. พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้กัน แต่สุดท้ายเขากลับผลักออก
    เท่ากับว่าความพยายามที่ผ่านมา ไม่มีความหมายต่อเขาเลย

    ทำให้ต้านึกถึงคนๆหนึ่ง ลาออกจากงาน ดรอปเรียนกลางเทอม เพื่อไปตามง้อผู้ชายที่ญี่ปุ่น
    เพียงเพราะผู้ชายบอกเลิก ค่าเรียนต่อมหาลัยที่เขาดรอปไป พ่อกับแม่เป็นคนจ่ายให้
    ค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นพ่อแม่จ่ายให้ มารู้ทีหลังว่า พ่อกับแม่ยอมเป็นหนี้ เพื่อให้ลูกได้ในสิ่งที่ต้องการ
    เขากลับมาด้วยความภูมิใจว่าง้อผู้ชายสำเร็จ แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ยังคงกระท่อนกระแท่นเหมือนเดิม
    เขาให้ความสำคัญกับคนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขา แต่กลับมองข้ามคนที่คอยสนับสนุน ส่งเสริมให้เขาได้ดี


    ตอนนี้อยู่ในอารมณ์เศร้า การไปญี่ปุ่นโดยที่ความสัมพันธ์ไม่มั่นคงจากคนที่รัก อาจทำใจลำบากในช่วงแรก
    ยิ่งไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ความเหงาอาจเพิ่มเป็นทวีคูณ แต่ถ้าผ่านช่วงเศร้าไปได้ ทำใจได้ ปรับตัวได้
    ต้าว่าที่ญี่ปุ่นยังมีอะไรสนุกๆให้ทำและเรียนรู้อีกเยอะ ยิ่งโต ประสบการณ์ก็จะสอนเราเลือกคนที่เราจะใช้ชีวิตคู่ด้วย
    เพราะชีวิตคู่ไม่ได้มีแค่ ชวนกันไปเดท ดูหนัง นั่งจ้องมองตากัน จับมือกระหนุงกระหนิง ตอบไลน์กันไปมา

    แต่มันเต็มไปด้วยคำว่า "ภาระและหน้าที่" ภาระแรกคือ ตัวเราเองที่ต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง
    รายได้คือเงินเดือนจากการทำงาน จัดแจงให้พอกับรายจ่ายแต่ละเดือน โดยไม่รบกวนคนที่บ้านเพิ่ม
    อยากได้รถ ได้บ้าน เรียนต่อ อยากเที่ยว ต้องทำด้วยตัวเอง กรณีเจ็บป่วย ต้องใช้เงินฉุกเฉิน เงินเก็บต้องมี


    ต้าให้ได้เพียงแค่คำแนะนำ ส่วนการตัดสินใจจะทำอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับ จขกท.ค่ะ
    ความสุขผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป ความทุกข์และความเศร้าก็เช่นกัน


    เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^


    คำตอบตรงมากกก เจ็บจี๊ดๆเลยค่ะ แต่ยังไงมันก็คือความจริงงง ขอบคุณจริงๆนะคะสำหรับมุมมองที่ช่วยทำให้เราได้ดึงสติ

    ตอนนี้ก็กำลังอยู่ในขั้นทำใจไว้แล้วค่ะ ทำงานเยอะที่สุด เจอเพื่อนเยอะที่สุด หากิจกรรมทำเยอะมากๆค่ะ แต่ก็ยังเศร้าอยู่เวลาหยุดทำอะไรๆแล้วมันก็แว๊บๆขึ้นมา

    ลำพังเป้าหมายในอนาคตของเราเองจริงๆค่อนข้างชัดเจนนะคะ แล้วก็ไม่ว่าจะยังไงเราจะมุ่งมั่นกับการทำงานเราให้ได้ดีที่สุดค่ะ การไปเรียนภาษามันจะช่วยมากๆเลยค่ะ

    แต่ว่าปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ มันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าเราตัดขาดกันไปเลย เพราะลำพังตัวเราเอง เราก็รักมากๆ จะให้เราเป็นฝ่ายตัดเค้าออก ตอนนี้เรายังทำไม่ได้ค่ะ เท่าที่อ่านมาคือคนญี่ปุ่นเค้าจะตัดก็ตัดไปเลย

    ตอนแรกที่เราบอกว่าเค้าเป็นคนเด็ดเดี่ยว ไม่ค่อยยอมอะไรให้ใคร ตอนนี้เราลองมานั่งๆคิดดู เค้ายอมเรามาตลอด

    ขนาดตอนนี้ค้ายังคอยตาม คอยสนใจ ตัวเราเองก็งงๆว่าสรุปเค้าคิดยังไง เราอาจจะเป็นฝ่ายคิดเองเออเองอีกแล้วก็ได้

    เค้าเองบอกว่าเค้าจะให้โอกาสได้ลองอีกครั้ง เราเองก็รู้ข้อเสียของตัวเอง แล้วก็พอเริ่มๆอ่าน กระทู้อะไรต่างๆจากเว็บนี้ก็เริ่มรู้อะไรควรไม่ควรมากขึ้นค่ะ

    ตอนนี้เค้าให้โอกาส เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ ช่วงนี้ได้แค่ส่งไลน์ บ้างนิดๆหน่อยๆ ไม่กล้าพิมพ์เยอะๆ

    บางวันก็แค่ goodnight อย่างเดียว เค้าอ่านหมดอย่างรวดเร็ว อ่านเร็วกว่าเมื่อก่อนด้วย แต่ก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้างแบบเป็นปกติของเค้าเลยค่ะ

    แต่คิดว่าเราจะไม่โทรไปหา จะไม่ถามเค้าเรื่องนี้อีกแล้วค่ะ ไม่รู้เราทำถูกมั้ย

    พอเราไปถึงญี่ปุ่น ก็คงชวนเค้าให้มาเจอ เรากะว่าอะไรที่ค้างคาใจทั้งหมด พอได้เจอหน้ากันจริงๆ เราค่อยพูดค่ะ

    ถ้าเค้าไม่ยอมมาก็เป็นอันว่าชีวิตเดินหน้าต่อไป
    The reply is currently minimized Show
Your Reply