Resolved
2 votes
เฮลโลลลลลลล...........^0^

ก็ไม่มีรัยมากกกกก
อยากแชร์ประสบการณ์ที่ไปญี่ปุ่น
เพื่อพบพ่อแม่ และพี่น้องของแฟน.............
ตื่นเต้นมั้ย?? บอกเลยสุดๆๆ (>///<)


****ต้าอัฟจากโทรศัพท์ เพราะคอมเจ๊ง
พิมพ์ตกหล่น หรือเว้นวรรคผิดยังไง
ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ**** :)


จริงๆตั้งใจจะไปตั้งแต่ปีที่แล้ว
แต่แฟนเกิดลังเลใจซะงั้น

ยกเลิกไม่พาไป เศร้าแปฟฟ.... (T^T)

เรื่องมันเกิดจากที่ทำงาน...........

คือต้าทำงานบริษัทต่างชาติ

แล้วทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน

โดยมิได้นัดหมายว่าต้า คือ สเป๊ก ฝาาา หรั่ง!!

ไม่จริ๊งงงงงงง ปฎิเสธเสียงสูง…………

.

แต่ก็พอจะมีบ้าง ไรบ้างอ่ะนะ คนที่เข้ามาจีบก็จะคล้ายๆ จัสติน ทิมเบอร์เลค

เท่ๆเหมือน อดัม มารูนไฟท์ ซิกแพทแน่นๆอย่าง พี่คริส เฮมส์เวิร์ธ

.

นั่นคือ

.

.

ในฝัน

.

ความเป็นจริง

.

เป็นหนุ่มน้อย

.

.

คือ อายุเหลือน้อย(-..-)

อ้วนลงพุง โสดไม่จริง เช็คเรตติ้ง
แอบเมียมา หากิ๊กเพิ่ม

ขยันส่งดอกไม้หาข้าวของมาเซอร์ไพส์
เช่น เครื่องเพชร จากสามเพ็ง

กระเป๋าแบรนด์เนมจากโรงเกลือ หรือจะเป็น
เครื่องสำอางค์แบรนด์จากแม่สาย….(-…-)

แต่ก็ปฎิเสธไปทุกครั้งเดี๋ยวจะหาว่าให้ความหวัง

รับแต่ข้าวของแต่ไม่รับตัวและหัวใจไว้ดั๊ว (- ^ -)

.

กับแฟนคุยกันทุกเรื่อง มีอะไรจะเล่าให้ฟังหมด

แต่สิ่งที่ได้กลับมา “อาการที่เรียกว่าขาดความมั่นใจ”

พอพูดถึงทริปญี่ปุ่น ฮีก็จะพยายามบ่ายเบี่ยง

ปฎิเสธอ้อมๆ จนบอกตรงๆว่ากลับญี่ปุ่นครั้งนี้จะกลับคนเดียว.....

ถามไปถามมา ......คือไม่มั่นใจว่า

ถ้าพาไปพบพ่อกับแม่แล้ว
เรายังอยากจะแต่งงานกับเค้ามั้ย

เรายังจะมั่นคงกับเค้ามั้ย
เพราะที่ทำงานก็มีคนมาจีบเราอยู่
อยู่ใกล้กันมากกว่าเค้า

ทำงานที่เดียวกัน กลัวว่าเราจะใจอ่อน
สุดท้ายก็ไม่เลือกเค้า

แล้วจะตอบพ่อกับแม่ว่าไง??

อยากให้คบกันนานกว่านี้
ถ้ามั่นใจแล้วจะบอกเอง นี่ไม่ได้มาเล่นๆนะ
เสียงลูกเกด............

.

สตั๊นไป 3 วิ (@_@)

.

หยิบกระจกมาส่องหน้าตัวเอง

.

นี่กรูสวยขนาดนั้นเลยเหรอ……???

.

สุดท้ายเชื่อว่าการกระทำและเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าเราจะมั่นคงต่อกันมั้ย

พยายามเข้าใจ ทำใจ แล้วอวยพรให้เค้าเดินทางปลอดภัย...................

จนมาวันหนึ่งที่เค้าถาม.......เดือนเมษา สงกรานต์ไทยหยุดยาวใช่ป่ะ??

อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเจอพ่อแม่ผมมั้ย???...............

หือออ ?? (. .)

คือ??

มาแบบงงๆ ไม่มีสัญญาณมาก่อน (+__+)

.

แต่ก็แอบดีใจนะ ………..(^0^) (^0^)
เดี๋ยวจะยาวไป ตัดไปช่วงเดินทางเลยล่ะกัน

มาถึงวันเดินทาง.............................
ขึ้นเครื่องที่สนามบินมาเลเซีย
ไปลงสนามบินนาริตะ

เดินทางครั้งนี้ใช้บัตร JR RAIL PASS
แบบ 7 วัน เพราะไปหลายเมือง
และใช้รถไฟชินกันเซ็นเป็นหลัก
ใช้ได้ยันเรือ ครั้งนี้ใช้เกินคุ้ม

เดินทางมาถึงด่าน ตม. ผ่านไปได้สบายชิวๆ
ไม่ถามอะไรเลย

จากนั้นเดินทางเข้าเมือง เพราะแฟนนัดเพื่อนไว้

เป็นเพื่อนรู้จักกันตอนอยู่อเมริกา เพื่อนอินดี้มาก แต่งตัวคล้ายๆคาวบอยแต่ลากอีแตะ
กับอากาศ 16 องศา หนวดยาวจนถักเปียได้
แต่ถักแค่ข้างเดียว เอิ่ม..ม..ม (-…-)

ขอเรียกแฟนตัวเองว่า “อ้วน” และเพื่อนแฟนว่า “คูโบต้า”

คูโบต้าทำงานในวงการแฟชั่น เห็นอินดี้แบบนี้ ลากอีแตะแบบนี้แต่แฟนฮีเป็นดาราและนางแบบนะแจะ คนญี่ปุ่นอาจรู้จักแต่ต้าไม่รู้จักอ่ะ ฮ่าๆๆๆ (^0^)

พากันไปเดินแถวฮาราจูกุ เวลาจะหาเด็กเข้าสังกัดมาเป็นดารา นางแบบ ฮีจะมาแถวนี้แหละ

ถ้าใครอยากเข้าวงการ เจอคนนี้ ลักษณะอย่างที่บอกไว้

เดินไปโพสท่าจิกใส่เลย รับรองได้เข้าวงการเแน่นอน คริคริ (^///^) (^///^)

พักทานข้าวแถวๆนั้น เม้ามอยส์ทั่วไปและแลกของฝากกัน

ทานข้าวเสร็จ ไปเดินชมซากุระตอนกลางคืนในสวน

ซึ่งมันร่วงเกือบหมดต้นแล้ว อีกอย่างมันค่อนข้างมืด

ไฟส่องแค่ตรงทางเดิน วัยรุ่นนั่งจับกลุ่ม ดื่ม สังสรรค์

เป็นกลุ่มบ้าง เป็นคู่บ้าง บางคนเมาเปิดเพลงเต้นกันสุดฤทธิ์

ได้บรรยากาศไปอีกแบบ.... อ้วนจับมือต้าเดิน สบตากันเป็นระยะๆ

เราสองคนเดินไปยืนใต้ต้นซากุระ มองขึ้นไปบนฟ้า

เห็นแสงดาวระยิบระยับ อ้วนยกมือมาช้อนหน้าขึ้นเบาๆ

......มือเย็นจัง คงเป็นเพราะอากาศหนาว

ก่อนค่อยๆก้มลงบรรจงจูบมาที่ริมฝีปากอันอวบอิ่ม แต่สั่นเล็กน้อย

ดอกซากุระค่อยๆร่วงลงท่ามกลางเราทั้งสอง ดั่งหิมะที่กำลังตกในหน้าหนาว

ต้าผละออกเล็กน้อย น้ำตาเริ่มเอ่อมาที่ขอบตา เพราะมีความสุขจนล้นใจ

ตาสบตา ปากเลื่อนขยับเพื่อเอ่ยเอื้อนความในให้อีกฝ่ายรับรู้

.

.

“ พี่รู้มั้ย ฉันมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวัน ” น้ำตาไหลลงอาบแก้ม

“ ไม่ต้องห่วงนะ เราจะเจอกันที่ทางช้างเผือก!! ” เสียงแทรกขึ้นจากด้านหลัง

“ เพ้อเสร็จยัง?...สวนนี้ยังอีกกว้าง ” อ้วนยืนสบถก่อนเดินลากกระเป๋าไปหาคูโบต้า

….ชอบขัดความสุขจริงๆสงสัยไม่รู้จักคำว่าโรแมนติก ชิ! ( -*- ) ( -*- )

หันไปอีกที อ้าวเห้ยย เดินไปกันไกลแล้ว

“ลูกเพ่อ้วนนนน รอ โด้ยยยยยยย ” วิ่งตามหลังไปติดๆ..................

ตอนท้ายร่ำลา แยกย้ายกลับที่พัก

พอถึงโรงแรม อ้วนเปิดน้ำ
ลงไปแช่ เพราะอากาศหนาวมากกก ..

ตอนดึกเกิดคอแห้ง หันไปสะกิดแฟน ........

“อยากดื่มน้ำอ่ะ” ........

อ้วนชี้ไปที่ห้องน้ำ ... “ ไปดื่มในนั้นซิ ”

…..ห่ะ!! ดะ ดื่มในห้องน้ำเนี๊ยนะ!?.....

“เอิ่มม....ดื่มได้ ที่ญี่ปุ่นดื่มได้ทุกที่แหละ” ดึงผ้าห่มไปคลุมแล้วหลับต่อ

.

ยืนทำใจสงบนิ่งหน้ากระจกห้องน้ำ ชำเรืองไปที่ป้าย “ น้ำ ดื่ม ได้ ”

ก็โอเคนะ เชื่อว่าสะอาด แต่ก็นะ... มันอยู่ในห้องน้ำ ความรู้สึกเลยแปลกๆ

.

เลยลองจิบๆ เอาแค่ให้หายคอแห้งพอ

.

ก็แค่จิบ

.

.

3 แก้ว เอง


ตอนสายๆ เดินทางไปเกียวโตด้วยรถไฟชินกันเซ็น
และเช่ารถขับไปนาระ (บ้านพี่สาว) ประมาณชั่วโมงนิดๆ

แต่ไปถึงก่อนเวลา เลยแวะหาอะไรกินแถวนั้น

ขับวนอยู่นานก็ไม่เจอร้านอาหารสักที อ้วนถึงกับบ่น.....

“รู้ว่านาระบ้านนอก แต่ไม่คิดว่าจะบ้านน๊อกกก บ้านนอก ขนาดนี้!!!”

...นั่งๆอยู่ สะดุ้งเฮือก!! ถ้าที่นี่บ้านนอก แล้วที่บ้านกรูควรเรียกว่าอะไร?? ( -*- ) ( -*- )

......เอ่อ...อ้วนคงยังไม่ชินกับที่นี่มั้ง เลยไม่รู้ว่าร้านอาหารมันอยู่แถวไหน

เค้าคงแบ่งเป็นสัดส่วนน่ะ อยู่เป็นที่ๆ ค่อยๆหาเนอะ (^__^) (^__^) ……..

“นั่นซิ... บ้ า น น๊ อ ก กกก ...บ้านนอกกกก” ตามองหาร้าน

จะย้ำทำไมฟร่ะ!!! ( - .. - )

บ้านน๊อกขับรถ เห้.ย.ยย ! พากันขับรถไปอีกสักพักก็เจอร้านอาหาร

นั่งอยู่ในร้านจนใกล้ถึงเวลาพี่สาวเลิกงานค่อยออกไป

พอถึงบ้าน เป็นช่วงที่สามีพี่สาวกำลังออกไปทำงานพอดี (สามีทำงานตอนกลางคืน)

พี่อุ้มลูกออกมาส่งสามี กุ๊งกิ๊งๆๆ เลยทักทายแนะนำตัวกันหน้าบ้าน

พี่รีบเชิญเข้าไปในบ้านเพราะคงได้ยินเสียงฟันกระทบกัน กั่กๆๆๆ

แฟนบอกเอาขาเข้าไปไว้ใต้โต๊ะจะได้อุ่นๆ (โต๊ะโคทัตซึ)

พี่สาวคนนี้เป็นลูกคนที่ 2 มีลูกชายอายุ 3 ขวบ ขอเรียกว่า “ชินจัง” ล่ะกัน

ชินจังเป็นเด็กขี้อายมากกก ไม่ยอมให้คนแปลกหน้าอยู่ใกล้และแตะตัวเลย

ไม่ยอมพูดด้วย แต่กับอ้วนยังมีแอบๆไปใกล้บ้าง คุยบ้าง

อาจเพราะพูดภาษาญี่ปุ่นด้วยมั้ง

ต้าก็พูดนะ แต่สำเนียงอาจจะแบบ.....เล่กาม้า ผีมิขอเล่ฮ้ายเล่นะ ฮ่าๆๆๆ (>///<)

น้องคงคิด.... สำเนียงแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ เ ป็ น ต่ า ง ด้ า ว แน่นอน ( - ^ - )

เรื่อง นี้ ชิน จัง จะ ม่ายยย ยุ่งงงงง.....เสียงรายการคนอวดผี


ต้าหยิบเอาของฝากให้พี่สาว เป็นหมูแผ่นและหมูแผ่นอบกรอบจากเจ้าสัว

พี่สาวดูเป็นคนสบายๆ ไม่ซีเรียส เล่นกับลูกขี่คอขี่หลัง คลานบ้าง

ต้าพยายามจะเล่นกับน้อง แต่น้องไม่ยอมเล่นด้วย ( -*- ) ( -*- )

อ้วน : เนี๊ย.....พี่จบ ป.ตรีพร้อมกันทั้ง 2 มหาลัย

ต้า : อู้....อ..อ. เก่งจังเลย เป็นคนที่มีขยันและอดทนมากๆ..... มองด้วยความชื่นชม

พี่สาว : ยิ้มแก้มปริด้วยความภูมิใจ

อ้วน : เปล่าาาา มันบ้าน่ะ! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

พี่สาวตะกุยๆๆตีแขนๆๆๆ อิอ้วนหัวเราะด้วยความสะใจ

เสร็จจากแกล้งพี่ก็หันไปแกล้งหลาน เฮฮาปาจิงโก๊ะกันจริงๆ..........


บ้านพี่สาวเป็นบ้าน 2 ชั้น นอนข้างบน แบบเรียวกัง

ตอนเช้าตื่นลงไปข้างล่างพี่เขยกลับมาก่อนแล้ว ชินจังนอนใต้โต๊ะข้างๆพ่อ

พี่เขยกับพี่สาวหันมาทักพร้อมกัน “ Hello ”

ต้า ........โอ...โอะฮาโยโกซาอิมัส... แบกกระเป๋าเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

อิอ้วนนั่งฝอยกับพี่เขยอย่างเมามันส์....... ฟันยังไม่แปรงนะนั่น (-…-)

พอแต่งตัวเสร็จ เดินออกมาด้วยความมั่นใจ

ประดุจเจ้าหญิงลงจากบรรไดวัง

ทุกคนมองมาพร้อมกัน ต้าโปรยยิ้มอ่อนๆ เสมือนอยู่บนเวทีนางงาม

มองไปที่โต๊ะ

.

ทุก คน ทาน ข้าวเช้าใกล้จะเสร็จแล้ว ( - * - )

.

เอ่อออ....ระ เราคงไม่แต่งตัวนานไปช่ะ?? ( - ^ - )

จากที่เดินมาด้วยความมั่นใจ ค่อยๆตัวลีบ เนียนๆนั่งไปกับเค้า


พี่สาวเตรียมในส่วนของต้าไว้ให้แล้วล่ะ

ชินจังพอกินเสร็จก็เริ่มเล่น ทีนี้มีทั้งพ่อทั้งแม่อยู่เริ่มไม่กลัว

โชว์สกิล ด้วยการปีนทีวีโชว์!!! เป็นชินจังควัก

เอาหลอดมาดูดทำท่าเหมือนสูบบุหรี่ แม่พยายามดึงออก

ชินจังตะโกน “เอาคืนมานะ!! นี่คือบุหรี่ของข้าาา”

อิอ้วนหัวเราะชอบใจ........สงสัยเห็นผู้ใหญ่ทำบ่อยซินะ (-…-)

พ่อกับแม่จะไม่ดุลูก จะพูดกับลูกดีๆเบาๆ


ใกล้ 8 โมง พี่สาวแต่งตัวไปทำงาน ชินจังไปเนอสเซอรี่ โดยสามีไปส่งพร้อมกัน

แม่บอกให้ไปลาโอจิซังกับโอบะซังก่อน

ชินจังเดินไปหาอ้วน “โอจิซัง ไปเรียนแล้วนะ”
เข้าไปกอดแล้วแทคไฮไฟว์

หันมาหาต้า “โอบะซัง ไปเรียนแล้วนะ บ๊าย บาย” ยกมือมาแทคไฮไฟว์

น้ำตาจิไหล หลานยอมพูดด้วยครั้งแรก (TT__TT)


ช่วงเช้า เที่ยวรอบๆเมืองนาระและเกียวโต ( มีรูปด้านล่าง )

ต่อด้วยเกียวโต เสร็จจากนั้นเอารถไปคืน นั่งรถไฟชิงกันเซ็น
ต่อด้วยรถไฟซากุระไปฮิโรชิมา นั่งรถไฟในตัวเมืองฮิโรชิมา
ไปขึ้นรถไฟฟ้า Sky Train มาถึงทางเข้าบ้าน เดินไปอีกหน่อยก็ถึงบ้านพอดี

แม่ะ!! แค่เดินทางนี่ล่อไปซะเกือบเย็น ต้าเดินลากกระเป๋าตามอิอ้วน แต่กๆแต่กๆ

ไปถึงหน้าบ้านเห็นตะโกน เรียกใครนี่แหละ ฟังไม่ทัน พอผู้หญิงเดินเข้ามาใกล้

หันไปถาม “พี่สาวเหรอ วันนี้พี่สาวมาบ้านเหรอ??”

อ้วนมองหน้า ทำหน้างงๆ ......นั่น แม่!!......

แม่!? (O_o) …….โอ้แม่จ้าววววว ขุ่นแม่หน้าเด็กมว๊ากกกก (- 0 -)

แม่รีบทักเป็นภาษาอังกฤษก่อนเลย ต้าแนะนำตัวเองเป็นภาษาญี่ปุ่น


ถึงห้องรับแขก ต้านั่งสไตล์แบบคนญี่ปุ่น พับขา ยืดตัวตรง

แม้แต่ถอดรองเท้าก็ถอดแบบคนญี่ปุ่น มองไปที่อิอ้วน

ยักคิ้วให้ทีนึง ใช้สายตาสื่อสาร “เป็นไงล่ะ เป๊ะละซิ หึหึ” ทำหน้าระดับ 10

อ้วนสบัดเอว 2 ที .... ปู๊ดดดดดดดดดดด เกาตูด แกรกๆๆ

แล้วก็นอนแผ่ ....กางแขนกางขาเต็มที่

เอ่อ.อ.อ.ก็บ้านเค้าเนอะ จะทำอะไรก็ได้นิ (-…-)

สักพักพ่อเดินมา ต้ารีบลุกขึ้น
ไฮ!!โคนนิจิว่ะ บลาๆบลาๆ……

อิอ้วนนอนหัวเราะคิกคัก....“ เธอ เธอๆอย่าเครียด ทำตัวสบายๆ ”
ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆ

ช่ะมั้ยพ่อ....... เอื้อมมือไปเขย่าขาพ่อ

อ้วนเดินออกไปกับพ่อ สักพักแม่เดินเข้ามา

“ต้าซัง ......ที่นี่มีแมว 2 ตัว หมาอีก 1 ตัว แมวตัวใหญ่มาก

หนักเกือบ 10 โลแนะ แต่หมาที่นี่ดุนะ อยู่ในบ้านอีกหลัง” ชี้ไปข้างบ้าน

อ้วนเดินมาพร้อมกับแมวที่บอก อีกตัว 7 เดือน

...น่ะ นั่น แมวหรือหมี!? มานน ตัว หย้ายย หย่ายย... (O_o)

ปิดประตูแกล้งแมว ไล่ฟัดกันในนั้นแหละ (- 0 -) อยู่บ้านพี่สาวแกล้งหลาน

อยู่บ้านแกล้งแมว ไม่ต้องสงสัยนะ ถ้าอยู่กันสองคนจะแกล้งใคร (TT__TT)

เอาของฝากออกมาให้แม่ เป็นผ้าไหมจากจิมทอมสัน

ส่วนพ่อเป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ ผลไม้อบแห้ง
หลากหลายรสชาติจากจิมเหมือนกัน

แม่ค่อยๆเปิด เราก็นั่งลุ้น จะถูกใจมั้ย อ้วนบอกนั่นผ้าไหมไทยนะ

แม่ทำหน้าตกใจ ...โหหหห จริงเหรอ??

ค่อยๆสัมผัสเนื้อผ้า เป็นผ้าไหมคลุมไหล่

ดูแม่ดีใจมาก ขอบคุณแล้วขอบคุณอีก (^__^) (^__^)


ตั้งแต่ลูกกลับมาแม่ดูตื่นเต้นตลอด คอยถามคอยบริการ

ต้าเองก็เกรงใจมากๆ อ้วนบอกพ่อว่าต้าชอบกินมันญี่ปุ่น

เพราะที่ไทยแพง เคยไปซื้อที่ห้างหนึ่ง โลละ 1,000

พ่อทำท่าชักแง่กๆๆ ......ทำไมมันแพงจังลูก!!

….นั่นซิ ไม่รู้มันพันธุ์อะไร แต่อร่อย เนื้อแน่นแต่นุ่ม
หอม หวาน พอเผาเสร็จเปิดเนื้อร้อนๆ สีมันจะเหลืองๆ
ผิวเยิ้มนิดๆเหมือนน้ำผึ้ง แฮ่ๆ น้ำยายไยยยย

พ่อนี่รีบไปขุดมันในสวนมาเผาให้เลย ...............


ที่นี่เป็นบ้าน 2 ชั้น ยกพื้น มีทางเดินไปห้องรับแขกจนถึงห้องน้ำและห้องอื่นๆ

ทางเดินปูด้วยพรม มีรองเท้าให้ใส่ภายในบ้าน
บ้านเป็นแบบสไตล์ญี่ปุ่น ไม่เชิงสมัยเก่ามาก

ของใช้ในบ้านเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งหมด

พ่อแม่อยู่กัน 2 คน อยู่ในห้องครัวเป็นหลัก ห้องอื่นๆแทบไม่ได้ใช้เลย

ในห้องรับแขกมีรูปปู่ย่า และทวด ปู่ย่าเสื้อผ้าที่ใส่ดูทันสมัย

แต่ทวดทั้งสองเป็นเสื้อผ้าสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม

ดูรูปท่านแล้วเหมือนกำลังถูกมองแต่ไม่ได้รู้สึกกลัว

เพราะเรามั่นใจว่าเรารักหลานและเหลนท่านจริง ไม่ได้คิดมาหลอกลวง


นั่งไปสักพักเริ่มรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน อยากจะอ้วก แล้วก็อ้วกจริงๆ

.

ย้อนกลับไปตอนที่นั่งรถไฟกำลังเดินทางเข้าสู่ฮิโรชิมา

อยู่ๆก็ปวดหัวขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ ปวดหัวข้างเดียวเหมือนไมเกรน

อ้วนต้องซื้อยาให้กินถึงเริ่มดีขึ้น

.

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน อ้วกเสร็จไปรอบแรกเริ่มมึนๆ

แม่กำลังเสริฟ์อาหารพอดี พร้อมมันเผาร้อนๆ

กินไปสักพัก แม่คงเห็นสกิลการใช้ตะเกียบของกระเหรี่ยงน้อยแล้วเห็นใจ

รีบเข้าไปในครัวเอาช้อนซ้อมมาให้ พ่อก็กลัว
เราจะเกร็งกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นเกินไป

..... “สบายๆนะลูก คนญี่ปุ่นสมัยใหม่ก็ใช้ตะเกียบไม่ค่อยเก่ง”..... ยิ้ม (^__^)

เกรงใจไม่รู้จะเกรงใจยังไง ได้แต่ ........อาริกาโต๊ะโกซาอิมัสชิตะ.......

กินข้าวเสร็จ โชว์อีกรอบจร้าาาา อ้วกจนหมดไส้หมดพุง

โอ๊ยยย.....ทำไมต้องมาเป็นอะไรตอนนี้ด้วย (TT__TT)

ทุกคนเห็นท่าไม่ดี ยกโต๊ะออก เปลี่ยนเป็นที่นอนให้ต้าได้พักผ่อน

เพราะห้องนอนอ้วนโดนแมวยึดเรียบร้อยแล้ว

นอนแบบเรียวกังเหมือนเดิมแต่อุ่นขึ้นกว่าเดิม

ทุกประตูทางเข้าออก แม่จะเอารองเท้านิ่มๆมาวางไว้ให้

อ้วนพาไปล้างหน้าที่ห้องอาบน้ำ เผื่อจะดีขึ้น

ในห้องครัวจะมีห้องอาบน้ำและห้องน้ำคนละฝั่ง (มีห้องน้ำ 2 ห้อง)

และโซฟาดูทีวีของแม่ (คล้ายๆห้องนั่งเล่น) ติด

ห้องครัวจะเป็นห้องนอนของพ่อกับแม่

กลับมานอนที่ห้อง พออาการเริ่มดีขึ้นก็อยากอาบน้ำ แต่ดึกแล้วไม่อยากกวน

เลยนอนแบบไม่อาบน้ำนั่นแหละ ส่วนอ้วนนั่งคุยกับพ่อแม่อยู่ในครัว


ดึกแค่ไหนไม่รู้ ไม่รู้กำลังฝันหรือตื่น รู้แค่ว่าปวดหัวมาก เหมือนหัวจะระเบิด

ได้ยินแต่เสียงเรียก .... “ต้าจัง ต้าจัง ต้าจัง” มือยื่นมาจับหน้าผาก จับแก้ม

สักพักอุ้มขึ้นมากอดในอก เอาขวดน้ำมาจ่อที่ปาก...... “ต้าจัง ต้าจัง ดื่มน้ำซิ”

พยายามฝืนมอง .... “อ้วนเหรอ?”

… “ใช่ ดื่มน้ำแล้วกินยาก่อน”… พยายามเอายาเข้าปาก

อ้วนนอนลงข้างๆให้ต้านอนในอ้อมแขน มืออีกข้างลูบหลังเบาๆ แล้วหลับไปตอนไหนไม่รู้.....


ตื่นมาตอนเช้าอาการยังไม่ดีขึ้น เพิ่มเติมคืออยากจะอ้วกตลอด

แต่ต้องฝืนไปทานข้าวก่อน เข้าไปในครัว แม่ทำอาหารเตรียมไว้เต็มโต๊ะ
เป็นแบบสไตล์อเมริกัน ต้าค่อยๆคีบอาหารเข้าปาก

อาการตอนนี้แย่มากๆปวดหัวจนอยากจะร้อง ท้องไส้ก็ปั่นป่วน

พะอืดพะอม อ้วนถาม Are you ok? อาการมันคงออกทางสีหน้า

ต้ากินแบบเงียบๆ รีบกิน ทั้งๆที่กลืนแทบไม่ลง ไม่ใช่อาหารไม่อร่อย

แต่ข้างในท้องมันพยายามดันอพยายามฝืนยิ้ม ทำตัวให้ปกติเข้าไว้

กินเสร็จด้วยความเคยชิน จะเก็บจานไปล้าง

แม่รีบห้าม ....วางไว้ตรงนั้นแหละลูกเดี๋ยวแม่เก็บเอง....

....เดี๋ยวพ่อล้างให้เอง ลูกไปพักผ่อนเถอะ.....พ่อพูดเสริมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ต้าก้มหัวขอบคุณ เดินออกมาเงียบๆ อ้วนรีบเดินตาม เอาน้ำกับยามาให้

เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนต้านอนละเมอพูดอะไรไม่รู้ ส่ายหัวไปมา

พอเดินมาดู เห็นน้ำตาเต็มหมอน จับดูตัวก็ร้อน เลยปลุกมากินยา

ขอร้องให้ต้าไปโรงพยาบาล เพื่อความสบายใจ

พ่อกับแม่เป็นห่วงตั้งแต่เมื่อวาน

อ้วนก็นอนไม่หลับทั้งคืน กลัวว่าจะเป็นอะไรไปแล้วช่วยไม่ทัน

รู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงกันขนาดนี้ (TT__TT) (TT__TT)

วันนั้นนอนจนถึงบ่าย พอตื่นดีขึ้นมาหน่อย อากาศไม่เย็นมาก

แต่ยังมีปวดหัวบ้าง เลยออกไปถ่ายรูปกับดอกไม้รอบๆบ้านเล่น


คงเห็นว่าตื่นแล้ว อ้วนถือถาดใส่มันเผากับชามาให้ แม่บอกให้เอามาให้ต้าจัง

ทุกคนดูแล เทคแคร์ต้าดีมาก ซาบซึ้งใจไม่รู้จะบรรยายยังไง

ยืนกินกลางสวนนั่นแหละ กินไปเดินชมสวนไป อ้วนคอยเดินถือถาดตาม

รู้สึกผ่อนคลาย แลฟิลลิ่งเจ้าหญิงมั๊กมาก (^__^) (^__^)

เห็นว่าต้าอาการดีขึ้น อ้วนอยากพาไปเที่ยวในเมืองและชอปปิ้ง

ใช้รถคันเล็กๆ เล็กจริงๆ ความเร็วสูงสุด 140/ชม.

เห็นคนญี่ปุ่นขับกันเยอะ กระทัดรัด เหมาะกับการไปซื้อของจ่ายตลาด

ที่บ้านมีรถ 2 คัน คันเล็กไว้ขับในตัวเมืองหรือใกล้ๆ อีกคันเป็นคันใหญ่

เราไปชอปปิ้งที่ถนนฮอนโดริ (Hondori) เป็นแหล่งชอปปิ้งใจกลางเมืองฮิโรชิมา
เป็นถนนคนเดินเส้นยาว หลังคาโปร่งแสงสูง มีร้านค้าร้านอาหารเยอะแยะมากมาย


ตอนที่ไปฝนเริ่มตกลงมาเรื่อยๆ กำลังสนุก

อาการปวดหัวกลับมาอีกแล้ว(TT__TT)

เวลาที่ปวดมันจะปวดทันที ไม่มีสัญญาณมาก่อน ตามันจะเบลอๆ ภาพจะเบลอไปหมด

แล้วมันเป็นทุกๆนาที พยายามฝืนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เพราะเห็นอ้วนกำลังสนุกกับการพรีเซ้นส์ที่นี่และชอปปิ้ง

ฝืนจนซื้อของได้ครบ ถึงเวลากลับ ฝนยังไม่หยุดตก


อ้วนขับรถพาไปดูอะตอมมิกโดม คือซากตึกไม่กี่หลังที่ยังเหลืออยู่

หลังจากที่โดนระเบิด นอกนั้นโดนเรียบเป็นหน้ากลองไปอีกหลายกิโล

เล่าว่าอาคารนี้เป็นอาคารที่แข็งแรงที่สุดในตอนนั้น

และศูนย์กลางระเบิดห่างจากจุดนี้แค่ 150-160 เมตร ตึกนี่แข็งแรงจริงๆ

ตอนนั้นปวดหัวมากเลยไม่ได้ถ่ายไว้


กลับไปถึงบ้านอัดยาอีก ปกติต้องกินยาทุก 4 ชั่วโมง แต่ต้าอัดไปเกือบทุกชั่วโมง

กินยาจนปากเปื่อย หน้าแห้ง ปากแตก รู้ว่ามันอันตรายแต่มันปวดเกินจะรับไหวจริงๆ

อ้วนขอร้องให้ไปโรงพยาบาลให้ได้ ต้าบอกถ้าคืนนี้ยังไม่ดีขึ้นถึงจะไป

แล้วก็หลับไปโดยที่ยังไม่อาบน้ำอีกแล้ว (แต่ตอนเช้าอาบทุกวันน้าาาา (-^.^-)

ตื่นมาเช้านี้อาการดีขึ้นมาก อ้วนมาตามไปทานข้าวเช้า

พ่อกับแม่แสดงอาการเป็นห่วงเหมือนเดิม

......ไข่ม้วนแม่อร่อยมาก แม่ทำกับข้าวเก่งจัง......ยิ้มกว้างงงง (^_____^)

แม่ยิ้มรับ.... “ทำง่ายๆลูกไม่ยากเลย หนูก็ทำได้” ยกน้ำชามาเสริฟ์

กินเสร็จแม่สอนวิธีทำไข่ม้วนให้ ทำง่ายจริงด้วย เอามากินต่อ (-^.^-)


ตอนเช้าไปเที่ยวมิยาจิมา นั่งเรือข้ามไป วันนี้อากาศดี 25 องศา

แต่ก่อนเข้าใจว่าญี่ปุ่นมีธรรมชาติน้อย แต่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี
และความทันสมัย แต่เปล่าเลยคนญี่ปุ่นดูแลธรรมชาติดีมากๆ

มองไปทางไหน มีภูเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ หลงรักที่นี่เลย


หลังจากกลับเกาะ อ้วนแวะไปเยี่ยมเพื่อนที่ทำงาน

เป็นร้านขายรถชอปเปอร์ ฮาร์เลย์อะไรประมาณนั้น

มองดูผิวเพื่อน หู้วววววว...ววว....

คนอะไร...ข๊าววว ขาว.... ยังกะจะโปร่งแสง คนนี้อยู่ใกล้ๆ
บ้าน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ 3 ขวบ เม้ามอยส์กันสักพัก เลิกงานค่อย
เจอกันอีกทีแล้วจะมาเอาของฝากที่บ้าน (ของต้าเองเจ้าสัว เจ้าเดิม ฮ่าๆๆ)


ตอนเย็นพี่สาวแวะมาทานข้าวที่บ้าน เป็นพี่คนโตสุด

ต้าแนะนำตัวปกติและเอาของฝากมาให้ พี่กำลังท้อง 6 เดือน

ดูเป็นคนนิ่งๆ สุขุม สไตล์พี่คนโต ฟังมากกว่าถาม

ต้าเห็นแม่ทำครัวอยู่คนเดียว คนอื่นนั่งหมด เกิดสงสัยเลยถาม…

.......ได้คำตอบมาว่า ใครเป็นเจ้าของบ้านคนนั้นก็ต้องทำ แขกมีหน้าที่นั่งเฉยๆ

...... “ ถ้างั้น...แม่คงทำงานหนักมาก นอกจากดูแลทุกอย่างในบ้าน
ก็ต้องดูแลความเป็นอยู่ทุกคนอีก ”...........ทำหน้าเห็นใจ

“ YESSSSSSS ” ………..แม่ตอบทั้งที่หันหลังทำกับข้าว

พ่อสวนกลับ “ พ่อหนักกว่า เพราะแม่จะคอยคอมแพลนและพ่อต้องทำให้ถูกใจแม่ ”
ทำหน้าน้อยใจ ......สรุปหนักทั้งคู่ แต่ต่างที่หน้าที่และความรับผิดชอบ (^____^)


วันนี้ทานข้าวพร้อมกัน 5 คน

ต้าทานเสร็จอ้วนบอกให้ไปพักผ่อน ตอนนั้นเข้าใจความรู้สึกคนนอกเป็นยังไง

คนในครอบครัวเค้าจะคุยกัน (TT__TT) ต้าก้มหัวกล่าวขอบคุณเดินแล้วออกมา

ปิดประตู แต่ยังยืนอยู่ข้างๆประตูนั่นแหละ ………….


ไม่ได้แอบฟังน้าาาา........ทำตาบ๊องแบ๊ว

รู้ว่าเค้ากำลังคุยกันเรื่องต้า ยืนฟังอยู่สักพัก
ยกมือขึ้นมาปิดปาก น้ำตาจะไหล

.

.

ถ้าจะโหดร้ายขนาดนี้ ถ้าจะพูดกันแบบนี้ (tt_tt) ยกมือทาบอก

.

....

.

.......แปลไม่อ่อกกกกก เค้าคุยอะไรกานนนนน........ (- 0 -) (- 0 -)

.................ไปรอที่ห้องก็ด้ายยย...................


เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างพร้อมและอบอุ่น

ลูกชายแทบไม่ต้องทำอะไร

แม่ทำให้หมด ถ้าลูกคนที่ 3 ยังไม่ใช่ลูกชาย ก็จะมีเรื่อยๆจนกว่าจะได้ลูกชาย (>///<)

เพราะฉะนั้น อ้วนจะถูกตามใจและเอาใจมากที่สุด


อ้วนและพ่อจะพูดเสมอว่า ญี่ปุ่นเป็นเกาะเล็กๆ คนที่นี่เลยต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย

ไม่พอใจก็ต้องเก็บอาการ ไม่เผยความรู้สึกที่แท้จริงออกมา

เพราะจะทำให้ทะเลาะกันได้ อยู่ด้วยความบาดหมางใจ ลำบากใจ จะย้ายไปที่อื่นก็ไม่ได้

เพราะเกาะก็มีแค่นี้ คนญี่ปุ่นเลยเลี่ยงที่จะพูดอะไรตรงๆที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกอีกฝ่าย

เน้นอยู่ด้วยกันด้วยความสามัคคี ยังไงก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะที่นี่เกิดภัยธรรมชาติบ่อยต้องรักและสามัคคีกันไว้


หลังจากพี่สาวกลับ แม่มาเรียกต้าหน้าห้อง

ขนาดจะเข้ามายังต้องขออนุญาตก่อน แม่มารยาทดีกว่าหนูอิก ( - ^ - )

แม่เอาเสื้อผ้าแบรนด์มาให้หลายชุด เป็นชุดเดรสยาว

และให้ SK-II อีกเซตใหญ่ สงสัยไปถามจากอ้วน

น้ำตาจะไหล ซาบซึ้งอีกแล้วขุ่นแม่.......

อ้วนเล่าให้ฟังทีหลัง แม่จะคอยถามตลอด ว่าต้ากินอาหารรสชาติแบบไหน

ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แม่บอกชอบต้านะ

อ้วนเล่าเรื่องต้าให้ฟังเยอะ ทั้งเรื่องดี เรื่องโก๊ะๆ

ที่แม่ชอบที่สุด เป็นเรื่องความเป็นแม่ศรีเรือน

อย่างที่บอก แม่รักลูกชายมาก ถ้าคนที่ลูกชายเลือก

ดูแลได้ดีเหมือนที่แม่ดูแล แม่ก็สบายใจหายห่วง

อีกอย่างอ้วนหนักขึ้นหลายโล ยิ่งเน้นย้ำว่าลูกชายอยู่ดีกินดี (๛^.^~)


ส่วนพ่อ ถ้าลูกชายจะแต่งงานกับต้า พ่อยินดีให้แต่ง

เพียงแต่เป็นห่วงต้าจะเข้าสังคมญี่ปุ่นไม่ได้

เพราะคนญี่ปุ่นยอมรับแค่คนญี่ปุ่นด้วยกัน ทั้งเรื่องภาษาและวัฒนธรรม

กลัวจะกดดันต้าจนเกินไป พ่อเป็นผู้ชายเลยใช้เหตุผลมากกว่าความรู้สึก

อ้วนเข้าใจเพราะเคยใช้ชีวิตที่ต่างประเทศมาก่อน ตอนนี้พ่อกับแม่ไฟเขียวแล้ว

อ้วนขอให้ต้าพยายามเรียนภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นให้มากขึ้น

ใช้เวลาและความอดทนในการปรับตัว

วันสุดท้าย เดินทางกลับตั้งแต่ตี 5 พ่อขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟชิงกันเซ็น
ไม่ไกลจากบ้านมาก เพื่อเข้าออฟฟิตที่โตเกียวก่อนกลับมาเลเซีย

ขนาดจะกลับแล้ว แม่ยังฝากมันเผาใส่กระเป๋าอ้วนมาให้ต้ากินระหว่างทาง

ซาบซึ้งอีกแล้วขุ่นแม่ (TT__TT)

พาออกจากฮิโรชิมา อาการปวดหัวเริ่มดีขึ้น ทุกอย่างเริ่มกลับมาปกติ


ระหว่างที่นั่นรถไฟกลับ เลยหลับเอาแรง เพราะอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงโตเกียว

อ้วนคงเห็นว่าต้าหนาว ถอดเสื้อตัวเองมาคลุมให้

พอต้าตื่นเห็นอ้วนหลับในท่ากอดอก เลยเอาเสื้อไปคลุมตัวเค้าไว้


มองหน้าแฟนตัวเอง......ตกหลุมรักอีกแล้ว (>///<)

.

จากคนแปลกหน้า มาเป็นคนรู้จัก

.

สุดท้ายกลายมาเป็นคนรัก

.

ความรัก ความผูกพันธ์เริ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ผ่านไป

.

มองย้อนกลับไป ไม่คิดว่าเราสองคนจะมาถึงจุดนี้ได้

เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ค่อยๆเอื้อมมือประครองหัวแฟนให้มาซบที่ไหล่

มองออกไปที่หน้าต่าง รู้สึกขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เราสองคนได้มาเจอกัน


รู้สึกเลี่ยนม่ะ?? 555555555555555

........................................................................

..........................................
นี่คือประสบการ์ณที่ได้พบพ่อแม่แฟนที่ญี่ปุ่น


ยาวมว๊ากกกกก แต่ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบค่ะ (- ^.^ -)

ขอให้ทุกคู่ที่กำลังคบหรือเริ่มศึกษานิสัยใจคอกัน

พยายามใช้ความรัก ความอดทน เข้าอกเข้าใจ เห็นใจกัน

ในการประคับประครองความสัมพันธ์นะคะ ทุกอย่างอาจจะไม่ง่าย
ราบเรียบ แต่ถ้าคนสองคนเข้าใจกันมากพอ ต้าเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้


ต้าก็วนเวียนๆอยู่ในกระทู้นี่แหละ ฮ่าๆๆ

ช่วงนี้ว่างมากมายจนถึงสิ้นเดือนเพราะกำลังจะออกจากบริษัทที่ทำอยู่ เริ่มงานใหม่ต้นเดือนหน้า เลยมีเวลาตอบกระทู้บ่อยๆ (^___^)

ประสบการ์ณกับญี่ปุ่นอาจไม่ได้ระดับปรมาจารย์

แต่ถ้ามีอะไรช่วยให้คำปรึกษาได้ ต้ายินดีค่ะ (^___^)

ต้าเองก็ยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ เช่นกัน

ขอให้ทุกๆคู่ประสบความสำเร็จ มีความสุขเยอะๆค่ะ.....................(๛^.^๛)
Thursday, April 21 2016, 11:33 AM
Share this post:

Accepted Answer

Thursday, April 21 2016, 11:57 AM - #Permalink
Resolved
0 votes
อัฟรูปไม่ได้:(
The reply is currently minimized Show
Responses (18)
  • Accepted Answer

    Thursday, April 21 2016, 12:01 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    อัฟรูปไม่ได้:(
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, April 22 2016, 11:28 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เป็นครอบครัวที่น่ารักมากค่ะ รอฟังข่าวดีคุณต้าเร็วๆนี้นะคะ
    สิ่งที่คุณพ่อแฟนคณต้าเป็นสิ่งที่ต้องเตรียมรับมือจริงๆค่ะ
    บางครั้งที่เราทำได้คือยอมรับว่ามันสังคมเขา เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ใช้ได้จริงๆค่ะ

    แล้วเห็นบอกว่าไปมาช่วงสงกรานต์
    ที่ปวดหัวอาจจะเพราะแผ่นดินไหวก็ได้นะคะ
    เพราะฮิโรชิม่าก็ไม่ไกลจากคุมาโมโตะมาก น่าจะโดนผลกระทบสักระดับ1-2
    ตอนที่เรนเรียนที่เกียวโตเวลาแผ่นดินไหวจะเวียนหัว ปวดหัวมากค่ะ
    อาการจะเหมือนเมารถ หัวจะโคลงๆ อยากอาเจียน>
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Saturday, April 23 2016, 12:58 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ยินดีด้วยค่าคุณต้า ครอบครัวแฟนน่ารักมากเลย แลดูท่านใจดีมาก ^^

    รอฟังข่าวดีด้วยคนนะคะ ;)
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    koiki
    koiki
    Offline
    Saturday, April 23 2016, 05:27 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เราเป็นคนนึงที่กลัว การพบปะครอบครัวแฟนมากกก

    อ่านของคุณต้าแล้วรู้สึกว่ามัน อาจจะไม่เลวร้ายเท่าไหร่ 555

    คือพื้นฐานครอบครัวแฟน ค่อยข้างน่ากลัวสำหรับ เคยคิดว่าสูงไปรึเปล่าน่ะ เราจะเข้ากับเค้าได้มั้ยน่ะ

    แฟนเคยบอกว่า ถ้าเข้ากับมันได้ก็น่าจะเข้าที่บ้านได้ เพราะมันเป็นคนที่เข้าใจยากที่สุดในบ้าน (จริงหราาาาแกร๊!!)


    คือตอนที่แอบคบกันไปๆมาๆ ไทยญีปุ่น มีอยู่ครั้งนึง เราก็ไปพักอยู่บ้านเค้า ก่อนหน้านั้นพี่ชายเค้ามายืมรถไป

    แล้ว เช้าวันนึง เรายังนอนอุดตู่อยู่ใต้ฟูตง แฟนก็เดินมาจิ้มๆ เเล้วบอกว่า เดี๋ยวพี่จะมาน่ะ จะเอากุญแจรถมาคืน

    แฟน: นี่นี่ เดี๋ยวพี่มานะ
    เรา: อือออออ (นอนอยู่)
    แฟน: จะล้างหน้าแต่งตัวมั้ย
    เรา:อืออ (ทำไมต้องแต่งตัว)
    ........
    เรา: ห๊ะะะ พี่จะมาหรอออ....
    แฟน:อือ ใช่
    เรา: งั้นเค้าออกไปข้างนอกสักพักดีมั้ย
    แฟน: ทำไมอ่ะ
    เรา: ไม่อยากเจอ กลัว
    แฟน: 5555 งั้นเดี๋ยวบอกพี่ไห้หย่อนกุญแจไว้ที่กล่องจดหมายแล้วกัน
    เรา: เครรรรรร จุ๊บุุ๊ นอนต่อแปป
    ยังไม่ทันได้นอนน ปิ๊งป่องงงง ปิ๊งป่องงงง สองคนหันไปมองจอ
    แฟน: เห้ยพี่มาแล้วอ่ะทำไง
    เรา: ม่ายยยย งั้นไปนอนแอบใต้ผ้าห่มในห้อง (เห้ยย อะไรเนี่ย หน้าไม่ล้างฟันไม่แปรง เสื้อในก็ไม่ได้ใส่ T^Tแล้วก็วิ่งเข้าห้องคลุมโปงง)

    หลังจากนั้นแฟนก็ปิดประตูห้อง......แล้วเราก็แอบฟัง 555

    พี่ชาย: เอ๊ะ!! มีใครมาหรอ
    (ลืมค่ะ กระเป๋าเดินทางเปิดแผ่หราาอยู่ลางบ้าน อ่อออยยย)
    แฟน: อ่อ 5555 อื้ออ
    พี่ชาย: อ่อหรอ มาจากไหนอ่ะ
    แฟน: ไทย
    พี่ชาย: ห๊ะะะะ
    แฟน: せこいおgもえrjyうぇお=*%32もjwてぽえr
    พี่ชาย:つthあえk「stい$^($8れjwぽ、あ「;p*$
    (คันไซเบ็งมาแล้วจ้าาาาา รัวๆๆๆๆ ฟังไม่รู้เรื่องเบยยย)
    พี่ชาย: ขออาบน้ำหน่อยสิ
    แฟน:อ๋อได้สิ
    (อร๊ายยยยยยย หนายยบอกกจะเอากุญแจมาคืนเฉยยย เฉยยยย)
    ......หลังจากนั้นไม่ได้ยินคุยกันเบามาก......
    แล้วแฟนก็เดินเข้ามา

    แฟน: นี่นี่ ตอนเย็นไปกินข้าวเย็นกับพี่มั้ย
    เรา: โน่ววววววว
    แฟน: ทำมายยอ่าาาา
    เรา: กลัวววววอ่าาาา
    แฟน: พี่ชายพูดภาษาอังกฤษเก่งนะ
    เรา: หรออ ม่ายยยอาววว คราวหน้าได้มั้ยย ไม่พร้อมมม
    แฟน: 5555 โอเครๆ


    ..........ตอนนั้นก็รอดไป.........

    ตื่นเต้นอีกที ตอนแม่เค้าเจอรูปเราใรโทรศัพท์ลูกชายยยย ก็ซักกันยาววว เลยจ้าาาา แต่ดูเหมือนคุณแม่จะใจดี

    ได้คุยกันครั้งแรกตอน ไปเที่ยวไต้หวันกับแฟน แล้วคุณแม่เค้าเสนอจะออกค่าอาหารไห้

    แฟนเลยไห้โทรไปขอบคุณ ..... คิดว่าเป็นคนใจดีน่ะ น่ารักมาก ... โล่งใจไปได้หน่อยนึง

    แต่พ่อนี่สิ กลัวววววววว T^T
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Saturday, April 23 2016, 09:16 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    @ K.เรน ต้าไป 10-15 เมษาค่ะ ต้าเองก็ไม่รู้ว่าสาเหตุจริงๆเกิดจากอะไร แต่หายก็ดีมีใจมากแล้วค่ะ เพราะมันทรมานมากกก (TT___TT)
    รอฟังข่าวดีจากคุณเรนเช่นกันนะคะ (^___^)
    (^___^)


    @ K.Blossom pink ขอให้มีข่าวดีเร็วๆเช่นกันนะคะ :)


    @ K.Koi เรื่องของคุณ Koi น่ารักจัง
    ต้าเองก็เคยกังวล กลัวว่าจะเข้ากับที่บ้านเค้าไม่ได้หรือที่บ้านเค้าไม่ยอมรับ เคยถามแฟนว่าถ้าที่บ้านไม่ยอมรับจะเลิกกันมั้ย แฟนตอบว่า....."คนที่รู้จักต้าดีกว่าทุกคนคือเค้า คนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับต้าก็คือเค้า ต้าคือความสุข ปัจจุบันและอนาคต ถ้าที่บ้านไม่ยอมรับก็จะพาไปบ่อยๆ จนกว่าจะยอมรับ ถ้าพ่อแม่เห็นเค้ามีความสุขที่อยู่กับต้า คงไม่ใครขัดหรอก" บอกว่าต้าน่ะคิดมากเกินไป (=___=)

    ก็จริงนะ คิดมากไปก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ต้าเลยเลิกคิด ศึกษาธรรมเนียมญี่ปุ่น ผสมมารยาทแบบไทยๆลงไป ก็ลงตัวดีนะ ฮ่าๆๆๆ :D

    ต้าว่าผู้ใหญ่คงเป็นห่วงตามประสาพ่อแม่ ยิ่งเราไม่ใช่คนญี่ปุ่น กลัวว่าจะมาหลอกหรือหวังผลประโยชน์จากลูกชายเค้าหรือเปล่า ถ้าเราจริงใจ รักลูกชายเค้าจริง แสดงให้เค้าเห็นถึงความจริงใจ ต้าเชื่อว่าผู้ใหญ่เค้ามีเซ๊นส์ดูออกค่ะ ยกเว้นบางคนที่เค้ามีอคติ อยากให้สายเลือดบริสุทธิ์ อันนี้ก็ลำบากใจหน่อย

    ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดสรรไว้แล้ว ถ้าเค้าถูกกำหนดมาเป็นคู่เรา ก็ต้องเป็นของเราค่ะ :D

    ขอให้ได้ยินข่าวดีเร็วๆนะคะ (^___^) (^___^)
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, May 06 2016, 02:17 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    คุณต้าโชคดีมากเลยค่ะ ครอบครัวแฟนคุณต้าน่ารักมากเลย รอฟังข่าวดีนะคะ:)
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, May 06 2016, 03:14 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    โอ้ว แฟนผมก็เป็นคนฮิโรชิม่าเหมือนกัน วางแพลนจะแต่งงานกันปีหน้าละครับ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, May 06 2016, 04:42 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    พี่ต้าคะ ส่วนมากคนญี่ปุ่นเล่นแอพพลิเคชั่นไหนหรอคะ? แล้วจะติดต่อเขายังไงคะ? แบบแชทคุยกันน่ะค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, May 06 2016, 03:14 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    @ Kate Kawaii รอฟังข่าวดีจากคุณ Kate เช่นกันค่ะ (^___^) (^___^)

    @ Sittipong ยินดีด้วยคร้าาาาา :D เค้าว่ากันว่า คนที่ได้แฟนจากเมืองฮิโรชิมามักหน้าตาดี ฮ่าๆๆๆๆๆ :D

    @ Pantira เท่าที่ต้าเห็นจะเป็นไลน์กับเฟชบุคนะคะ เพียงแต่ว่าบางคนจะไม่ค่อยอัฟรูปหรือเคลื่อนไหวเท่าไหร่
    ถ้าอยากหาคนญี่ปุ่นคุยด้วย Search ใน Google เลยค่ะ มี Website ให้เลือกเยอะมาก
    แต่ก็มีชาติอื่นเยอะเหมือนกัน ถ้าเราได้ภาษาญี่ปุ่น Search เป็นภาษาญี่ปุ่นเลยค่ะ
    อันนี้ชัวร์ว่าส่วนใหญ่เป็นญี่ปุ่นแน่นอน ;)
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Gingadee
    Gingadee
    Offline
    Friday, May 06 2016, 07:34 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ;) สวัสดีค่ะคุณต้า อ่านเรื่องของคุณต้าแล้วฟินมากกกกกกกกกก ครอบครัวแฟนคุณต้าน่ารักดีค่ะ แอบอิจฉา อิอิ
    กิ่งเองก็ได้มีโอกาสไปพบครอบครัวแฟนที่ญี่ปุ่นแล้วเหมือนกัน แต่ไม่มุ้งมิ้งเหมือนคุณต้า ครอบครัวแฟนกิ่งตอนนี้เหลือแค่พ่อแฟนกับพี่สาวสองคน ซึ่งไม่ได้อยู่รวมกัน
    คุณพ่อแฟนเป็นหมอ (อายุประมาณ 80) แต่ก็ยังทำงานทุกวัน คุณพ่อแฟนเปิดคลีนิกติดกับบ้าน เป็นคลีนิคไม่ใหญ่มาก มีพยาบาลสามคน พี่สาวแฟนคนนึงเป็นสัตวแพทย์ (คนนี้จะคอยมาดูแล ทำอาหารให้คุณพ่อบ่อย ๆ คือเกือบทุกวัน) อีกคนเหมือนจะเปิดศูนย์ฝึกสุนัขอะไรสักอย่างนี่แหละ (ซึ่งคนนี้กิ่งเองยังไม่เคยเห็น) คบกันได้ประมาณเดือนนึง แฟนก็ชวนไปญี่ปุ่น แต่ครั้งแรกที่ไปนี่ ไม่ได้พาไปบ้าน แฟนพาไปบ้าน ไปกินข้าวกับคุณพ่อ ตอนไปญี่ปุ่นครั้งที่สอง เหมือนพาไปแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการ ตอนที่รู้ว่าแฟนจะพาไปบ้านก็รู้สึกตื่นเต้นค่ะ กังวัลว่าจะพูดยังไง เพราะพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย แต่แฟนบอกพูดอังกฤษได้ ก็เลยโล่งค่ะ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี กินข้าวเสร็จก็กลับมาค้างที่บ้านเค้าคืนนึง ตอนเช้าก็นั่งรถไฟกลับมาที่ฮากาตะ ลืมบอกไปค่ะบ้านแฟนอยู่ที่มุนากาตะ ในจังหวัดฟุกุโอกะ แต่ปกติเวลาไปเราก็จะพักกันที่โรงแรมในฮากาตะ หรือไม่ก็เทนจินค่ะ
    แฟนไปญี่ปุ่นสามถึงสี่เดือนต่อครั้งโดยประมาณ จุดประสงค์ที่ไป คือไปซื้อของใช้เล็ก ๆ น้อย ไปเที่ยวนิดหน่อย แล้วก็กลับบ้านไปขนกันดั้มที่บ้านกลับมาไทยค่ะ กิ่งรู้สึกเหมือนว่าแฟนกิ่งไม่ค่อยสนิทกับครอบครัว คือเวลากลับไปเค้าก็ไม่ค่อยได้คุยกัน ถามอะไรกันนิดหน่อย แฟนจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านแค่ไม่กี่ชั่วโมงค่ะ กิ่งมีโอกาสก็แค่ทักทายคุณพ่อแฟน กับพี่สาวคนที่เป็นสัตว์แพทย์นิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองค่ะ กิ่งกับแฟนคบกันมาได้ประมาณปีกว่า ตั้งแต่พฤศจิกายน ปี 57 กิ่งได้ไปญี่ปุ่น 7 ครั้ง รู้สึกไปเหมือนคนบ้า ๆ เลย คือมันบ่อยเกินไปมั๊ย เคยถามแฟนว่า ทำไมเวลาไปไม่ซื้อของเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องไปบ่อย ๆ เสียดายเงิน เค้าก็ไม่ได้พูดอะไร เราก็ตามน้ำไป แล้วแต่ยูเลยละกัน มันนี่ของยูนี่เนอะ
    กิ่งย้ายมาอยู่กับแฟนตั้งแต่ปีใหม่ พอเดือนกุมภาฯ ก็ตั้งครรภ์ค่ะ แฟนดีใจมาก ครอบครัวแฟนก็น่าจะดีใจค่ะ เพราะแฟนเคยบอกตั้งแต่คบกันแรก ๆ ว่าคุณพ่ออยากมีหลาน
    ตอนไปญี่ปุ่นเมื่อเดือนกุมภาฯ พ่อแฟนดูตื่นเต้น อารมณ์ดีมากค่ะ คุยกับแฟนเยอะกว่าปกติ แถมก่อนกลับให้ตังกิ่งด้วย (หนึ่งแสนเยน) แอบดีใจค่ะ แต่หลังจากกลับมาไทยแล้วกิ่งก็ต้องยุติการตั้งครรภ์ตอน 12 สัปดาห์ค่ะ เด็กไม่มีการเจริญเติบโต เป็นภาวะบวมน้ำ เสียใจค่ะ แต่ก็พอรับไหว ตอนนี้ก็โอเคละ เมื่อสงกรานต์ได้ไปญี่ปุ่นอีกครั้ง แฟนบอกว่าอีเมลล์ไปบอกที่บ้านแล้ว ไปถึงก็ปกติค่ะ คุณพ่อแฟนทำงาน พักเที่ยงก็กลับมาบ้าน คุยกันนิดหน่อยตามปกติ แต่ครั้งนี้ได้คุยกับพี่สาวแฟนมากขึ้นค่ะ มีชงชาเขียวมาให้ แถมเอาอัลบั้มรูปแฟนตอนเด็ก ๆ มาให้ดูอีก ตอนจะกลับพ่อแฟนขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟค่ะ ก่อนกลับก็ให้ตังอีก แฟนเป็นคนส่งให้ มีหัวเราะเยาะด้วย ฮ่า ๆๆๆ ได้น้อย
    กิ่งกับแฟน ไม่ค่อยจะมุ้งมิ้งเท่าไหร่ มีบ้างเล็กน้อย แฟนอายุสีสิบปลาย ๆ ละค่ะ (กิ่งสามสิบต้น ๆ) รวม ๆ แล้วแฟนกิ่งก็ถือว่าโอเคค่ะ ข้อเสียมีบ้าง ข้อดีมีมากกว่า 555 ถัว ๆกันไป แฟนค่อนข้างรับผิดชอบกิ่งในระดับหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ อันดับแรกเลยคืออยู่ด้วยแล้วไม่ต้องลำบาก แฟนไม่ขี้เหนียว แต่ไม่ถึงกับสปอร์ตมาก คบกันแรก ๆ ก็มีนอยด์บ้างค่ะ คือแฟนอยากให้ย้ายมาอยู่ด้วยตั้งแต่คบกันใหม่ ๆ พาไปรู้จักครอบครัว ไปรู้จักเพื่อน ๆ แม้กระทั่งเพื่อนที่ทำงานแฟนก็พาไปรู้จัก แต่แฟนกิ่งไม่เคยพูดถึงเรื่องแต่งงานเลยค่ะ เคยทะเลาะกันเรื่องนี้ครั้งนึง แฟนบอกว่าอยากใช้เวลาเรียนรู้กันก่อน (แต่อยากมีลูกเพื่อ????) จนตอนนี้กิ่งรู้สึกเฉย ๆ ละค่ะ แต่งก็ดี ไม่แต่งก็ไม่เดือดร้อน เค้าดูแลรับผิดชอบชีวิตเราได้ก็ถือว่าโอเคละ เราก็ดูแลเค้าไปในส่วนที่เราทำได้
    กิ่งเป็นคนเรียบเรียงข้อความไม่ค่อยเก่ง แต่อยากแชร์ประสบการณ์ด้วยคน ถ้าอ่านแล้วงง ๆ ต้องขออภัยด้วยนะคะ
    ^^เป็นกำลังใจให้คุณต้าด้วยคน ขอให้มีข่าวดีไวไวนะคะ^^
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Saturday, May 07 2016, 02:07 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    สวัสดีค่ะ คุณกิ่ง:)
    ขอแสดงความเสียใจเรื่องน้องด้วยนะคะ

    เรื่องราวของคุณกิ่งก็น่ารักเช่นกันค่ะ
    คุณกิ่งโชคดีที่ได้แฟนน่ารัก รับผิดชอบครอบครัว เปิดเผยกับคนรอบข้าง (^___^)
    คุณพ่อแฟนก็น่ารักค่ะ คนอายุเยอะคงเหงา คงอยากเห็นและเล่นกับหลาน อดตื่นเต้นไม่ได้

    บางทีผู้ชายก็อายที่จะแสดงอารมณ์มุ้งมิ้งกับแฟน ยิ่งไม่ใช่วัยรุ่น
    คนญี่ปุ่นเก่งเรื่องเก็บอาการ เพราะฉะนั้นเราต้องเป็นฝ่ายนำค่ะ :D
    แฟนต้าคบกันแรกๆ เค้าก็ไม่มุ้งมิ้ง มีแต่ต้านี่แหละทำก่อน
    ทุกวันนี้แฟนมุ้งมิ้งกว่าต้าอีก ฮ่าๆๆๆ :D

    ปล.ผู้ชายชอบให้อ้อนเอาใจน้าาาา :D
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Saturday, May 07 2016, 11:09 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    คุณต้าเล่าสนุกจังค่ะ
    แอบเป็นห่วงเหมือนกันนะคะเนี่ย ปวดหัวมากแล้วอาเจียนด้วย หาหมอหรือยังคะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Sunday, May 08 2016, 01:25 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    @ K.Hitoshi ขอบคุณค่ะ (^__^)
    พอออกจากฮิโรชิมาอาการก็เริ่มดีขึ้น เลยไม่ได้ไปหาหมอน่ะค่ะ:D

    ขอบคุณอีกครั้งค่ะ :)
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Monday, May 16 2016, 01:38 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    คุณต้าเล่าเรื่องได้สนุกมากค่ะขอเล่าเรื่องของตัวเองมั่งนะคะ เราก็เป็นคนหนึ่งที่เพิ่งได้ไปพบกับครอบครัวแฟนครั้งแรก คบกับแฟนมา 2 ปีกว่าแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสได้ไปเปิดตัวครั้งแรก พอรู้ตัวว่าจะได้เจอแม่แฟนยอมรับเลยว่าแอบเครียดค่ะ กลัวเขาไม่ยอมรับคนต่างชาติแบบเราก็คิดไปต่างๆนาๆอ่ะเนาะ กรณีแม่ผัวลูกสะใภ้แบบในละครมันมีอยู่ทั่วโลกนี่นาก็เลยเครียดเบาๆ ก่อนเดินทางถามแฟนตลอดว่าแม่เป็นคนยังไง ใจดีมั้ย คีบีชี่มั้ย ชอบอะไร ฯลฯ แฟนถามว่าเธอกลัวเหรอ? แน่นอนสิใครจะไม่กลัวล่ะคะ ใช่มั้ย?เราก็คุยกับแฟนถ้าแม่เธอไม่ชอบฉันล่ะเราจะทำยังไงกันต่อ แฟนบอกมั่นใจว่าถ้าลูกชายชอบแม่ก็ต้องชอบด้วยคือนางเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านค่ะ ทีนี้พอถึงเวลาไปจริง ( เพิ่งไปมาตอนโกลเด้นวีคที่ผ่านมา) ก่อนไปแฟนจะโทรบอกแม่ก่อน อ่อ..ลืมบอก แฟนทำงานอยู่ฮิโรชิม่าและพักอยู๋ฮิโรชิม่าค่ะส่วนครอบครัวอยู่ซาหงะ คิวชู ต้องขับรถไป 5 ชั่วโมง ตอนโทรบอกแม่ว่าจะพาแฟนไปด้วยไม่ใช่คนญี่ปุ่นนะแม่นางถามเลยว่าแม็กซิโกหรือไทยล่ะ??เพราะแฟนจะเดินทางไปทำงานที่ไทยกับแม็กซิโกประจำ นางก็บอกว่าคนไทยแม่ก็เลยถามว่าเขาจะกินอาหารบ้านเราได้มั้ยแม่คงห่วงเรื่องอาหารการกิน แฟนบอกสบายมากมันกินได้ทุุกอย่าง ตัดภาพมาตอนถึงบ้านเลยละกันเปิดประตูเข้าไปเรางี้ใจเต้นตึกตักๆจะไหว้ดีมั้ย หรือโค้งดีหรือแนะนำตัวก่อนเลยดี สรุป!! เปิดประตูเข้าไปเงียบกริ๊บมีไฟเปิดอยู่ดวงเดียวแฟนเรียกหาแม่ พี่ชาย เงียบ!! มีแต่แมวสามตัวลุกมองคนปลกหน้าอย่างตกใจ เลยนั่งรอประมาณครึ่งชั่วโมงได้จนแม่กับพี่ชายกลับมา มาเจอหน้าปุ๊บเรานี่ใบ้กินเลยนะที่นึกไว้ทุกอย่าง แม่พูดก่อนว่า อิรัชชัย เราก็เลยก้มหัวและยิ้ม(แค่นั้นจริง)ส่วนพี่ชายเจอหน้าแล้วพูดสวัสดี แล้วทุกคนก็มานั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะโคทัตสึ พี่ชายก็เริ่มถามชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ทำไมพูดภาษาญี่ปุ่นได้ทั้งหมดที่ถามแฟนเราตอบเองหมดอยู่ดีๆเราก็กลายเป็นใบ้ไปซะงั้นทั้งๆปรกติที่เป็นคนพูดมากพอรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายเราค่อยหายใจหายคอคล่องหน่อย แม่แฟนใจดีออกเฮฮาและตลก ไม่เรื่องมาก ไม่มีพิธีรีตองอะไรเลยทั้งพี่ชายทั้งแม่ บอกตรงๆโคตรโล่งอกค่ะ ลืมบอกอีกอย่าง คุณพ่อแฟนเสียไปตั้งแต่แฟนอายุ 12 เลยมีแต่แม่และพี่ชายที่ยังไม่แต่งงานอยู่กันสองคน ส่วนพี่สาวแต่งงานย้ายไปอยู่กับสามีอีกเมืองเลยไม่ได้เจอค่ะ นอนค้างที่บ้านแม่คืนนึงทุกอย่างผ่านไปด้วยดีได้เจอเพื่อนๆสมัยเด็กของแฟนทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดีเปิดตัวครั้งแรกก็เมาโชว์ซะเลย 555 เพื่อนแฟนยกนิ้วให้เลยเห็นเรายกเบียร์อั่กๆ แหะๆปรกติเป็นคนดื่มประจำน่ะค่ะแต่แฟนไม่ค่อยดื่มนะนานๆเวลาออกงานทีนางจะดื่มบ้าง สรุปเลยละกัน การเปิดตัวครั้งแรกที่แสนจะน่ากลัวทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีทั้งครอบครัวและเพือนฝูงทุกคนน่ารักและเราเองก็รู้สึกรักแฟนมากขึ้นกว่าเดิมอีกไม่รู้เพราะอะไร จากแรกๆคิดว่าจะไปกันไม่รอดเพราะแฟนอายุน้อยกว่าเราไม่ชอบผู้ชายเด็กกว่าไง เรา35 แฟนเพิ่งจะ 30 เองเกือบๆจะเลิกกันก็หลายครั้ง มาถึงตอนนี้คงหนีไม่รอดแน่ๆเพราะก่อนกลับไทยวันสุดท้ายอยู่ดีๆนางก็ขอแต่งงานพูดแบบจริงจังเป็นทางการมากเราอึ้งมากกว่าดีใจนะบอกตรงๆพราะเราคุยกันถึงอนาคตและเรื่องแต่งงานกันมาสักพักแล้วไงแต่แฟนก็ไม่เคยขอแต่งงานแบบเป็นเรื่องราวและเราก็ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ด้วย ไว้มีข่าวดีเมื่อไหร่จะแวะมาอวดนะคะ อวดมาเยอะและยาวมากแล้วหลายๆคนคงรำคาญ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ไปแล้นนน บะบ๊าย
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Monday, May 16 2016, 11:16 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    @ K.Lawadee เรื่องราวน่ารักมากๆ

    ยินดีด้วยคร้าาาา :D

    มีข่าวดีเมื่อไหร่แวะมาแชร์ด้วยน้าาาาา:D

    ตื่นเต้นแทน (^////^)
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, July 08 2016, 07:43 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    คุณต้าคะ เดือนหน้ากำลังจะต้องไปพบคุณพ่อคุณแม่แฟน เหมือนกันค่ะ ตอนนี้เลือกซื้อของขวัญอยู่ ยังนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้คุณพ่อดี ส่วนเรื่องแต่งตัว ใส่เดรสจะดูเหมาะกว่ากางเกงใช่ไหมคะ

    ขอคำแนะนำด้วยค่า
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Saturday, July 09 2016, 12:52 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    สวัสดีค่ะ คุณธรรพรรษ์ :)

    เป็นของกินก็ได้ค่ะ เดินดูในท็อปหรือโรบินสันก็ได้ค่ะ

    จะมีของฝากไทยๆดูดีหลายอย่างน่าสนใจที่เป็นของฝากสำหรับคนต่างชาติ

    หรืออีกอย่างเป็นครีม น้ำมันนวด อโรมา เน้นผ่อนคลาย ก็มีเช่นกันค่ะ

    เป็นแบรนด์ไทยแต่ทำออกมาดูดีมากค่ะ หรือเนกไทที่จิมทอมสันก็ดูดีเช่นกันค่ะ

    ปล. พวกเครื่องปรุงสำเร็จรูป เช่น เครื่องทำต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน เป็นต้นค่ะ

    ราคาไม่แพงแต่ถูกอกถูกใจคนญี่ปุ่นเช่นกันค่ะ

    ส่วนชุดแค่เน้นเรียบร้อยก็พอค่ะ เป็นเดรสก็ดูดีเช่นกัน ^^



    ขอให้โชคดีและเดินทางปลอดภัยจร้าาา ^^
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Saturday, July 09 2016, 12:55 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอบคุณมากเลยค่ะ ได้ไอเดียแล้ว ตื่นเต้นๆ
    The reply is currently minimized Show
Your Reply