การใช้ชีวิตในญี่ปุ่นของดิฉัน มีหลายครั้งมากที่ดิฉันต้องเข้าสู่สังคมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกลุ่มในมหาวิทยาลัย ซึ่งหลายครั้งดิฉันไม่สามารถเลือกเองได้…จับฉลากบ้าง ไม่ก็อาจารย์จับกลุ่มให้ หรือต้องออกไปเก็บข้อมูลทำรายงาน ทำให้รู้จักคนไปทั่ว
ไม่ใช่แค่เรื่องเรียน แต่เรื่องการทำงานพาร์ทไทม์ก็เช่นกัน ดิฉันเปลี่ยนงานพาร์ทไทม์มา 3 ที่ (เปลี่ยนบ่อยไม่ใช่เขาไล่ออกนะคะ ดิฉันแค่อยากทำอะไรใหม่ๆเองค่ะ) เจอคนเด็กกว่า โตกว่า มีเพื่อนร่วมงานเป็นรุ่นพ่อแม่ก็มีค่ะ
ซึ่ง "เพื่อน" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนอายุเท่ากันเท่านั้นนะคะ แต่หมายถึง ทุกคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานทุกเพศทุกวัยเลย แล้วเราจะมีเทคนิคการเข้าหาบุคคลเหล่านั้นได้อย่างไร วันนี้ดิฉันได้นำประสบการณ์ตรงของตัวเอง มาเล่าให้ทุกคนฟังค่ะ
1.เขียนชื่อภาษาไทยให้เขา
มุขนี้ดิฉันใช้บ่อยสุด ใช้ได้ทุกสถานที่และทุกสถานการณ์ ทุกคนจะตกใจกับอักษรไทยมากๆ แล้วก็จะดีใจมากที่ได้เห็นชื่อตัวเองในภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ขอยกเหตุการณ์จริงและชื่อตัวละครที่ค่อนข้างจริงให้ชมค่ะ
ณ ร้านซูชิหลังเลิกงาน และเก็บร้านเรียบร้อย…ดิฉันที่เพิ่งเข้างานใหม่ๆ ก็ยืนมองดูตารางเข้าเวรที่มีชื่อคนอื่นๆเขียนเป็นคันจิยั้วเยี้ยไปหมด ดิฉันเลยหันไปถามเมเนเจอร์ คุณยามามิจิ
"คุณยามามิจิ…ชื่อจริง อ่านว่าอะไรคะ??"
"ยามามิจิ อากิฮิโตะ! ทำไมเหรอ อ่านไม่ออกล่ะสิ คันจิแปลกใช่ไหมล่ะ"
"ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ขอจดคำอ่านไว้ก่อนนะ"
แล้วดิฉันก็หยิบสมุดส่วนตัวขึ้นมาเขียนชื่อคุณยามามิจิเป็นภาษาไทยลงไป
"เอ๊ะ! นั่นคือชื่อผมเป็นภาษาไทยเหรอ!!!"
"ใช่ค่ะ"
"เดี๋ยวนะ ช่วยเขียนใส่กระดาษให้ผมอีกทีได้ไหม อยากเก็บไว้"
การตีเนียน แกล้งถามชื่อและเขียนเป็นภาษาไทย ทำให้ดิฉันก็ได้พูดคุยเรื่องไทยกับคุณยามามิจิต่ออีกเยอะเลยค่ะ ส่วนดิฉันเองก็ได้รู้เรื่องญี่ปุ่นๆเยอะแยะเช่นกัน พอวันรุ่งขึ้น น้องๆที่ทำงานคนอื่นก็เริ่มเข้าหา เพราะอยากให้ดิฉันเขียนชื่อภาษาไทยให้ค่ะ แล้วก็กลายเป็นว่าเราสนิทกันเร็วมากด้วยการเขียนชื่อภาษาไทยนี้
2. "คันจิตัวนี้อ่านว่าอะไรนะ"
จะเรียกว่าเป็นการแสร้งตีซี้ก็ไม่ใช่…เพราะดิฉันโง่คันจิจริงๆค่ะ ยิ่งเรียนในมหาวิทยาลัย เจอศัพท์ที่มันเป็นเฉพาะทางขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเหมือนไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นเข้าไปทุกทีๆ ดังนั้นการเปิดประเด็นชวนเพื่อนคุย ว่า "เธอๆ คันจิตัวนี้อ่านว่าอะไร" หรือ "แปลว่าอะไรน่ะ ฉันหาในดิกส์ไม่เจอ" ก็ถือเป็นรูปแบบการตีซี้ที่ดีค่ะ
แต่ขอบอกเลยนะคะ บางทีคำไหนยากจริงๆ คนญี่ปุ่นก็ไม่รู้วิธีอ่านหรือความหมายเหมือนกัน! แต่มันจะสนุกเมื่อเพื่อนเริ่มสะกิดถามคนข้างๆ ไปเรื่อยๆ หรือช่วยกันเปิดเน็ตหาความหมายมาอธิบายให้ดิฉัน แล้วสักพักก็จะเปลี่ยนบทสนทนาว่า "เธอมาจากประเทศอะไรนะ?" "คนไทยนี่ ใช้ภาษาไทยใช่ไหม" "ภาษาไทยไม่มีคันจิสินะ" "คันจิยากเนอะ ฉัน(คนญี่ปุ่น)เองยังอ่านไม่ออกเลย"
ถึงแม้ว่าดิฉันจะเกิดในครอบครัวจีน อาม่ายื่นตะเกียบให้ทุกครั้งที่กินข้าว แต่ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่า ในเมื่อมีช้อนส้อมแล้วจะใช้ตะเกียบทำไม ดิฉันจะใช้ตะเกียบก็ต่อเมื่อกินก๋วยเตี๋ยวเท่านั้น
หลังจากมาเรียนที่ญี่ปุ่นดิฉันโดนเพื่อนคนจีนและญี่ปุ่นทักบ่อยมาก ว่า "เธอจับตะเกียบอะไรน่ะ แปลกมาก" แต่เมื่อดิฉันมองคนไทยด้วยกัน อ้าว เขาก็จับเหมือนดิฉันนิ แสดงว่าคนไทยส่วนมากจับตะเกียบผิดเหรอ!!? เพื่อนๆก็จะสอนให้จับอย่างถูกวิธีค่ะ (แต่สุดท้ายมันก็ไม่ถนัดอ่านะ)
แล้วสักพัก บทสนทนา ก็จะเปลี่ยนเป็นเรื่องอาหารไทย อาหารญี่ปุ่น อาหารหลากหลายประเทศ ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน ส้มตำ มาหมดค่ะงานนี้ ซึ่งทำให้นำไปสู่ข้อ 4. ค่ะ
4. ทำอาหารไทยให้ หรือพาไปกินอาหารไทย และมีความสุขในการนั่งมองเขากินเผ็ดไม่ได้
เดี๋ยวนี้ร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นมีเยอะมากค่ะ ราคาจานละ 800 – 1,000 เยน แต่รสชาติดี เหมือนที่ไทยเลยนะคะ นอกจากว่าวัตถุดิบบางอย่างอาจจะเปลี่ยนไปใช้ให้ใกล้เคียงบ้าง แต่ก็ไม่เสียรสชาติมาก ดังนั้นหากคุณไม่มีฝีมือการทำอาหารมากมายนัก การพาเพื่อนๆไปนั่งกินที่ร้านก็สะดวกสบายกว่า
ดิฉันเคยพาเพื่อนผู้หญิงญี่ปุ่นไปทานที่ร้านค่ะ เมนูวันนั้นคือ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนที่ราดด้วยน้ำจิ้มไก่ ดิฉันบอกคุณเพื่อนว่าเห็นพริกในน้ำจิ้มเยอะแบบนี้ แต่มันไม่เผ็ดนะ มันหวานๆมากกว่า คุณเพื่อนเลยเชื่อและจิ้มไปเยอะมาก
ผลสุดท้ายเป็นไงล่ะคะ…น้ำหมดไปสามเหยือก!!! ดิฉันไม่ควรดูถูกการกินเผ็ดของคนญี่ปุ่นจริงๆค่ะ (เค้าขอโทษนะเพื่อน..)
5.เอาของฝากจากไทยไปให้
ทุกครั้งที่ปิดเทอม กลับไทยไปฉันจะขนขนมมากมายกลับมาญี่ปุ่นค่ะ ดิฉันเคยเอาทองม้วนไปให้คุณป้าที่ทำพาร์ทไทม์ที่มักจะอยู่กะเดียวกับดิฉันบ่อยๆ เราสนิทกันมากค่ะ ปรึกษาป้าทุกเรื่อง เหมือนเป็นแม่อีกคนเลย แต่อีกไม่นานดิฉันจะลาออกจากร้านแล้วค่ะ การให้ของฝากครั้งนี้ก็เลยเป็นครั้งสุดท้าย
วันต่อมาป้าแกก็เอาขนมญี่ปุ่นและผ้าเช็ดหน้าลายน่ารักมาให้ พร้อมกับโน้ตสั้นๆ ว่า "ขอบคุณสำหรับของฝาก ขนมมีงาดำอยู่ด้วย อร่อยๆมากๆค่ะ คิดว่าจะได้ร่วมงานกันนานกวานี้ แต่ก็น่าเสียดาย ขอให้พยายามกับงานใหม่นะ แล้วก็ได้เจอคนเยอะๆ ตั้งใจเรียน ออกสู่สังคมการทำงานได้อย่างภาคภูมิใจนะ"
การพบและจากกันในช่วงเวลาที่ดิฉันอยู่ญี่ปุ่นมีเกิดขึ้นบ่อยครั้งค่ะ แต่ทุกครั้งฉันจะมีความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยมิตรภาพเสมอค่ะ
อย่าลืมเอา 5 วิธีตี้ซี้เพื่อนญี่ปุ่นไปใช้กันนะคะ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ "ความจริงใจ" ค่ะ คิดง่ายๆว่าเราอยากได้รับจากคนอื่นแบบไหน ก็ขอให้ทำกับเขาแบบนั้นนะคะ
เครดิตภาพข้อ 1,2,4,5 เอามาจากกล้องตัวเองนะคะ ใครจะนำไปใช้เครดิต gorailovejapanese ด้วยนะจ้ะ
ติดตามรับข่าวสารเกี่ยวกับญี่ปุ่น
YouTube: www.youtube.com/ilovejapanth/
Facebook: www.facebook.com/ILoveJapan.th/
Twitter: https://twitter.com/ILOVEJAPANTH
Instagram: www.instagram.com/ilovejapanth/
TikTok: https://www.tiktok.com/@ilovejapanth
ทดลองเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟรี 3 วันได้ที่ www.ilovejapanschool.com
I LOVE JAPAN GROUP CO.,LTD
Park Ploenchit
61/7 Sukhumvit 1 Road Khongtoey Nua
Wattana Bangkok, Thailand, 10110
info@ilovejapan.co.th