e เรื่องทั่วไป

Hatsumōde การต้อนรับปีใหม่แบบฉบับชาวญี่ปุ่น

Hatsumōde การต้อนรับปีใหม่แบบฉบับชาวญี่ปุ่น

By , Wednesday, 02 January 2019

สวัสดีปี 2019 นะครับ!! เพื่อนๆตื่นเต้นกันบ้างไหมครับ? โอทารุเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย เพราะปี 2018 ที่ผ่านมาก็ถือเป็นปีที่งานค่อนข้างหนักทีเดียว แถมยังมีเรื่องข่าวการเตรียมขึ้นภาษีของญี่ปุ่นมาให้กลุ้มใจอีกต่างหาก แต่ก็มีสิ่งดีๆเข้ามาเยอะเหมือนกันครับ อย่างไรก็ดี บล็อกนี้ก็ไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยวกับการขึ้นปีใหม่ของชาวญี่ปุ่นนี่แหละครับ! มาอ่านบล็อกแรกของปีหมูด้วยกันเลยเนอะ!  

สำหรับวันนี้ ผมจะกล่าวถึงการไป 初詣 (hatsumōde อ่านว่า ฮัทสึโมเดะ) ของชาวญี่ปุ่นกันนะครับ!

เพื่อนๆคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าประเทศญี่ปุ่นมีความเจริญด้านเทคโนโลยีมากแค่ไหนใช่ไหมครับ แต่...เห็นยังงี้ การขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมไปถึงการบนบานตามวัดหรือศาลเจ้าในญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นเรื่องปกติในสังคมญี่ปุ่นนะครับ บางท่านอาจจะบอกว่าแปลกก็ได้ แต่ของแบบนี้ก็อยู่ที่ความเชื่อส่วนบุคคลครับ ชาวญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน บางคนก็ไม่เชื่อเลย บางคนก็นับถือกันเคร่งครัดไม่ต่างกับผู้นับถือศาสนาต่างๆในประเทศไทยครับ

กล่าวเบื้องต้นไปแล้วก็มาเข้าเรื่องกันนะ --> การกระทำที่ผมได้บอกไปว่า Hatsumode นั้น ก็คือ การเดินทางไปศาลเจ้าชินโต (และวัดพุทธ) ในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของประเทศญี่ปุ่นหรือเมื่อย่างเข้าวันที่ 1 มกราคมของทุกปีนั่นเองครับ และนั่นก็เป็นโอกาสที่ชาวญี่ปุ่นเดินทางไปที่ศาลเจ้าหรือวัดวาอารามในช่วงต้นปีใหม่ก็เพื่อทำการชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ละกิเลสตัณหาที่ได้กระทำในปีที่ผ่านมา รวมทั้งเป็นการรับสิ่งมงคลต่างๆให้เข้ามาสู่ชีวิตเนื่องในวันขึ้นปีใหม่นั่นเองครับ!

การทำ Hatsumode โดยทั่วไป คือ หลังจากที่ใกล้ถึงเวลาปีใหม่แล้วผู้คนจากทั่วสารทิศก็จะทยอยกันไปที่ศาลเจ้าแถวบ้านหรือศาลเจ้าดังๆในเมืองของตนเพื่อต่อคิวขอพรและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครับ (แต่ปัจจุบันบางคนก็ไปตอนเช้าแทน ส่วนช่วง Countdown ก็ไปทำกิจกรรมอื่นๆครับ) แน่นอนว่าหลายๆวัดและศาลเจ้าก็เปิดประตูรอรับผู้มาเยือนตลอดทั้งวันทั้งคืนในช่วงปีใหม่นี้ล่ะครับ และนอกจากการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ชาวญี่ปุ่นก็มีการเสี่ยงคำทำนาย (おみくじ อ่านว่า โอ-มิคุจิ) หรือเสี่ยงเซียมซีแบบบ้านเราเป๊ะเลยครับ ถ้าได้ใบดีก็เอากลับบ้านได้ บางคนเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือบางคนห้อยไว้กับโทรศัพท์ก็มีเหมือนกัน (อันนี้บ้านเรายังไม่เห็นแฮะ)...แต่ถ้าได้ใบที่คำทำนายไม่ดีนัก เขาจะนำไปผูกไว้กับต้นไม้หรือราวเหล็กแทนการนำกลับครับ (บ้างก็เชื่อว่าให้ต้นไม้รับเคราะห์แทน บ้างก็ว่าถ้าผูกไว้ที่วัด เดี๋ยวคำทำนายที่ไม่ดีจะกลับกลายเป็นดีก็มีครับ) เท่านั้นยังไม่พอ นี่ยังเป็นช่วงเวลาสำหรับการเช่าบูชาเครื่องรางใหม่และนำเครื่องรางเก่าที่มีอยู่ในปีก่อนคืนให้กับวัด เพื่อให้วัดนำไปเผาทำลายทิ้งด้วย

ไหนๆก็ไหนๆ ผมจะขอกล่าวถึงเรื่องการหมดอายุของเครื่องรางญี่ปุ่นสักหน่อยครับ ว่าจริงๆมีความเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า เครื่องรางญี่ปุ่น มีอายุการใช้งานเพียงหนึ่งปีเท่านั้น พอครบปีต้องไปเช่าบูชาอันใหม่ครับ เท่าที่ผมค้นหาเหตุผลก็คือ เครื่องรางเหล่านั้นถูกออกแบบทำพิธีกรรม+สวดมนต์ไว้สำหรับสิ่งที่เป็นอุปสรรคในปีนั้นหรือภัยร้ายในปีนั้นโดยเฉพาะ เมื่อขึ้นปีใหม่ก็ต้องทำพิธีสวดใหม่เพื่อรองรับภัยร้ายรูปแบบอื่นที่จะมารบกวนผู้พกเครื่องรางครับ และยังเชื่อกันอีกว่า เครื่องรางเหล่านี้ได้ดูดซับภัยร้ายหรือสิ่งอัปมงคลต่างๆไว้ครบปีแล้ว อานุภาพของเครื่องรางก็จะเสื่อมลงเรื่อยๆ จนหมดอานุภาพไปในที่สุดถ้าไม่มีการเปลี่ยนครับ 

อย่างไรก็ตามในยุคสมัยใหม่นี้ ก็มีผู้ให้ข้อสังเกตว่า "ไม่จริงหรอก นี่มันหลักการตลาดชัดๆ" คือ บางคนก็บอกว่าพอครบปี ก็ต้องมี product ใหม่ออกมาขายหรือพูดง่ายๆก็คือ กุศโลบายขายครื่องราง (ก็เรื่องเงินๆทองๆ เข้าวัดเข้าศาลเจ้านั่นแหละ!) อันนี้โอทารุเองก็ขอให้ท่านผู้อ่านรับทราบเป็นข้อมูลก็แล้วกันนะครับ จะเชื่อแบบไหน เชิญท่านผู้อ่านเลือกเถิด!

เอาล่ะ หมดเรื่องการแนะนำ Hatsumode แล้ว แต่เพื่อนๆน่าจะมีคำถามว่า เอ๊ะ! แล้วพอปีใหม่ถ้าฉันอยู่ญี่ปุ่นแล้วอยากไปทำบุญเสริมชะตาราศีหรืออยากได้ความเป็นสิริมงคลบ้างแบบที่ดังๆจะไปที่ไหนได้บ้างล่ะ? คำตอบนั้น ผมเองก็เตรียมมาให้เรียบร้อยแล้วจ้า!

1. ศาลเจ้าเมจิ--ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่ไปโตเกียวน่าจะรู้จักกันดีนะครับ ก็ศาลเจ้าที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าใกล้ๆกับสถานี Jr Harajuku และถนน Takeshita ที่ท่านๆไปดูเหล่า Cosplay กันนั่นแหละ!

2. วัดนาริตะซังชินโชจิ--วัดดังของเมืองนาริตะ ตอนนี้เริ่มดังในหมู่ชาวไทย ทัวร์ก็เริ่มจับมาให้ลงเที่ยวก่อนขึ้นเครื่องบินหรือแวะห้างอิออนครับ

3. วัดคาวาซากิไดชิ--คาวาซากิอยู่ชานเมืองโตเกียวไปหน่อย เป็นเมืองที่ชาวไทยรู้จักดี เพราะเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์โดราเอมอนครับ

4. ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ--ศาลเจ้ายอดฮิตของเกียวโต นับเป็นศาลเจ้าที่ฮิตที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่มาเยือนเมืองเก่าแห่งนี้ ก็ศาลเจ้าที่นี่เขามีอุโมงค์โทริอิ (ที่บางคนเรียกเสาแดง) ยาวไปตลอดจนถึงบนเขาไงครับ

5. ศาลเจ้าซุมิโยชิไทฉะ--อยู่ชานเมืองโอซาก้า นั่งรถรางไปไม่ไกลจากย่านที่พักสุดฮิตของชาวไทยแถวชินอิมามิยะ/นัมบะ

6. ศาลเจ้าอัตสึตะ--อยู่ในเมืองนาโงย่า นั่งรถไฟใต้ดินแป๊บๆก็ถึงแล้วครับ เป็นศาลเจ้าที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของประเทศเลยครับ

7. ศาลเจ้าดาไซฟุ เท็นมังงู--ตอนนี้ชาวไทยเริ่มนิยมเดินทางไปฟุกุโอะกะกันบ้างแล้ว และเมืองดาไซฟุก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่ไปเที่ยวได้สบาย ที่สำคัญศาลเจ้าแห่งนี้ถือว่าโด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะคิวชูเลยครับ!

ทั้งนี้ผมขอเตือนผู้อ่านทุกท่านด้วยความหวังดีว่า.....การเข้าศาลเจ้า/วัด ในช่วงต้นปีแบบนี้ ท่านต้องทำใจอย่างหนึ่ง คือ "การต้องเจอคนและก็คนและก็คนและก็คนและก็คน!!!! เท่าที่ผมสืบค้นดูสถิติปีก่อนๆสำหรับคนเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสถานที่เหล่านี้ในช่วงวันปีใหม่ (ช่วงวันที่ 31 ธันวาคม - 2 มกราคม) ก็คงต้องบอกว่า มีประมาณ "2-3 ล้านคนในแต่ละที่" ดังนั้น ถ้าใจพร้อม+กายไหว ก็จัดไปครับ!!!!!!

และนี่ก็คือ การแนะนำให้เพื่อนๆได้รู้จักกับ hatsumōde ของชาวญี่ปุ่นกันนะครับ! หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับความรู้ติดตัวไปญี่ปุ่นในครั้งนี้ครับ และผมก็ถือโอกาสขออวยพรให้ผู้อ่านทุกท่าน ประสบความสุข ความเจริญ ปราศจากโรคภัยเบียดเบียน เงินทองมีกินมีใช้ไม่ขาด ที่สำคัญ "ขอให้ได้เที่ยวญี่ปุ่นทุกปี" นะครับ สาธุ!  

ที่มาของภาพ sharingkyoto, nippon.com, gotokyo.org

ภาพปกจาก japanesesearch