สวัสดีค่ะเพื่อนๆสบายดีไหมคะ เพื่อนๆคะถ้าพูดถึงความเชื่อก็ต้องบอกว่ามีแทบทุกประเทศนะคะ ซึ่งความเชื่อเหล่านั้นจะบ่งบอกถึง เรื่องราว ความเป็นมาและความเป็นอยู่ของพื้นที่นั้นๆ แน่ล่ะในหลายๆความเชื่อมักจะเชื่อมโยงถึงวิถีการดำเนินชีวิต ฤดูกาล จารีต ขนบธรรมเนียบ วัฒธรรม ศาสนาของประเทศนั้นๆอีกด้วย
ประเทศญี่ปุ่นก็เป็นประเทศหนึ่งในโลกนี้ที่มีความเชื่อที่หลากหลายมากๆค่ะ ถึงแม้จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วก็ตามก็ยังมีความเชื่อที่คนไทยอย่างเราคาดไม่ถึงหลงเหลืออยู่ และเมื่อเพื่อนๆได้ทราบถึงความเชื่อของคนญี่ปุ่นแล้ว ฟ้าจังมั่นใจเลยค่ะว่าคงจะนั่งอมยิ้มและหัวเราะเป็นแน่
เอาล่ะค่ะต่อจากนี้ไปเรามาดูกันสิว่าความเชื่อของคนญี่ปุ่นทั้ง 10 ความเชื่อมันจะเป็นลักษณะไหนกันนะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปเลยค่ะ
โดยปกติแล้วเมื่ออุณภูมิในอากาศสูงขึ้นเหล่าแมลงจะบินต่ำลงมาเพื่อผสมพันธุ์ค่ะด้วยเหตุนี้นกนางแอ่นเมื่อเห็นฝูงแมลงเหล่านั้นก็จะบินต่ำลงมาเพื่อจับแมลงกินเป็นอาหารค่ะ
และเนื่องจากจำนวนแมลงที่บินต่ำลงมามีจำนวนมากเมื่อเราแหงนหน้ามองดูจะรู้สึกเหมือนกับเห็นกลุ่มเมฆฝนก้อนใหญ่และจะรู้สึกว่าฝนใกล้จะตก
ด้วยเหตุนี้คนญี่ปุ่นจึงเชื่อต่อๆกันมาว่า ถ้านกนางแอ่นบินต่ำลงมาอีกไม่นานฝนก็ใกล้จะตกแล้วนั่นเอง
คนญี่ปุ่นเล่ากันว่าปีที่หิมะตกหนักอันเนื่องมาจากความกดอากาศสูงในหน้าหนาวพอถึงหน้าร้อนความกดอากาศจะเคลื่อนตัวไปที่ฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นผลให้สภาพอากาศในประเทศญี่ปุ่นแจ่มใสค่ะและทำให้ผลิตผลทางการเกษตรอุดมสมบูรณ์ตามไปด้วย
แต่อีกความเชื่อหนึ่งเชื่อว่าเนื่องจากหิมะตกหนักและแน่นอนปริมาณหิมะที่สะสมตามภูเขาจะเยอะตามไปด้วยพอถึงหน้าร้อนเมื่อหิมะและน้ำเเข็งละลายกลายเป็นน้ำ จึงทำให้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยนั่นเอง
อืม...ความเชื่อนี้สมเหตุสมผลค่ะ ฟ้าจังเห็นด้วย
ความเชื่อนี้ฟังดูแล้วแปลกๆนะคะ แต่ถ้าให้วิเคราะห์จากตัวคันจิ มันเป็นการเล่นคำของคนญี่ปุ่นค่ะเพื่อนๆ นั่นคือ
櫛-kushi-หวี และ 髪-kami-ผม
ในบางครั้งคำว่าผมก็จะพูดว่า 御髪 - ミグシ-migushi
จึงทำให้คำว่า髪-gushi-ผม ออกเสียงพ้องเหมือนกับคำว่า 櫛-kushi-หวี
ต่อมา คำว่า 髪-kami-ผม ออกเสียงพ้องกับคำว่า 神-พระเจ้า
จึงทำให้ คำว่า 櫛-หวี และ คำว่า 髪-ผม หมายถึง 神-พระเจ้า ค่ะเพื่อนๆ เพราะฉะนั้น คนญี่ปุ่นจึงเชื่อกันว่าถ้ายืนคร่อม櫛-หวี เมื่อไหร่ก็จะถูก 神-พระเจ้า ลงโทษค่ะเพราะการยืนคร่อม 櫛-หวี ก็เหมือนกับการยืนคร่อม 神-พระเจ้า นั่นเอง
ส่วนคำว่า 嫁に行けない- yome ni ikenai-เป็นสะใภ้ไม่ได้
จริงๆแล้วไม่ได้แปลว่าไม่ไปที่สะใภ้นะคะเพราะว่ามันเป็นการเล่นคำมาจากคำว่า -いけない-ikenai
เพื่อนๆทราบไหมว่าสมัยโบราณคนญี่ปุ่นที่พกหวีได้จะมีแต่ผู้หญิงเท่านั้น คนญี่ปุ่นจึงใช้คำว่า 嫁-yome ที่แปลว่าสะใภ้มาเปรียบเทียบกับความเชื่อนี้ค่ะ นั่นหมายความว่า การเป็นสะใภ้ไม่ได้ก็คือการแต่งงานไม่ได้หรือการเป็นโสดตลอดกาลนั่นเอง
คนญี่ปุ่นโบราณเชื่อกันว่าการจามก็คือการที่เราได้รับภัยที่ไม่มีตัวตนไม่มีรูปร่างหน้าตาเพราะก่อนที่จะจามเราจะอ้าปากและสูดหรือกินสิ่งปฏิกูลเข้าไปก่อน สิ่งปฏิกูลนี่แหละค่ะที่คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่ามันคือลางบอกเหตุว่าจะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น
สำหรับฟ้าจังถ้าให้คิดนะคะมันก็มีเหตุผลอยู่บ้างคือตอนที่เราสูดอากาศเข้าไปมันอาจจะมีเชื้อโรคปะปนอยู่นั่นหมายความว่าเราอาจจะเจ็บคอหรือเป็นหวัดหรือเจ็บป่วยตามมานั่นเอง มันก็เหมือนกับได้รับเรื่องร้ายๆล่ะนะ
เพราะฉะนั้นตอนจามก็ใช้มือหรือหาผ้าเช็ดหน้ามาปิดปากด้วยนะเจ้าคะ
แหมความเชื่อนี้ช่างขัดกันกับฝั่งไทยอย่างสิ้นเชิงนะคะเพราะคนไทยเชื่อกันว่าถ้านอนหันไปทางทิศตะวันตกคือคนตาย แต่ทางญี่ปุ่นคือทิศเหนือ เหตุผลนั้นก็คือ
พระพุทธเจ้าตอนเสด็จปรินิพพานจะหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ หันพระพักต์ไปทางทิศตะวันตก และบรรทมสีหไสยาสน์หรือนอนตะแคงขวาค่ะ คนญี่ปุ่นจึงกำหนดฮวงจุ้ยไว้ว่าทิศเหนือคือทิศของคนตาย ดังนั้นจึงห้ามนอนหนุนหมอนไปทางทิศเหนือเด็ดขาด
คำว่า笠-kasa-งอบ ในความหมายนี้คนญี่ปุ่นหมายถึง เมฆฝนที่มีลักษณะเหมือนงอบค่ะ บางคนจะเรียกว่าเมฆจานบิน UFO
ซึ่งเมฆรูปงอบนี้ส่วนใหญ่จะมีน้ำฝนอยู่และมักจะเคลื่อนตัวไปที่ยอดเขาค่ะและจากนั้นก็จะกลั่นตัวเป็นฝนตกลงมา คนญี่ปุ่นจึงใช้ปรากฎการณ์ธรรมชาตินี้ในการพยากรณ์อากาศค่ะ
เพื่อนๆทราบไหมคะว่าคนญี่ปุ่นใช้ งู เป็นสัญลักษณะของ ความเคียดแค้น ความเกลียดชัง และความอิจฉาค่ะ
และตอนกลางคืนซึ่งเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่นอนแล้วเมื่อผิวปากจึงเป็นการรบกวนบ้านใกล้เรือนเคียงและส่งผลทำให้ถูกเพื่อนบ้านนี่แหละค่ะเคียดแค้นและออกมาต่อว่าหรือทำร้ายได้ ซึ่งมองอีกมุมหนึ่งเพื่อนบ้านอาจจะอิจฉาคุณที่ผิวปากอย่างมีความสุขเขาจึงออกมาต่อว่าคุณค่ะ
ความเชื่อนี้อาจพูดได้ว่าคือ กุศโลบาย นั่นเองค่ะ
เมื่อพูดถึงสัตว์ที่มีสีขาวทั้งตัวหรือภาษาไทยจะเรียกว่าสีขาวเผือกมักจะหายากหรือแทบจะไม่มีให้เห็นใช่ไหมคะคนญี่ปุ่นก็คิดเช่นนั้นค่ะ และอีกอย่างคนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า งูสีขาวเผือกคือเทพเเห่งทรัพย์สมบัติและเป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่งร่ำรวย คนญี่ปุ่นจึงนำความเชื่อนี้มาทำนายฝันค่ะ นั่นคือ
เมื่อไหร่ก็ตามถ้าฝันเห็นงูเผือกพวกเขาจะโชคดีและจะถูกหวยหรือลอตเตอรี่ค่ะ ว้าว! เชื่อเหมือนคนไทยเลย ฝันเห็นอะไรแปลกๆเอามาตีเป็นหวยหมด 5555
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับคำว่า วัว ในความหมายของความเชื่อนี้ก่อนนะคะ คนญี่ปุ่นเปรียบเทียบ วัวเหมือนกับความอ้วนค่ะ 5555 แต่คนไทยเปรียบเทียบคนอ้วนคือหมูใช่ไหมคะ
เอาล่ะคนญี่ปุ่นใช้พฤติกรรมของวัวที่เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องที่เวลามันกินหญ้าเสร็จก็จะนอนกับพื้นทันทีแล้วก็ขย้อนหญ้าออกมาเคี้ยวเอื้องไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าสังเหตุรูปร่างของวัวจะมีลักษณะใหญ่และลงพุงคืออ้วนเฉพาะที่ท้อง
นี่แหละค่ะคือความหมายของคำว่า กินข้าวเสร็จแล้วนอนเลยจะกลายเป็นวัวนั่นเองค่ะ
เหตุผลนั้นก็คือ คำว่า 耳たぶが大きい-Mimitabu ga ōkī-ติ่งหูใหญ่ ในภาษาญี่ปุ่นมีคำศัพท์ใช้เรียกเฉพาะค่ะคือ 福耳-fukumimi ซึ่งคำว่า 福-fuku แปลว่า โชค ลาภ ความสุข ค่ะ
ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในเทพทั้ง 7 หรือ 七福神-shichifukujin ที่ชื่อว่าเทพ 大黒天-daikokuten ก็มีติ่งหูที่ใหญ่ด้วยเช่นกันค่ะ และเทพ 大黒天-daikokuten ก็เป็นเทพแห่งทรัพสมบัติ โชค ลาภ ด้วยเหตุนี้คนญี่ปุ่นจึงเชื่อกันว่าใครก็ตามที่มีติ่งหูที่ใหญ่เหมือนเทพ 大黒天-daikokuten ในอนาคตเขาจะกลายเป็นเศรษฐีค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะเพื่อนๆกับความเชื่อทั้ง 10 ของคนญี่ปุ่น ความเชื่อนั้นถ้าเรานะมาปรับใช้ในแง่บวกก็จะส่งผลดีนะคะ และถ้าเราเชื่อผิดวิธีจนถึงขั้นขาดสติจนกลายเป็นความงมงายล่ะก็ จะส่งผลเสียต่อผู้ที่เชื่อทันทีค่ะ
แปลและเรียบเรียงใหม่โดย ฟ้าจังกะเทยไทยในญี่ปุ่น เพื่อนๆสามารถติดตามฟ้าจังได้อย่างใกล้ชิดที่แฟนเพจนะคะ กดลิงก์เลยค่ะ
เพื่อนๆสามารถติดตามการอัปเดตชีวิตประจำวันของฟ้าจังและการสอนภาษาญี่ปุ่นได้ในยูทูบชาแนลนี้นะคะ
เพื่อนๆสามารถอ่านบล็อกย้อนหลังของฟ้าจังได้ที่นี่ค่ะ
I LOVE JAPAN GROUP CO.,LTD
Park Ploenchit
61/7 Sukhumvit 1 Road Khongtoey Nua
Wattana Bangkok, Thailand, 10110
info@ilovejapan.co.th