l ชีวิตในญี่ปุ่น

7 เทคนิคเลือกบ้านเช่าญี่ปุ่นให้ถูกหลัก

7 เทคนิคเลือกบ้านเช่าญี่ปุ่นให้ถูกหลัก

By , Wednesday, 20 July 2016


นี่คือสถานนนน แห่งบ้านทรายทอง ที่ฉันปองมาสู่ ฉันยังไม่รู้วววว…. เดี๋ยววว จะมาอยู่อยู่แล้ว ทำไมไม่รู้ค่ะ แต่ก็อย่างว่า บ้านเช่าญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า อาพาตโตะ นั้นนน มีมากมายหลายแบบให้เลือกจริงๆ พวกเรามันก็แค่คนธรรมดาที่ไม่ได้มีความรู้ด้านวิศวกรรม หรือสถาปัตยกรรม แล้วจะเลือกบ้าน เลือกห้องยังไงให้มันถูกและปลอดภัยดีล่ะเนี่ย!

แต่ไม่ต้องกลัวค่ะ วันนี้ดิฉันไปล้วงข้อมูลจากพี่สาวสถาปนิก เว็บไซต์ Fudosan (บริษัทนายหน้าจัดหาบ้านเช่า) ของญี่ปุ่น และจากประสบการณ์ของดิฉันเอง มาเล่าให้ฟัง รับรองชีวิตในญี่ปุ่นเราจะสุขสบายและปลอดภัยแน่นอนค่ะ


1.สถานที่ : ใกล้โรงเรียน (มหาวิทยาลัย/ที่ทำงาน) ใกล้ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือใกล้สถานี

อันนี้ต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย บางคนรู้ตัวว่าตื่นสาย ก็อาจจะเลือกใกล้โรงเรียน หรือใกล้สถานี ตื่นปุ๊บ เดินสามนาทีถึง หรือถ้าใกล้ซุปเปอร์มาเก็ตอาจจะสะดวกในการซื้อของ หรือเวลาซื้อของที่หนักๆจะได้ไม่ต้องเดินไกล แต่ขอบอกนะคะ ว่าเวลาเลือกบ้านเช่า มันต้องได้อย่างเสียอย่างค่ะ ไม่มีทางที่มันจะใกล้ทั้งสามที่แน่นอน นอกจากว่าสถานีอยู่ใกล้โรงเรียนและข้างๆเป็นซุปเปอร์มาเก็ตด้วย ถ้าแบบนั้นค่าห้องก็จะแพงลากเลือดเลยค่ะ 

สำหรับดิฉันเลือกใกล้สถานีค่ะ ไม่งั้นได้วิ่งทุกเช้าแน่นอน


2.ตึก : โครงสร้างไม้ คอนกรีต หรือเหล็ก

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึง คือเรื่องของแผ่นดินไหว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยมาก ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่า ระหว่างโครงสร้างไม้ คอนกรีต และเหล็กอะไรรับแรงแผ่นดินไหวได้ดีกว่ากัน ดิฉันได้ค้นข้อมูลมา สรุปได้ดังนี้

-ยิ่งหนัก ยิ่งพังง่าย โครงสร้างไม้กับเหล็ก จะเบากว่า คอนกรีต เมื่อเกิดแรงแผ่นดินไหว อาคารที่หนักจะสั่นไหวแรงขึ้นด้วย ดังนั้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โครงสร้างอาคารที่หนักกว่า จะมีโอกาสเกิดการสั่นไหวที่มากกว่านั่นเอง

-ยอมหัก ไม่ยอมงอ โครงสร้างคอนกรีตมีลักษณะแข็ง รับแรงในแนวดิ่ง แต่แรงแผ่นดินไหวเป็นแรงในแนวนอน ดังนั้น เมื่อเกิดแผ่นดินไหว จะพังได้ง่ายกว่าโครงสร้างไม้และเหล็ก ที่มีความยืดหยุ่น สามารถโยกตามแรงที่เกิดขึ้นได้

ดิฉันไม่สามารถพูดได้เต็มปากกว่าโครงสร้างไม้ดีสุดนะคะ เพราะข้อเสียของมันคือ จะได้ยินเสียงห้องข้างๆพูดคุยกันชัดมาก (ซึ่งน่ารำคาญมากทีเดียว) ดิฉันคิดว่า หากญี่ปุ่นจะสร้างอาคารที่เป็นคอนกรีต ก็คงมีโครงสร้างที่ป้องกันแผ่นดินไหวในระดับหนึ่งแล้ว ลองถามบริษัทบ้านให้ดีก่อนเลือกนะคะ



3.หน้าต่างทิศไหนดีที่สุด

ดีที่สุดคือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ตามลำดับ การดูทิศของหน้าต่าง เพื่อดูทิศทางของแสงแดดนั้น ญี่ปุ่นเหมือนกับไทย เพราะอยู่ซีกโลกเหนือ ดังนั้นดวงอาทิตย์จะอ้อมใต้ (ออก-ใต้-ตก) ดังนั้นใน 3 ทิศนี้ จะมีแดดตลอดทั้งวัน

ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนจากทิศตะวันออก-ใต้-ตะวันตก


อุณหภูมิของญี่ปุ่น จัดว่าอยู่ในเขตอบอุ่น แต่ก็หนาวมากในฤดูหนาว ดังนั้นถ้ามีหน้าต่างทางทิศใต้ที่โดนแดดทั้งวัน จะดีที่สุด ทิศตะวันออกจะโดนแดดแค่ตอนเช้า ทิศตะวันตกจะโดนแดดแค่ตอนเย็น ส่วนทิศเหนืออย่าเลือกค่ะ นอกจากผ้าจะไม่แห้งแล้ว หน้าหนาวคุณแข็งตายแน่นอน แต่แน่นอนว่า บ้านที่หน้าต่างหันทิศใต้จะต้องแพงกว่าทิศอื่นๆนะจ๊ะ ทำใจไว้ด้วย (บางที่บวกค่าเช่า 2000 เยนเลยทีเดียว)


4.พื้นเสื่อทาทามิ หรือพื้นไม้

-เสื่อทาทามิ ทำจากต้นกก หรือ อิกุสะ (Igusa) เป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการดูดซับและระบายความชื้นภายในห้องได้ดี เหมาะกับสภาพอากาศในญี่ปุ่นที่มีความชื้นสูงในฤดูร้อน และหนาวในฤดูหนาว แต่ระวังแมลงในหน้าร้อนที่แฝงในเสื่อด้วย นอกจากนี้ขุยของเศษไม้จะชอบติดตามถุงเท้า ถุงน่อง กางเกง เวลานั่งค่ะ ค่อนข้างสร้างความรำคาญทีเดียว

พื้นเสื่อทาทามิ


-พื้นไม้ ต้องระวังเรื่องความชื้น และความเย็น โดยเฉพาะความเย็นในหน้าหนาว นี่มันสุดขั้วจริงๆค่ะ ถ้าไม่ใส่สลิปเปอร์เดิน หรือนั่งบนพรม รับรองสั่นทั้งวัน 

พื้นไม้


5.เตียงหรือฟูก(ฟุตง)

ข้อนี้จะเกี่ยวข้องกับข้อที่แล้วค่ะ ความหนาวเย็นและความชื้นอาจจะทำให้เกิดราขึ้นได้ง่าย หากนอนฟูกอาจจะต้องมีแผ่นรองสักนิด หรือพยายามพับฟูกขึ้นมาโดนลมบ้าง ส่วนเรื่องเตียงก็ไม่มีปัญหาค่ะ จะมีปัญหาก็ตอนขนย้ายหรือค่าทิ้งที่แพงค่ะ

แผ่นรองฟุตงกันเชื้อรา


6.ส่วนห้องครัวและห้องนอนควรมีประตูกั้นหรือไม่

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงสำหรับห้องครัว คือ มีความชื้น และกลิ่น ถ้ามีประตูกั้นก็ดีกว่าแน่นอน แต่ถ้าห้องไหนไม่มีประตูกั้น ก็ต้องดูว่ามีที่ดูดควันดีๆหรือไม่ ไม่งั้นเตียงนอนของคุณเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำมันและปลาทอดแน่นอน

ส่วนครัวกับส่วนที่นอน ที่ไม่มีประตูกั้น (แต่มีเครื่องดูดควัน)
ประตูด้านขวามือ คือประตูกั้นระหว่างส่วนครัวและที่นอน


7.ห้องอาบน้ำกับห้องน้ำแยกหรือรวมกัน

พูดง่ายๆก็คือ อ่างโอฟุโระกับโถส้วม อยู่ในห้องเดียวกันไหม อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนค่ะ สำหรับดิฉันชอบห้องอาบน้ำแยกกับห้องน้ำ เพราะเวลาเพื่อนมาค้างที่บ้าน ถ้าคนนึงอาบน้ำอยู่แล้วอีกคนปวดท้องขึ้นมาจะได้แยกกันเข้า แต่บางทีเพื่อนก็บ่นค่ะ ว่าเวลาทำธุระเสร็จก็อยากอาบน้ำเลย แต่ก็ต้องเดินออกมาอีกรอบ เพราะฉะนั้นจะเลือกอะไรก็คิดเยอะๆค่ะ 555

อ่างอาบน้ำและโถส้วมรวมอยู่ในห้องเดียวกัน
อ่างอาบน้ำและโถส้วมแยกคนละห้อง


หวังว่าบล็อกนี้จะช่วยให้ทุกคนที่มาอยู่ญี่ปุ่นเลือกบ้านเช่าดีๆกันได้นะคะ ส่วนเรื่องค่าเช่าก็ตัวใครตัวมันค่ะ เลือกบ้านที่ค่าเช่าเหมาะสมกับเงินในกระเป๋าตังค์ด้วยนะคะ เพราะอย่างที่รู้ๆกันว่าทุกอย่างที่ญี่ปุ่นมันแพ้งแพงงงค่ะ ส่วนใครที่คิดจะมาเที่ยวญี่ปุ่นระยะสั้น ส่วนตัวเห็นว่าไปนอนโรงแรมหรือห้องพักอย่างพวก airbnb จะดีกว่าค่ะ เพราะขั้นตอนการเช่าบ้านแบบนี้เป็นภาษาญี่ปุ่นและไม่ค่อยมีที่ไหนเปิดรับให้เช่ารายวันค่ะ


ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

สำหรับใครที่มีแพลนมาเที่ยวญี่ปุ่นแบบส่วนตัวหรือไพรเวท กรุ๊ปเล็ก

สามารถติดต่อได้ที่ www.ilovejapantours.com/th

Line ID: @ilovejapantours

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

เครดิต

https://dsignsomething.com/

http://www.chintai.net/news/2013/10/29/129/