เวลาอยู่ญี่ปุ่นนานๆ เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีปัญหาอยากโละของที่ไม่ใช้แล้วทิ้งแน่ๆ โดยเฉพาะเสื้อผ้า เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมี 4 ฤดูซึ่งส่งผลให้การแต่งตัวก็เปลี่ยนไปตามฤดูกาลเช่นเดียวกัน สมมติว่าถ้าหมดหน้าหนาวแล้ว แต่เราไม่อยากเก็บชุดฤดูหนาวไว้ เราจะทำยังไงกับมันดีล่ะ…มีทางเลือกง่ายๆ เลยคือเอาไปขายให้ร้านมือสองต่อสิคะ!
สำหรับร้านขายของมือสองมีหลายร้านค่ะ แต่สำหรับร้านที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่วันนี้จะแนะนำมี 2 แห่งด้วยกัน คือ
ร้าน BOOK OFF และ DonDonDown on Wednesday
1. BOOK OFF
นี่คือร้านขายของมือสองที่ไม่ได้ขายแค่หนังสือตามชื่อ สำหรับร้านเครือ BOOK OFF มีหลายแขนงแตกไปอีก เราขอเรียงลำดับความเล็กไปใหญ่ดังนี้ค่ะ
BOOK OFF : เน้นหนักไปที่หนังสือ CD DVD ของค่อนข้างเป็นชิ้นเล็กๆ น้อยๆ
BOOK OFF PLUS : ใหญ่ขึ้นมากว่า BOOK OFF ธรรมดาหน่อย มีทุกอย่างเหมือนกันแต่เน้นไปที่เสื้อผ้ามือสอง
BOOK OFF SUPER BAZAAR : นี่คือ BOOK OFF ระดับบอส คือใหญ่ที่สุด เป็นแหล่งขุมทรัพย์ของสินค้ามือสองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาร้าน BOOK OFF ทุกประเภท
BOOK OFF มีหลายสาขาและหลายที่มากๆ ไปที่ไหนก็เจอ คุณสามารถนำสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้าตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบมาขายที่นี่ได้ ซึ่งการจะขายอะไรได้นั้นขึ้นอยู่กับสาขาด้วยค่ะ บางสาขาที่เล็กหน่อยก็อาจจะรับแต่หนังสือ สาขาไหนใหญ่ก็รับทั้งจักรยาน DVD อุปกรณ์กีฬาและอื่นๆ (ขนาดตุ๊กตายังรับเลย แต่สภาพต้องไม่เน่าเปื้อนคราบน้ำลายนะ) อ้อ! ของแบรนด์เนมมือสองก็มีนะคะ หากใครไม่รังเกียจของมือสองก็ลองแวะไปเดินเล่นกันได้ เพราะสินค้าบางอย่างคุณภาพยังดีใหม่แต่ที่นี่ตั้งราคาถูกกว่ามือหนึ่งครึ่งต่อครึ่ง
ก่อนที่เราจะเอาของไปขาย เราต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนค่ะ เช่น รองเท้าก็ต้องขัดจนไม่มีรอยเท้า เพราะหากมีตำหนิเพียงเล็กน้อย พนักงานจะคืนของให้คุณโดยทันที สำหรับหนังสือหากมีรอยดินสอให้ลบออกให้สะอาด ห้ามมีรอยเขียนใดๆ ทั้งสิ้น
ขั้นตอนการขายคือแบกของที่จะขายไปค่ะ สาขาที่เราเคยเอาไปขายอยู่ที่สถานี Hachiojiminamino ค่ะ จากสถานีเดินไปยัง BOOK OFF SUPER BAZAAR (ใหญ่มากกก) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
พอถึงแล้วให้ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2 เลยค่ะเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่มีป้ายเขียนว่า 買取 หรือไม่ถ้าหาไม่เจอ ก็หันไปสบตาให้พนักงานบ่อยๆ แล้วก็ยกของในมือให้ดู เดี๋ยวพวกเจ๊แกก็เรียกเองค่ะ ถ้าเป็นสาขาใหญ่หน่อยจะมีบัตรคิวให้ ของที่จะนำมาขาย พนักงานก็จะเป็นคนนำไปเช็คและตีราคาเองค่ะ โดยหากเราต้องการกระเป๋าที่ใส่มาคืน ให้แจ้งเค้าด้วยนะคะเพราะบางทีเค้านึกว่าเราจะขายยันกระเป๋าเลย
พอถึงคิวจะมีพนักงานประกาศเรียกหมายเลขผ่านทางไมค์ค่ะ ระหว่างที่ไม่ถึงคิวก็ไปเดินเล่นดูของฆ่าเวลารอได้ เมื่อถึงคิวปุ๊ป ทางพนักงานก็จะให้กรอกข้อมูล ซึ่งในใบที่กรอกเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน เราต้องมีหลักฐานด้วยค่ะ ว่าเราอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ โดยใช้ 'บัตรไซริวการ์ด' หรือเรียกอีกชื่อว่า 'บัตรต่างด้าว' ยืนยันตัวตน
นอกจากนี้จะมีให้เลือกด้วยค่ะว่าสินค้าชิ้นไหนที่ทางร้านตีราคาให้ไม่ได้ เราจะรับคืนหรือบริจาคให้เลย ซึ่งหลังจากตีราคาเสร็จ ทางพนักงานจะออกใบเสร็จให้ดูยอดรวม หากเราไม่พอใจสามารถขอสินค้าคืนได้
และที่น่าช็อคก็คือ รองเท้าคอนเวิร์สของแท้ของดิฉัน ถูกตีราคาออกมาในราคา 150 เยน…
…150 เยน…สงสัยจะตาฝาด
…เฮ้ย…เจ๊แกลืมใส่ 0 ให้อีกตัวรึเปล่าฟะ?
…คือ…นี่รองเท้าแบรนด์นะ…ไม่ใช่แตะช้างดาว…
…ถึงสภาพจะเน่าไปหน่อย แต่ก็ขัดมาให้อย่างดีแล้วนะ…
ด้วยความที่กำลังอึ้งกิมกี่ก็เลยถามพนักงานอีกครั้งว่าราคามันผิดรึเปล่า เจ๊พนักงานคนเดิมก็ทำหน้าแบ๊วยิ้มหวานกลับมาพร้อมกับเสียงแหลมราวกับกินนกหวีดยืนยันอีกครั้งว่า
"ไม่มีผิดพลาดค่ะคุณลูกค้า หากคุณลูกค้าไม่ต้องการขายสินค้าชิ้นไหนสามารถขอคืนได้นะคะ (*^*)"
เออ ไม่ต้องบอกก็ขอคืนอยู่แล้วค่ะ! 150 เยน ซื้อข้าวกล่องในเซเว่นยังไม่ได้เลยเถอะ!!
อย่างที่บอกค่ะ ทางพนักงานใช้เกณฑ์อะไรเป็นตัวตีราคานั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่เพื่อนเราซื้อเครื่องม้วนผมมาในราคา 800 เยน เอาไปขาย BOOK OFF ต่อ สภาพพร้อมกล่องอย่างดี สรุปมันได้ไปราคา 1,200 เยนค่า คอนเวิร์สตรูนี่เก็บกลับเข้าตู้แทบไม่ทัน โอ้ย อยากเอารองเท้าตบหน้า ฮึ่ยยย~ (T^T)
เคยเอาหนังสือเรียนที่ญี่ปุ่นไปขายก่อนกลับที่ สาขา Shinjuku ซื้อมา 1,300 เยน ขายได้ 100 เยนถ้วนค่ะ โอ้โห~เอาไปเล่นเกมตู้ได้ตั้งรอบนึงแหนะ! ดีใจจังเลย (ประชด)
2. DonDonDown on Wednesday
จนกลับไทยมาตอนนี้ก็ยังสงสัยกับชื่อร้านเสื้อผ้ามือสองที่นี่ว่ามันแปลว่าอะไร (=..=) น่าจะอ่านว่า 'ดองดองดาวน์' คุณผู้อ่านอาจสงสัยใช่มั้ยคะแล้วคำว่าวันพุธมันพิเศษยังไง สำหรับวันพุธร้าน DonDonDown จะลดราคาลงเรื่อยๆ แบบพิเศษสุดๆ แต่ที่เป็นจุดเด่นของร้านนี้ คือ การตั้งราคาค่ะ เนื่องจากราคามีการเปลี่ยนแปลงตลอด ดังนั้นเค้าเลยใช้วิธีการตั้งราคาเป็นรูปผักผลไม้ค่ะ! (ล้ำไปอีกค่ะพ่อคู้ณณณ~)
เช่น เสื้อผ้าตัวนี้เป็นกล้วย โดยอาทิตย์นี้กำหนดว่ากล้วยราคา 2,000 เยน วันพุธถัดไปกล้วยก็จะลดราคาลงไปอีกเหลือ 1,500 เยน แล้วก็ลดๆ ไปจนกว่าจะมีคนมาสอยไป ที่ทางร้านทำแบบนี้เพราะจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนป้ายราคาบ่อยๆ ให้วุ่นวาย
สำหรับสไตล์เสื้อผ้าร้านนี้ก็จะหลากหลายออกแนวไปทางวัยรุ่นมากกว่าร้าน BOOK OFF ค่ะ รุ่นแค่ไหนดูหน้าตาโลโก้ร้านซะก่อน ปัดบรัชออนด้วยไม่ธรรมดา สาขาที่เรานำไปขายอยู่บริเวณ สถานี Tachikawa ค่ะ ร้านอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 500 เมตร ตรงข้ามห้าง Isetan
ขั้นตอนการขายก็เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์เช่นกันค่ะ พนักงานจะมีแบบฟอร์มให้กรอก และให้ใบสะสมแต้ม ถ้ามาขายบ่อยก็จะได้ส่วนลดในการซื้อเสื้อผ้าที่ร้าน หลังจากนั้นพนักงานจะนำเสื้อผ้าของเราไปตีราคาทีละตัว แต่ของที่นี่เค้าเก็บไปหมดเลยนะ ตอนแรกเรานึกว่าตัวไหนขายไม่ออกจะคืนกลับมา ก็ยืนรอไปสิ สรุปอ้าว! พี่แกเอาไปหมดเลยแม้แต่ถุงกระดาษที่ใส่มา
สำหรับร้านนี้รับซื้อเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าและเครื่องประดับเท่านั้นค่ะ สาขาอาจจะน้อยกว่าร้าน BOOK OFF แต่ที่นี่สามารถขายแบบเป็นกิโลได้ ดังนั้นควรมาพร้อมๆ กันหลายคนแล้วขายทีเดียว อาจจะได้ราคาดีกว่าหน่อยนึง
แต่ช้าก่อน! อย่าคิดว่าที่นี่จะให้ราคาดีนะคะ หลังจากที่เจ็บไปแล้วกับ BOOK OFF ก็เลยหนีมาลองซบอกพี่ DonDonDown
พูดแล้วน้ำตาก็จะไหล แบรนด์ Zara ซื้อมาหลายพัน พี่แกตีราคาให้เหลือแค่ 200 เยนคืออะไร แถมที่เจ็บใจยิ่งกว่าคือพอหลังจากวันนั้นย้อนไปดูที่ร้านอีกที เสื้อ Zara โง่ๆ ตัวนั้นถูกวางขายในราคา 1,500 เยน ดีค่ะ…แทบจะเป็นลมอยู่หน้าร้าน เหรียญ 200 เยนในมือนี่สั่นไปหมด (T_T)
ดังนั้นถ้าใครอยากขายให้ราคาดีๆ ควรไปขายเองตาม Flea Market ค่ะ เพราะเราสามารถกำหนดราคาเองได้ แถมไม่โดนกดราคาซะโหดเหมือนตามร้าน แต่ถ้าใครคิดว่าเสื้อผ้าตัวไหนไม่ใส่แล้วแน่ๆ ก็ควรขายไม่ก็บริจาคจะดีกว่าค่ะ จะได้ไม่รกตู้ด้วย
ในส่วนของ Flea Market จะจัดขึ้นทุกเดือนค่ะ ซึ่งในแต่ละเดือนแต่ละวันสถานที่จะจัดวนสลับกันไป ต้องเช็คจากตารางว่าเดือนนี้จัดที่ไหน สำหรับโตเกียวสามารถเช็คได้จากที่นี่เลยค่ะ https://trx.jp/static/en/tcf/index.html
ที่สำคัญอย่าได้ดูถูกไปค่ะกับร้านของมือสองในญี่ปุ่น สินค้าแต่ละชิ้นแม้จะเป็นมือสอง แต่สภาพไม่ได้กากๆ เลยนะคะ เพราะสินค้าทุกชิ้นทางพนักงานจะคัดกรองอย่างดี ก่อนถูกนำไปขายต่อ นี่เคยมีประสบการณ์ซื้อเสื้อขนเป็ดมือสองอยู่ครั้งนึง สภาพไม่มีตำหนิเหมือนมือหนึ่งมาก สาเหตุที่ซื้อมือสองเพราะว่าบ้านเราไม่มีหิมะ ซื้อมือหนึ่งแต่ใส่ไม่บ่อยรู้สึกเสียดายเงินนิดหน่อย แต่ขนาดมือสองยังโดนไป 4 พันกว่าเยน เงินค่าขนมปลิวกันเลยทีเดียว (T^T)
สุดท้ายนี้แถมเพิ่มเติมค่ะ หากใครสนใจอยากลองแวะช็อปเสื้อผ้ามือสอง แนะนำร้าน KINJI ซึ่งตั้งอยู่ที่ Harajuku ร้านอยู่ที่ชั้นใต้ดิน B1F ของตึก YM Square Harajuku ค่ะ (ตึกอยู่ใกล้ๆ กับ Line Store ฝั่งตรงข้ามกับ H&M Shop) ร้านใหญ่และเสื้อผ้าเยอะมาก ราคาย่อมเยา ถ้าลองได้เข้าไปแล้วอาจหมดตัวโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะ ^^
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : sendai.keizai.biz, kanazawa.keizai.biz
www.bookoff.co.jp
www.tokyo-recyclejapangroup.com
http://www.japanesestreets.com/reports/2576/tokyo-s-coolest-flea-market
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kitakaze&month=19-09-2014&group=8&gblog=6
I LOVE JAPAN GROUP CO.,LTD
Park Ploenchit
61/7 Sukhumvit 1 Road Khongtoey Nua
Wattana Bangkok, Thailand, 10110
info@ilovejapan.co.th