s ชอปปิง

งานนี้ต้องเม้าท์...กับประสบการณ์ขายของมือสองในญี่ปุ่น!

งานนี้ต้องเม้าท์...กับประสบการณ์ขายของมือสองในญี่ปุ่น!

By , Thursday, 29 September 2016

เวลาอยู่ญี่ปุ่นนานๆ เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีปัญหาอยากโละของที่ไม่ใช้แล้วทิ้งแน่ๆ โดยเฉพาะเสื้อผ้า เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมี 4 ฤดูซึ่งส่งผลให้การแต่งตัวก็เปลี่ยนไปตามฤดูกาลเช่นเดียวกัน สมมติว่าถ้าหมดหน้าหนาวแล้ว แต่เราไม่อยากเก็บชุดฤดูหนาวไว้ เราจะทำยังไงกับมันดีล่ะ…มีทางเลือกง่ายๆ เลยคือเอาไปขายให้ร้านมือสองต่อสิคะ!

สำหรับร้านขายของมือสองมีหลายร้านค่ะ แต่สำหรับร้านที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่วันนี้จะแนะนำมี 2 แห่งด้วยกัน คือ 

ร้าน BOOK OFF และ DonDonDown on Wednesday

1. BOOK OFF

นี่คือร้านขายของมือสองที่ไม่ได้ขายแค่หนังสือตามชื่อ สำหรับร้านเครือ BOOK OFF มีหลายแขนงแตกไปอีก เราขอเรียงลำดับความเล็กไปใหญ่ดังนี้ค่ะ

BOOK OFF : เน้นหนักไปที่หนังสือ CD DVD ของค่อนข้างเป็นชิ้นเล็กๆ น้อยๆ

BOOK OFF PLUS : ใหญ่ขึ้นมากว่า BOOK OFF ธรรมดาหน่อย มีทุกอย่างเหมือนกันแต่เน้นไปที่เสื้อผ้ามือสอง

BOOK OFF SUPER BAZAAR : นี่คือ BOOK OFF ระดับบอส คือใหญ่ที่สุด เป็นแหล่งขุมทรัพย์ของสินค้ามือสองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาร้าน BOOK OFF ทุกประเภท

BOOK OFF มีหลายสาขาและหลายที่มากๆ ไปที่ไหนก็เจอ คุณสามารถนำสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้าตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบมาขายที่นี่ได้ ซึ่งการจะขายอะไรได้นั้นขึ้นอยู่กับสาขาด้วยค่ะ บางสาขาที่เล็กหน่อยก็อาจจะรับแต่หนังสือ สาขาไหนใหญ่ก็รับทั้งจักรยาน DVD อุปกรณ์กีฬาและอื่นๆ (ขนาดตุ๊กตายังรับเลย แต่สภาพต้องไม่เน่าเปื้อนคราบน้ำลายนะ) อ้อ! ของแบรนด์เนมมือสองก็มีนะคะ หากใครไม่รังเกียจของมือสองก็ลองแวะไปเดินเล่นกันได้ เพราะสินค้าบางอย่างคุณภาพยังดีใหม่แต่ที่นี่ตั้งราคาถูกกว่ามือหนึ่งครึ่งต่อครึ่ง

ก่อนที่เราจะเอาของไปขาย เราต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนค่ะ เช่น รองเท้าก็ต้องขัดจนไม่มีรอยเท้า เพราะหากมีตำหนิเพียงเล็กน้อย พนักงานจะคืนของให้คุณโดยทันที สำหรับหนังสือหากมีรอยดินสอให้ลบออกให้สะอาด ห้ามมีรอยเขียนใดๆ ทั้งสิ้น

ขั้นตอนการขายคือแบกของที่จะขายไปค่ะ สาขาที่เราเคยเอาไปขายอยู่ที่สถานี Hachiojiminamino ค่ะ จากสถานีเดินไปยัง BOOK OFF SUPER BAZAAR (ใหญ่มากกก) ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

พอถึงแล้วให้ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2 เลยค่ะเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่มีป้ายเขียนว่า 買取 หรือไม่ถ้าหาไม่เจอ ก็หันไปสบตาให้พนักงานบ่อยๆ แล้วก็ยกของในมือให้ดู เดี๋ยวพวกเจ๊แกก็เรียกเองค่ะ ถ้าเป็นสาขาใหญ่หน่อยจะมีบัตรคิวให้ ของที่จะนำมาขาย พนักงานก็จะเป็นคนนำไปเช็คและตีราคาเองค่ะ โดยหากเราต้องการกระเป๋าที่ใส่มาคืน  ให้แจ้งเค้าด้วยนะคะเพราะบางทีเค้านึกว่าเราจะขายยันกระเป๋าเลย

พอถึงคิวจะมีพนักงานประกาศเรียกหมายเลขผ่านทางไมค์ค่ะ ระหว่างที่ไม่ถึงคิวก็ไปเดินเล่นดูของฆ่าเวลารอได้ เมื่อถึงคิวปุ๊ป ทางพนักงานก็จะให้กรอกข้อมูล ซึ่งในใบที่กรอกเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน เราต้องมีหลักฐานด้วยค่ะ ว่าเราอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นจริงๆ โดยใช้ 'บัตรไซริวการ์ด' หรือเรียกอีกชื่อว่า 'บัตรต่างด้าว' ยืนยันตัวตน

​นอกจากนี้จะมีให้เลือกด้วยค่ะว่าสินค้าชิ้นไหนที่ทางร้านตีราคาให้ไม่ได้ เราจะรับคืนหรือบริจาคให้เลย ซึ่งหลังจากตีราคาเสร็จ ทางพนักงานจะออกใบเสร็จให้ดูยอดรวม หากเราไม่พอใจสามารถขอสินค้าคืนได้ 

และที่น่าช็อคก็คือ รองเท้าคอนเวิร์สของแท้ของดิฉัน ถูกตีราคาออกมาในราคา 150 เยน… 

…150 เยน…สงสัยจะตาฝาด

…เฮ้ย…เจ๊แกลืมใส่ 0 ให้อีกตัวรึเปล่าฟะ?

…คือ…นี่รองเท้าแบรนด์นะ…ไม่ใช่แตะช้างดาว…

…ถึงสภาพจะเน่าไปหน่อย แต่ก็ขัดมาให้อย่างดีแล้วนะ…

อย่าเอารอยยิ้มแสนซื่อนั้นมาหลอกซะให้ยาก!

​ด้วยความที่กำลังอึ้งกิมกี่ก็เลยถามพนักงานอีกครั้งว่าราคามันผิดรึเปล่า เจ๊พนักงานคนเดิมก็ทำหน้าแบ๊วยิ้มหวานกลับมาพร้อมกับเสียงแหลมราวกับกินนกหวีดยืนยันอีกครั้งว่า 

"ไม่มีผิดพลาดค่ะคุณลูกค้า หากคุณลูกค้าไม่ต้องการขายสินค้าชิ้นไหนสามารถขอคืนได้นะคะ (*^*)"

เออ ไม่ต้องบอกก็ขอคืนอยู่แล้วค่ะ! 150 เยน ซื้อข้าวกล่องในเซเว่นยังไม่ได้เลยเถอะ!!

อย่างที่บอกค่ะ ทางพนักงานใช้เกณฑ์อะไรเป็นตัวตีราคานั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่เพื่อนเราซื้อเครื่องม้วนผมมาในราคา 800 เยน เอาไปขาย BOOK OFF ต่อ สภาพพร้อมกล่องอย่างดี สรุปมันได้ไปราคา 1,200 เยนค่า คอนเวิร์สตรูนี่เก็บกลับเข้าตู้แทบไม่ทัน โอ้ย อยากเอารองเท้าตบหน้า ฮึ่ยยย~ (T^T)

เคยเอาหนังสือเรียนที่ญี่ปุ่นไปขายก่อนกลับที่ สาขา Shinjuku ซื้อมา 1,300 เยน ขายได้ 100 เยนถ้วนค่ะ โอ้โห~เอาไปเล่นเกมตู้ได้ตั้งรอบนึงแหนะ! ดีใจจังเลย (ประชด)

หน้าตาโลโก้ร้านค่ะ ดูผ่านๆ ก็แอบเหมือนสิงโตนำโชคเบาๆ (ตรงไหน)

2. DonDonDown on Wednesday

จนกลับไทยมาตอนนี้ก็ยังสงสัยกับชื่อร้านเสื้อผ้ามือสองที่นี่ว่ามันแปลว่าอะไร (=..=) น่าจะอ่านว่า 'ดองดองดาวน์' คุณผู้อ่านอาจสงสัยใช่มั้ยคะแล้วคำว่าวันพุธมันพิเศษยังไง สำหรับวันพุธร้าน DonDonDown จะลดราคาลงเรื่อยๆ แบบพิเศษสุดๆ แต่ที่เป็นจุดเด่นของร้านนี้ คือ การตั้งราคาค่ะ เนื่องจากราคามีการเปลี่ยนแปลงตลอด ดังนั้นเค้าเลยใช้วิธีการตั้งราคาเป็นรูปผักผลไม้ค่ะ! (ล้ำไปอีกค่ะพ่อคู้ณณณ~)

เช่น เสื้อผ้าตัวนี้เป็นกล้วย โดยอาทิตย์นี้กำหนดว่ากล้วยราคา 2,000 เยน วันพุธถัดไปกล้วยก็จะลดราคาลงไปอีกเหลือ 1,500 เยน แล้วก็ลดๆ ไปจนกว่าจะมีคนมาสอยไป ที่ทางร้านทำแบบนี้เพราะจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนป้ายราคาบ่อยๆ ให้วุ่นวาย 

สำหรับสไตล์เสื้อผ้าร้านนี้ก็จะหลากหลายออกแนวไปทางวัยรุ่นมากกว่าร้าน BOOK OFF ค่ะ รุ่นแค่ไหนดูหน้าตาโลโก้ร้านซะก่อน ปัดบรัชออนด้วยไม่ธรรมดา สาขาที่เรานำไปขายอยู่บริเวณ สถานี Tachikawa ค่ะ ร้านอยู่ห่างจากสถานีประมาณ 500 เมตร ตรงข้ามห้าง Isetan

ร้านตกแต่งได้อย่างมีสไตล์ไม่ซ้ำใคร เก๋ไก๋ทั้งร้านและพนักงาน

ขั้นตอนการขายก็เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์เช่นกันค่ะ พนักงานจะมีแบบฟอร์มให้กรอก และให้ใบสะสมแต้ม ถ้ามาขายบ่อยก็จะได้ส่วนลดในการซื้อเสื้อผ้าที่ร้าน หลังจากนั้นพนักงานจะนำเสื้อผ้าของเราไปตีราคาทีละตัว แต่ของที่นี่เค้าเก็บไปหมดเลยนะ ตอนแรกเรานึกว่าตัวไหนขายไม่ออกจะคืนกลับมา ก็ยืนรอไปสิ สรุปอ้าว! พี่แกเอาไปหมดเลยแม้แต่ถุงกระดาษที่ใส่มา 

สำหรับร้านนี้รับซื้อเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าและเครื่องประดับเท่านั้นค่ะ สาขาอาจจะน้อยกว่าร้าน BOOK OFF แต่ที่นี่สามารถขายแบบเป็นกิโลได้ ดังนั้นควรมาพร้อมๆ กันหลายคนแล้วขายทีเดียว อาจจะได้ราคาดีกว่าหน่อยนึง

นี่คือหน้าตาป้ายราคาตามที่บอกค่ะ ตอนเข้าไปครั้งแรกงงมาก อะไรเนี่ย ซื้อเสื้อครบตามป้ายจะแถมผักรึไง (=_=)

​ แต่ช้าก่อน! อย่าคิดว่าที่นี่จะให้ราคาดีนะคะ หลังจากที่เจ็บไปแล้วกับ BOOK OFF ก็เลยหนีมาลองซบอกพี่ DonDonDown

พูดแล้วน้ำตาก็จะไหล แบรนด์ Zara ซื้อมาหลายพัน พี่แกตีราคาให้เหลือแค่ 200 เยนคืออะไร แถมที่เจ็บใจยิ่งกว่าคือพอหลังจากวันนั้นย้อนไปดูที่ร้านอีกที เสื้อ Zara โง่ๆ ตัวนั้นถูกวางขายในราคา 1,500 เยน ดีค่ะ…แทบจะเป็นลมอยู่หน้าร้าน เหรียญ 200 เยนในมือนี่สั่นไปหมด (T_T)

ดังนั้นถ้าใครอยากขายให้ราคาดีๆ ควรไปขายเองตาม Flea Market ค่ะ เพราะเราสามารถกำหนดราคาเองได้ แถมไม่โดนกดราคาซะโหดเหมือนตามร้าน แต่ถ้าใครคิดว่าเสื้อผ้าตัวไหนไม่ใส่แล้วแน่ๆ ก็ควรขายไม่ก็บริจาคจะดีกว่าค่ะ จะได้ไม่รกตู้ด้วย 

ในส่วนของ Flea Market จะจัดขึ้นทุกเดือนค่ะ ซึ่งในแต่ละเดือนแต่ละวันสถานที่จะจัดวนสลับกันไป ต้องเช็คจากตารางว่าเดือนนี้จัดที่ไหน สำหรับโตเกียวสามารถเช็คได้จากที่นี่เลยค่ะ https://trx.jp/static/en/tcf/index.html

ที่สำคัญอย่าได้ดูถูกไปค่ะกับร้านของมือสองในญี่ปุ่น สินค้าแต่ละชิ้นแม้จะเป็นมือสอง แต่สภาพไม่ได้กากๆ เลยนะคะ เพราะสินค้าทุกชิ้นทางพนักงานจะคัดกรองอย่างดี ก่อนถูกนำไปขายต่อ นี่เคยมีประสบการณ์ซื้อเสื้อขนเป็ดมือสองอยู่ครั้งนึง สภาพไม่มีตำหนิเหมือนมือหนึ่งมาก สาเหตุที่ซื้อมือสองเพราะว่าบ้านเราไม่มีหิมะ ซื้อมือหนึ่งแต่ใส่ไม่บ่อยรู้สึกเสียดายเงินนิดหน่อย แต่ขนาดมือสองยังโดนไป 4 พันกว่าเยน เงินค่าขนมปลิวกันเลยทีเดียว (T^T)

สุดท้ายนี้แถมเพิ่มเติมค่ะ หากใครสนใจอยากลองแวะช็อปเสื้อผ้ามือสอง แนะนำร้าน KINJI ซึ่งตั้งอยู่ที่ Harajuku ร้านอยู่ที่ชั้นใต้ดิน B1F ของตึก YM Square Harajuku ค่ะ (ตึกอยู่ใกล้ๆ กับ Line Store ฝั่งตรงข้ามกับ H&M Shop) ร้านใหญ่และเสื้อผ้าเยอะมาก ราคาย่อมเยา ถ้าลองได้เข้าไปแล้วอาจหมดตัวโดยไม่รู้ตัวก็ได้นะ ^^

​ขอขอบคุณรูปภาพจาก : sendai.keizai.biz, kanazawa.keizai.biz

www.bookoff.co.jp 

www.tokyo-recyclejapangroup.com

http://www.japanesestreets.com/reports/2576/tokyo-s-coolest-flea-market 

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kitakaze&month=19-09-2014&group=8&gblog=6