t ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

พิชิตยอดเขาทาคาโอะไม่ใช่เรื่องยาก!

พิชิตยอดเขาทาคาโอะไม่ใช่เรื่องยาก!

By , Saturday, 05 November 2016

มาถึงช่วงที่เรียกว่าใบไม้เปลี่ยนสีกันจริงๆแล้ว ดังนั้น วันนี้เราก็มีอีกสถานที่หนึ่งที่อยากแนะนำให้คุณผู้อ่านได้ไปสัมผัส ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว แถมเดินทางง่าย เหมาะสำหรับใครที่อยากซ้อมปีนเขาก่อนไปเจอสนามจริงปีนภูเขาไฟฟูจิ สถานที่ที่เรากำลังพูดถึงนั้น คือ "ภูเขาทาคาโอะ"

ก่อนอื่น มาพูดถึงวิธีการเดินทางดีกว่าค่ะ เนื่องจากเราพักอยู่แถวสถานีทาคาโอะทำให้ง่ายต่อการเดินทางมาก เพียงแค่ใช้เวลา 2 นาทีขึ้นรถไฟเดินทางไปอีกป้ายก็ถึงสถานีภูเขาทาคาโอะแล้ว

คำเตือน! มีคนเข้าใจผิดบ่อย ถ้าคุณคิดจะมาปีนเขาให้ลงที่สถานีทาคาโอะซังกุจิ (Takaosanguchi) นะคะ ไม่ใช่สถานีทาคาโอะ (Takao) ถ้าลงทาคาโอะเฉยๆ ยังไม่ถึงนะ

หากเริ่มต้นจาก สถานีชินจูกุ (Shinjuku) สามารถมาได้โดยนั่งรถไฟ สายเคย์โอ (Keio Line) ค่ะ แล้วเคย์โอนี่อยู่ตรงไหนล่ะ? 

คำตอบไม่ยากเลยค่ะ ถ้าเป็นที่สถานีชินจูกุ เคย์โอก็อยู่ติดกับ JR นั่นล่ะมันเชื่อมเดินถึงกันได้เลย โดยจุดหมายปลายทางคือสถานีทาคาโอะซังกุจิ ให้ลงไปที่ ชานชลาที่ 3 ตรงจุดนี้ดูป้ายให้ดี เพราะ 1. บางขบวนจะไปยาวถึงภูเขาทาคาโอะเลย คือเรานั่งยาวไม่ต้องเปลี่ยนสาย กับ 2. บางขบวนจะไปจอดที่สถานีเคย์โอฮาชิโอจิ (Keio-Hachioji) ซึ่งเราต้องเปลี่ยนขบวนไปขึ้นฝั่งตรงข้ามก่อนที่ สถานีคิตาโนะ (Kitano)

​ไม่แนะนำให้นั่งรถไฟประเภท Local เด็ดขาด!! (ตัวหนังสือที่ปรากฏอยู่ข้างขบวนรถไฟเป็นสีขาว) เพราะมันนานมากกกกกก นั่งจนตูดแฉะ พี่แกจอดทุกสถานีค่ะ หลับวนไปตื่นมาก็ยังไม่ถึง ให้นั่งเป็น Express ตัวหนังสือชมพู (หากเป็น Semi-Express จะเป็นสีส้ม) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่ารถอยู่ที่ 390 เยน จริงๆ สามารถมาได้อีกทางคือสายชูโอ (JR Chuo Line) เร็วกว่าเล็กน้อย แต่ต้องเปลี่ยนสายมาเคย์โอทีหลังอยู่ดี จึงไม่ค่อยแนะนำค่ะเพราะราคาสูงกว่าเคย์โอเท่าตัว (680 เยน)

ขอบคุณรูปภาพจาก : yutty.jp/archives/takaosan-onsen-gokurakuyu/
วันที่เราไปอากาศค่อนข้างเย็น (ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน) ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีจึงอาจจะเริ่มร่วงไปบ้างแล้ว พอลงที่สถานีทาคาโอะซังกุจิ คนค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว จากสถานีจะมีป้ายบอกทางและมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลืออยู่ค่ะ นี่ก็ไม่รู้ทาง เดินตามๆคนอื่นไป

สำหรับนักท่องเที่ยวมีทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ มีทุกวัยไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่หรือคนแก่ พูดแล้วแอบอิจฉาคนญี่ปุ่นเบาๆ ที่บ้านเขามีกิจกรรมให้ทำตลอดปีตามฤดูกาล เดี๋ยวก็ไปปีนเขา เดี๋ยวก็ไปเล่นสกี แถมแต่ละเทศกาลก็จัดกันจริงจังแบบเว่อร์ๆอีก ดีจังเลย (T^T)

ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao) เป็นภูเขาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใกล้ใจกลางกรุงโตเกียว เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการชมใบไม้เปลี่ยนสีมาก ด้านบนมีวัด สวนลิงและจุดชมวิวต่างๆ วันไหนถ้าอากาศดีฟ้าโปร่งเรายังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วยนะ!



(จากสถานีชินจูกุที่ล้อมกรอบสีชมพูด้านขวามือสุดไปสุดสายคือสถานีภูเขาทาคาโอะซ้ายมือสุด)

โดยเส้นทางหลักของการเดินป่า คือเส้นทางที่ 1 ซึ่งเราต้องเดินเท้า ยอดเขาสูงถึง 599 เมตร ใช้เวลาประมาณ 90 นาทีในการเดิน (ระหว่างทางจะมีจุดให้พัก) หากใครไม่อยากเดินก็สามารถใช้บริการกระเช้าหรือลิฟต์เก้าอี้ได้เช่นกัน ซึ่งลิฟต์เก้าอี้จะส่งคุณถึงจุดพักเพียงครึ่งทางเท่านั้น อีกครึ่งทางต้องเดินต่อแต่ไม่ไกลเท่าไหร่

​แน่นอนว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเรา (แหวะ) ต้องเลือกไม่เดินอย่างแน่นอน! เพราะตัวเองไม่ได้ฟิตร่างกายมาให้พร้อมก่อน กลัวเดินๆ แล้วเป็นลมกลิ้งตกเขาระหว่างทางขึ้นมาทำไง เลยตัดสินใจคุยกับเพื่อนว่าเดี๋ยวนั่งกระเช้าเอาแล้วเดินต่อก็ได้...แต่!! ความฝันของพวกเราต้องพังทลาย เมื่อบรรดาชาวญี่ปุ่นผู้เดินเก่งเป็นชีวิตจิตใจต้องการเดินค่ะ! เดี๋ยวนะ พวกเอ็งมารักสุขภาพอะไรตอนนี้! (T^T)

จึงเกิดสงครามขนาดเล็กขึ้นระหว่างทีมกระเช้ากับทีมเดินเท้า แต่เนื่องจากทีมกระเช้าคนน้อยกว่าจึงพ่ายแพ้ไป สุดท้ายพวกเราก็ต้องตัดสินใจเดินเท้าด้วย พี่ญี่ปุ่นผู้หวังดียังอุตส่าห์หันมาปลอบใจด้วยสีหน้าผู้ชนะว่าไม่เป็นไร แป๊ปเดียวก็ถึง…อยากจะบอกว่าไม่เป็นไรบ้านแกสิ! ขาตรูไม่ได้ยาวเหมือนเอ็งนะเฟ้ย (TOT) 

โฉมหน้าชาวแก๊งที่ยืนเถียงกันอยู่หน้าทางแยกระหว่างกระเช้ากับเดินเท้า
ขอบคุณรูปภาพจาก : http://japanyokoso.pixnet.net/
สำหรับราคา กระเช้า เที่ยวเดียว 480 เยน ไป-กลับ 930 เยน เวลาเปิด-ปิด: 8:00-17:45 น. (จะปิดช้าในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชาการ) และ ลิฟต์เก้าอี้ เที่ยวเดียว 480 เยน ไป-กลับ 930 เยน เวลาเปิด-ปิด: 9:00-16:30 น. (เดือนธันวาคม-เมษายน 9:00-16:00 น.) ใครชอบความระทึกใจแนะนำลิฟต์เก้าอี้ค่ะ เพราะมันโล่งเหมือนลิฟต์เก้าอี้ในลานสกีเลย 
ส่วนสายที่เลือกเดินเท้า ขอบอกว่า สำหรับคนที่ไม่ได้ออกกำลังกายบ่อยๆ หรือเตรียมตัวมาก่อน มันนรกมาก! ​ ด้วยความที่เราเดินไม่เก่งเหมือนคนญี่ปุ่น แถมยิ่งขึ้นสูงทางเดินก็ยิ่งชัน พวกเราแก๊งชะนีไทยก็เดินไปหอบแฮ่กๆ จนลิ้นห้อยไป แตกต่างกับแก๊งคุณลุงชาวญี่ปุ่นข้างๆ ที่เดินเม้ามอยกันจนลืมแก่ จากอากาศเย็นๆ ก็ร้อนจนเหงื่อแตกกันเลยทีเดียว สำหรับใครที่เดินแล้วไม่ไหว ตามข้างทางจะมีม้านั่งให้นั่งพักชั่วคราวค่ะ แต่พอนั่งแล้วเห็นเด็กๆ เดินผ่านขึ้นไปแบบชิลล์ๆ แล้วรู้สึกตัวเองแพ้ยังไงไม่รู้ ยัยนี่จึงสู้เดินต่อไปจนถึงจุดพักจุดที่หนึ่ง
วิวจากบริเวณที่พักจุดที่ 1 ค่ะ มีกล้องส่องทางไกล (ที่ดูเหมือนจะพัง) ให้ดูด้วยนะแต่ต้องเสียตังค์
(ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้วค่ะ แต่บางต้นก็แห้งแล้งไปนิด)

​ บริเวณจุดพักจุดแรกจะเป็นจุดที่ลิฟต์เก้าอี้จอดค่ะ นอกจากนั้นยังมีร้านขายขนมพวกดังโงะ ไอศกรีมและห้องน้ำ ส่วนเรานี่วิ่งไปกดน้ำก่อนเลย กันตาย 555 พักได้สักครู่ก็เดินต่อไปค่ะ ขอบอกว่า ถังขยะที่นี่หายากมาก ต้องเก็บขยะใส่กระเป๋าไม่ควรทิ้งข้างทางนะคะ

จุดต่อไปคือเราแวะเข้าไป สวนลิง (Monkey Park) ค่ะสามารถซื้อบัตรได้ที่ตู้ขายอัตโนมัติ 420 เยน ซึ่งเข้าไปแล้วรู้สึกว่า…เสียดายตังค์ (-_-) คือไม่มีอะไรเลยนอกจากดูโชว์ลิงค่ะ บ้านเราก็มีไปดูแถวลพบุรีก็ได้ ระหว่างเดินอยู่ก็เจอคนไทยบ้าง แสดงว่าที่นี่ก็น่าจะมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยเหมือนกัน

หลังจากนั้นเราก็เดินทางกันต่อค่ะ จนมาถึง วัดยาคุโออิน (Yakuoin Temple) สำหรับวัดยาคุโคอินตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขาสามารถแวะไปไหว้ขอพรได้ อ้อ! ขนมดังโงะตรงนั้นอร่อยค่ะ นั่งกินดังโงะไปดูวิวไปได้บรรยากาศสุดๆ

บันไดทางขึ้นวัดค่ะ ต้องรีบเดินเพราะคนต่อแถวยาวมาก

หลังจากเดินกันขาแทบพังขึ้นบันไดเป็นร้อยขั้นต่อด้วยขึ้นเนินอีก ในที่สุดเราก็มาถึงยอดเขากันแล้ว! เมื่อมาถึงก็ต้องถ่ายรูปกับ เอ่อ...ขอเรียกมันว่าแท่นอนุสาวรีย์ก็แล้วกัน ถ่ายเป็นที่ระลึกซะหน่อยเป็นหลักฐานว่าพิชิตมาเรียบร้อยแล้ว ภูมิใจสุดอะไรสุด หลายคนอาจสงสัยว่าพอถึงยอดเขาแล้วเขามาทำอะไรกัน? ส่วนใหญ่ก็มานั่งปิกนิก ถ่ายรูป ชมวิวกันนี่ล่ะค่ะ พอสักพักก็กลับ

แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ มาช่วงวันหยุดก็ต้องเจอกับคนเยอะมาก ทำให้ถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถ่ายทางไหนก็ติดคน แต่วิวสวยมากๆ ค่ะ เพื่อนชี้ให้ดูฟูจิแต่ก็ยังหาไม่เจอว่าอยู่ตรงไหนจึงไม่ได้ถ่ายรูปมาฝาก ต้องขอโทษด้วย (T_T)

พูดถึงเวลาปีนเขาอย่าลืมพกน้ำดื่มไปนะคะ ถึงที่นู่นจะมีตู้อัตโนมัติให้กดก็จริงแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีตลอดทางนะ และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือยาดม! อันนี้ไม่ได้พูดเล่น พกยาดมไปเผื่อด้วยก็ดีค่ะ สำหรับห้องน้ำก็จะแบ่งเป็นจุดๆ ค่อนข้างสะอาด

และอุปกรณ์อีกอย่างหนึ่งที่ตอนแรกเราเห็นก็แอบอึ้งไปแป๊ปนึงคือ 'ไม้ค้ำ' ค่ะ

ใช่แล้ว ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ ไม้ค้ำแบบกิ่งไม้อันใหญ่ๆ นี่ล่ะ สิ่งนี้แม้ดูเหมือนไร้ประโยชน์กลับมีประโยชน์ที่สุด! เพราะมีไม้ค้ำทำให้ช่วยทุ่นแรงได้เยอะ ตอนนั้นได้มาจากเพื่อนคนญี่ปุ่น สงสัยเห็นว่าไอ้แก๊งคนไทยมันไม่รอดแน่เลยส่งตัวช่วยมาให้ (สงสัยพกไม้มาจากบ้าน ไม่ก็ไปหาเศษไม้จากข้างทางมาแหงๆ)

จะหลบไปทางไหนก็ติดแต่คนจริงๆ ค่ะ (T_T)
วิวสวยอากาศดีมากๆ ค่ะ ท้องฟ้าใสมาก

สำหรับตอนลงจากเขานี่ก็ระมัดระวังดีๆ นะคะ เพราะถ้ารองเท้าไม่ดีอาจลื่นกลิ้งลงไปตามทางได้เพราะทางค่อนข้างลาดเลยทีเดียว พอมาถึงยอดเขารู้สึกว่าการที่ยอมเดินเหนื่อยแทบตายมาก็คุ้มและสนุกดีเหมือนกัน ถือเป็นประสบการณ์หนึ่งให้ได้เรียนรู้ว่าปีนเขาในญี่ปุ่นมันเป็นอย่างนี้นี่เอง  

แต่ถ้ามีใครชวนให้ไปปีนเขาที่ทาคาโอะอีกครั้ง...ดิฉันคงขอลาขาด เพราะอีกวันนี่ระบมไปทั้งตัว รอบหน้าจะนั่งกระเช้าไม่ก็ลิฟต์ไปแทนก็แล้วกัน (T^T)

ขอขอบคุณรูปภาพจาก : Jindarat Jitampun

รูปภาพบางส่วนที่ไม่ใส่เครดิตถ่ายเองโดยเจ้าของบล็อก ไม่อนุญาตให้นำออกไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต

บทความล่าสุด