​สวัสดีค่าาา  konnichiwa  วันนี้มายจะพาทุกท่านมาชมเมืองโกเบ เมืองท่าขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่นกันค่ะ!

คราวนี้มายนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินคันไซ ซึ่งถือเป็นสนามบินนานาชาติที่ใกล้โกเบที่สุด (จริงๆ โกเบก็มีสนามบินนะคะ แต่เป็นแบบในประเทศเท่านั้น)

ก่อนที่เราจะไปเมืองโกเบ เราก็จะต้องนั่งรถไฟเข้ามาในเมืองโอซาก้าก่อน เพื่อทำการเปลี่ยนสายรถไฟไปยังเมืองโกเบค่ะ โดยสายรถไฟเส้นหลักจากสนามบินคันไซที่วิ่งเข้าเมืองโอซาก้าได้ก็จะมีอยู่ 2 สาย นั่นก็คือ สาย JR และ สาย Nankai 

ครั้งนี้มายเลือกใช้บริการของรถไฟด่วนของสาย Nankai ขบวน Ltd. Express Rapito (ラピート) เพราะได้ยินมาว่ารถไฟสายนี้เป็นรถไฟสายใหม่ มีดีไซน์ที่เก๋ไก๋ โดยเฉพาะหน้าต่างทรงกลมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะเลยล่ะค่ะ ซึ่งภายในก็มีที่นั่งกว้างขวางสะดวกสบายมากและตกแต่งด้วยสีเรียบๆแต่หรูหรา (ตอนเห็นครั้งแรก นึกถึงการ์ตูนเรื่องกันดั้ม)

สำหรับรถไฟสายนี้เหมาะสำหรับคนที่จะมาพักแถวย่าน Namba หรือ Shinsaibashi เพราะเราสามารถนั่งยาวมาลงทีสถานี Namba ได้เลยแบบ non-stop และใช้เวลาแค่ 38 นาทีเท่านั้นค่ะ (ใครที่จะไปพักย่านอุเมะดะ/ชินโอซาก้า หรือไปนอนที่ Universal Studio Japan ควรใช้สาย JR ค่ะ)

รถไฟสายนี้จะแบ่งที่นั่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบ Super Seat (ที่นั่งพิเศษ) และแบบ Regular Seat (ที่นั่งปกติ) 

จากสนามบินคันไซ ไปลงสถานี Namba คิดราคา Super Seat ที่ 1,340 เยน (เรทผู้ใหญ่)  สำหรับเด็กจะอยู่ที่ 770 เยนค่ะ

ส่วน Regular Seat ราคาจะอยู่ที่ 1,130 เยน (เรทผู้ใหญ่) สำหรับเด็กจะคิด 570 เยน ค่ะ 

และเพื่อการสะดวกในการเดินทาง พอมาถึงสถานี Namba มายก็เอากระเป๋าสัมภาระมาฝากไว้ที่โรงแรมที่มายจะไปพักคืนนี้ (ครั้งนี้จองโรงแรมที่อยู่ใกล้กับสถานี Namba) พอฝากกระเป๋าเสร็จ มายก็ไปที่สถานี Osaka-Namba สาย Hanshin เพื่อนั่งรถไฟต่อไปยังเมืองโกเบค่ะ และไม่ต้องห่วงว่าสถานีที่ว่านี้จะหายากเพราะสถานีทั้งสองนี้มีทางเดินทะลุถึงกันอยู่ค่ะ เราสามารถเดินไปได้โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเท่านั้นเอง

สำหรับใครที่มีแพลนเที่ยวเมืองใหญ่ๆในคันไซ มายขอแนะนำให้ซื้อพาส Hankyu Tourist Pass ไปเลยค่ะ  เพราะพาสนี้สามารถนั่งรถไฟไปโอซาก้า-เกียวโต-โกเบได้ด้วยล่ะ

พาสดังกล่าวนี้จะมี 2 แบบ คือ พาสแบบ 1 วัน ราคา 700 เยน และ พาสแบบ 2 วัน ราคา 1,400 เยน (ต้องเเสดงพาสปอร์ตก่อนทำการซื้อทุกครั้งนะคะ และพาสปอร์ต 1 เล่มซื้อได้ 1 คน) สำหรับมายเองนั้น ครั้งนี้มีเวลาเที่ยวไม่เยอะ ก็เลยซื้อแบบ 1 วันค่ะ 

สถานที่ที่เราจะไปกันในวันนี้ ก็คือ Kobe Harbourland ซึ่งเป็นสถานที่ไฮไลท์ของโกเบเลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่นอกจากจะมีวิวสวยติดทะเลแล้วยังมีทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารอร่อยๆ มาให้เดินเล่นมากมายแถมบรรยากาศริมทะเลก็แสนโรแมนติก เหมาะกับคู่รักมาเดินเล่นจูงมือกันสุดๆเลยค่ะ!

ส่วนการเดินทางมาที่ Kobe Harbourland นั้นก็ไม่ยากค่ะ เพียงแค่นั่งรถไฟตรงจากสถานี Osaka-Namba ด้วยรถไฟสาย Hanshin มาลงที่สถานี Kobe-Sannomiya แล้วก็ต่อรถไฟใต้ดินอีกอึดใจมาลงที่สถานี Nishi-Motomachi จากนั้นเดินเท้าอีกประมาณ 10 นาทีก็จะถึง Kobe Harbourland ค่ะ รวมการเดินทางจากโอซาก้าก็ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงนะคะ สะดวกมากๆ แถมระหว่างทางก็มีร้านขายของน่ารักๆ ข้างทางคอยดึงดูดให้เราแวะเข้าไปชมเพลินๆด้วยค่ะ

เมื่อมาถึงโกเบฮาร์เบอร์แลนด์ แลนด์มาร์คที่ผู้คนนิยมมาถ่ายรูป ก็คือ หอคอย Kobe Port Tower ที่ออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายกับกลองญี่ปุ่นสีแดงแห่งนี้ค่ะ หอคอยดังกล่าวมีความสูง 108 เมตร และมีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้นล่างสุดจะเป็นร้านขายของที่ระลึก ส่วนค่าเข้าชมวิวด้านบนต้องเสียค่าเข้าชมค่ะ (ผู้ใหญ่ 700 เยน และเด็ก 300 เยน) ส่วนหอคอยเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00-21:00 น. ค่ะ

และแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารกลางวันกันค่าาาา มื้อนี้เราจะไปรับประทานอาหารกลางวันบนเรือสำราญนามว่า Luminous Kobe - 2 ซึ่งปัจจุบันถือเป็นเรือที่ใช้รับประทานอาหารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นด้วยล่ะค่ะ! (เรือนี้มีน้ำหนักทั้งหมด 4,778 ตัน มีความยาว 106 เมตร)

​สำหรับเพื่อนๆ ที่มาเที่ยวเองแล้วอยากขึ้นเรือบ้าง มายขอบอกว่าบริเวณที่ซื้อตั๋วและขึ้นเรือนั้น หาไม่ยากเลยค่ะ จะอยู่ใกล้ๆกับ Kobe Port Tower และติดทะเลเลยค่ะ ถ้ายังงงๆ ก็สามารถดูแผนที่ประกอบด้านล่างได้นะคะ

ทีนี้มาดูเรื่องราคากันบ้างนะคะ ^^

ค่าขึ้นเรือจะอยู่ที่ 3,240 เยน ส่วนราคาเด็กจะอยู่ที่ 1,620 เยน 

สำหรับรอบที่เรือออก แนะนำให้เช็คในเว็บไซต์ของบริษัทเรืออีกทีเพื่อความชัวร์ค่ะ 

https://www.luminouskobe.co.jp/english/

แต่ถ้าไม่อยากเปิดดู ส่วนใหญ่ถ้าเป็นรอบกลางวันเรือก็จะออกตอนประมาณเที่ยงวันนี่แหละค่ะ  

ส่วนเส้นทางหลักๆที่เรือจะแล่นผ่านก็คือ 

สวน Meriken Park - สนามบิน Kobe  - สะพาน Akashi Kaikyo - Harima Nada ค่ะ

ส่วนใครที่ไม่ได้จะลงเรือ หรืออยากเดินเล่นกินบรรยากาศมากกว่า ก็ขอแนะนำพื้นที่บริเวณรอบๆ Kobe Harborland นี่แหละค่ะ

เพราะแถวนี้ก็มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Umie Kobe Harborland ซึ่งมีร้านขายของ ขายเสื้อผ้า หรือของที่ระลึกมากมายให้

เลือกกันเพลินใจ หรือใครที่มากับแฟน จะลองขึ้นไปนั่งชิงช้าสวรรค์เพื่อกุมมือกันชมวิวกันก็ได้เช่นกันค่ะ

สำหรับใครที่พาเด็กๆหรือลูกหลานมาเที่ยว ข้างๆชิงช้าสวรรค์ ก็จะมีพิพิธภัณฑ์ "อันปังแมน" ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่เด็กๆญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก แค่ด้านนอกก็น่ารักแล้วเพราะเขาก็มีร้านขายขนมปังธีม "อันปังแมน" ไว้ขายนักท่องเที่ยวด้วยล่ะค่ะ 

ขนมปังแต่ละชิ้นที่นี่ นอกจากจะปิ้งสดๆ ร้อนๆจากเตาแล้ว ยังมีรูปร่างหน้าตาน่ารักแบบในการ์ตูนอันปังแมนอีกด้วย สนนราคาก็จะอยู่ที่ประมาณชิ้นละ 310-390 เยนค่ะ ดังนั้นใครอยากแวะไปแถวนั้น ก็ไม่ควรพลาดชิมนะคะ

โอ๊ะโอ๋! เผลอแป๊บเดียว หมดวันซะแล้ว! ว่าแล้วมายก็ใช้ตั๋ว Hanshin Tourist Pass ใบเดิมนั่งกลับมาลงที่โอซาก้าค่ะ!!! ไว้ครั้งหน้าคงต้องใช้เวลากับเมืองโกเบให้มากกว่านี้เสียแล้ว วันเดียวยังรู้สึกไม่พอต่อใจสักเท่าไหร่ ^^

สำหรับใครที่คิดว่าควรจะซื้อพาสดีไหม มายบอกง่ายๆก็แล้วกันนะคะ ว่าปกติค่ารถไฟจาก Osaka มาที่โกเบ ณ สถานี Nishi-Motomachi ก็ราคา 540 เยนต่อเที่ยวแล้ว ถ้าตีราคาไปกลับก็ปาเข้าไป 1,080 เยนเข้าไปแล้ว ฉะนั้นถึงแม้เราจะมาเที่ยวแค่ที่เดียว การซื้อพาสแค่ 700 เยน ก็คุ้มค่ากว่าแล้วล่ะค่ะ! และจริงๆที่โกเบยังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจอีกเยอะแยะเลย แต่ครั้งนี้มายมีเวลาน้อย ไว้เดี๋ยวรอบหน้าเมื่อมีโอกาส มายจะกลับมารีวิวเพิ่มเติมนะคะ 

ก่อนจากกันในวันนี้ ขอปิดท้ายด้วยคลิปบรรยากาศยามค่ำคืนของ Kobe Harborland นำมาให้ชมกันค่ะ...จะงดงามแค่ไหน ไปชมกันเลยค่า ^^

พาสนี้สามารถหาซื้อในไทยได้เช่นกันนะคะ

สำหรับใครที่อยากติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของพาส Hanshin Tourist Pass อย่าลืมเข้าไปกดติดตามที่เพจ Hanshin กันได้นะคะ ^^

https://www.facebook.com/HankyuHanshinTH/