อย่างที่ได้เกริ่นนำไปว่า แรงบันดาลใจที่ทำให้เราออกเดินทางสู่เกาะซาโดะในครั้งนี้ คือ "เรือทาไรบุเนะ" เราทั้งคู่จึงได้ศึกษาและทำความรู้จักกับเรือทาไรบุเนะกันสักเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มออกเดินทางกันครับ ^^
เรือทาไรบุเนะนั้นมีต้นกำเนิดอยู่ในชุมชนโอกิ (Ogi town) บนเกาะซาโดะ จังหวัดนีงาตะ โดยที่มาที่ไปของเจ้าเรือทาไรบุเนะนี้ ก็น่าจะมาจากการที่ครั้งนึงในอดีต ชาวชุมชนโอกินั้นปราศจากซึ่งผู้ชาย เพราะพวกเขาต้องเดินทางออกไปจากเกาะซาโดะเพื่อทำงานพัฒนาประเทศ (ในยุคสมัยของการฟื้นฟูประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2) ทำให้เหล่าสตรีคุณแม่บ้านที่มีงานหลักในการหาเลี้ยงครอบครัวด้วยการเก็บหอยและสาหร่ายทะเลบางชนิด(สาหร่ายนั้นมีลักษณะคล้ายสาหร่ายหางกระรอก) แต่กลับไม่มีเรือเพียงพอให้ใช้งาน และเหล่าสตรีแม่บ้านนั้นก็ไม่มีทักษะในการต่อเรือแบบพวกผู้ชายเขา ประกอบกับพื้นที่ริมชายฝั่งของชุมชนนั้นเป็นโขดหินและซอกหินซึ่งถ้าใช้เรือแจวทั่วไปจะสามารถเข้าถึงได้ยาก จึงคิดประยุกต์เอาอ่างอาบน้ำมาใช้แจวเป็นเรือแจวแล้วปรากฎว่า... มันเวิร์คฮะ!! เรือทาไรบุเนะจึงถือกำเนิดขึ้นและใช้สืบทอดกันเรื่อยมา จนปัจจุบันกลายเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของเกาะซาโดะที่สามารถสร้างรายได้ให้แก่เหล่าสตรี (ส่วนใหญ่จะค่อนไปทางสูงวัยนะฮะ) ในชุมชนนี้ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนนั่นเอง.... เป็นอะไรที่ต้องขอปรบมือให้รัวๆ ครับ (ค่าโดยสารเรือทาไรบุเนะ คนละ 500 เยน)
เอาล่ะ...มาเริ่มเดินทางกันเลย!! จุด start ขอเริ่มจากสถานีโตเกียว (Tokyo Station) เราเดินทางด้วยขบวนรถ Shinkansen สาย Joetsu สู่จังหวัดนีงาตะ (Niigata) ซึ่งมันสอนให้ผมได้รู้ว่าการใช้ JR pass แบบทั่วประเทศ (all area pass) เพื่อนั่งชินคันเซ็นข้ามเมืองนั้น มันทำได้ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลย และต้องขอแนะนำว่าควรจองที่นั่งบนขบวนรถไว้ล่วงหน้าก่อน โดยสามารถทำการจองได้ที่ออฟฟิศ JR ตามสถานีต่างๆ (เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคน คงจะมีประสบการณ์ และจองที่นั่งบนขบวนรถชินคันเซ็นเป็น) แต่หากใครที่ทำไม่เป็นหรือไม่มีประสบการณ์มาก่อน ผมแนะนำให้ศึกษาผ่านรีวิวต่างๆ ครับ มีเขียนไว้อย่างละเอียดกันหลายรีวิวเลยทีเดียว และเป็นอะไรที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินทริปในญี่ปุ่นอย่างยิ่งยวดครับ ^^
เนื่องจากทริปของเราจะเป็นการเที่ยวเกาะซาโดะแบบ day trip แล้วกลับเข้าฝั่งตอนเย็น จากนั้นก็กระโดดขึ้นชินคันเซ็นกลับมาโตเกียวเพื่อทำตามโปรแกรมเที่ยวอื่นๆ ต่อไป
เราจึงเลือกที่จะออกเดินทางช่วงบ่ายๆ เพื่อไปถึงนีงาตะตอนเย็น เพื่อนอนค้างหนึ่งคืนแล้วไปลงเรือ เฟอรี่ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น โดยตามตาราง รถชินคันเซ็น จะออก 16.16 น. และจะถึงสถานีนีงาตะ 18.16 น.
ใครอยากตามรอยก็จัดเชิญจัดเวลาเที่ยวโตเกียวช่วงเช้าก่อนตามอัธยาศัย ตกบ่ายก็รีบมารอรถที่สถานีโตเกียวกันนะ อิอิ ตื่นเต้นๆๆ ^^
hyperdia.com คือเพื่อนที่ดีที่สุดที่ช่วยให้เราไม่ต้องเสียใจ เพราะวิ่งเหนื่อยฟรี หรือเสียเวลาต้องไปเลื่อนโปรแกรมเที่ยวอื่นๆ
(ทำการจองไว้ล่วงหน้าตั้งแต่เมื่อวานทั้งขาไปและกลับจากนีงาตะ)
หลังจากเที่ยวโตเกียวมาตั้งแต่เช้า ได้กินทั้งมื้อเช้า,กลางวันกันมาแล้ว ดังนั้น... มื้อเย็นก็เลยต้องพึ่งพา...ข้าวกล่องรถไฟ ^^" (เบ็นโตะตามสถานี JR อร่อยไม่ใช่เล่นๆ แต่อร่อยแบบเย็นๆ นะครับ) เดินผ่านร้านขายข้าวกล่องในสถานีเจอกล่องไหนน่าอร่อยก็เลือกซื้อกันมา จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งกินสบายๆ บนรถชินคันเซ็น
โดยขบวนรถที่จะพาเราไปสู่จังหวัดนีงาตะในวันนี้ มีชื่อเสียงเรียงนามอันโดดเด่นว่า "Shinkansen Max Toki" ครับ และชื่อของขบวนรถนั้นก็มีที่มาที่ไป คือคำว่า "Toki" นั้นหมายถึง "นกโตกิ" (Toki Bird) ซึ่งเป็นนกพันธุ์หายากพันธุ์หนึ่งของญี่ปุ่น มีแหล่งเพาะพันธุ์อยู่ในจังหวัดนีงาตะ (แถบชายฝั่ง) นั่นเอง และเจ้านกโตกินี้ก็ยังเป็นดาราดังของทางจังหวัดนีงาตะ รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวนีงาตะด้วยล่ะ! ผมคิดว่าทาง JR คงจะปิ๊งไอเดียแล้วนำมาตั้งชื่อให้ขบวนรถชินคันเซ็นสายนี้ สังเกตที่สีขบวนรถซึ่งออกแบบให้มีสีขาวและมีลายคาดสีชมพู ให้ดูคล้ายนกโตกินั่นเอง
มาถึงนีงาตะตอนเย็นย่ำพลบค่ำ ผมก็ตรงดิ่งกันไปยังที่พักซึ่งจองไว้ผ่าน Agoda.com ชื่อโรงแรม Niigata Daiichi Hotel (นีงาตะ ไดอิจิ) ต้องขอบอกเลยว่าใกล้สถานี JR มากเลยทีเดียว ใครที่พะรุงพะรังหอบสมบัติมาเยอะ ไม่ต้องกังวลว่าจะลากไปไม่ถึงโรงแรม เพราะแค่เดินลงจากสถานีไปแค่บล็อคเดียว (190 เมตร) ก็ถึงแล้ว
ตัวโรงแรมมองหาง่าย มีร้านสะดวกซื้ออยู่ข้างๆ ทางเข้าโรงแรมด้วย (ไม่มีรูปที่ติดร้านสะดวกซื้อ ขออภัยครับ ^^ ")
ที่เลือกโรงแรมนี้เพราะนอกจากจะใกล้สถานี JR Niigata station แล้ว ยังมีห้องพักที่กว้างขวาง บวกกับราคาที่สบายๆ กระเป๋าครับ เห็นห้องพักแล้วก็ชื่นใจ เพราะตรงตามที่คาดหวังไว้ อิอิ ก็จัดแจงเก็บสัมภาระ จากนั้นก็ออกไปหามื้อเย็น(รอบสอง) ทานกัน แถวโรงแรมมีร้านอาหารให้เลือกพอสมควรครับ
อิ่มแล้วก็มาทำกิจกรรมเสริมอย่างแช่ออนเซ็นกันซะหน่อย (เป็นห้องแยกชาย-หญิงนะครับ) จากนั้นก็ไปเตรียมเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางด้วยเรือเฟอรี่ตั้งแต่เช้ามืด (ทางโรงแรมมีบริการห้องอาบน้ำออนเซ็นฟรีครับ)
ก็เป็นอันจบการเดินทางจากโตเกียวสู่นีงาตะกันแล้ว... เราจะมาต่อกันในตอนหน้า ถึงเรื่องราวในวันที่ผมและคุณภรรยาของผมเดินทางออกสู่ทะเลไปยังเกาะซาโดะกัน... พบกันบล็อกหน้า กับเนื้อหาอัดแน่น ตั้งแต่เรื่องการจองและรับตั๋วเรือเฟอรี่ ว่ากันยาวๆ ไปถึงความเพลิดเพลิน 2 ชั่วโมงครึ่งบนเรือเฟอรี่ของ Sadokisen
โปรดอดใจรอกันนะครับ ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ ^^
หมายเหตุ: ภาพปก จาก https://farm6.staticflickr.com/5736/20628332728_2aefa858e2_h.jpg
ผู้อ่านท่านใดสนใจทัวร์ส่วนตัวเที่ยวญี่ปุ่น สามารถดูข้อมูลหรือติดต่อที่ : www.ilovejapantours.com/th นะครับ มีไกด์คนไทยที่อยู่ญี่ปุ่นพร้อมรถตู้คอยให้บริการเที่ยวครับ
I LOVE JAPAN GROUP CO.,LTD
Park Ploenchit
61/7 Sukhumvit 1 Road Khongtoey Nua
Wattana Bangkok, Thailand, 10110
info@ilovejapan.co.th