Unknow
Unknow
Offline
Resolved
0 votes
หลังจากที่คุยกับคนญี่ปุ่นวัน37มาสักพัก เป็นการคุยกันแบบมาๆหายๆสไตล์ญี่ปุ่นที่หลายคนเจอกัน โดยเค้าบอกเราว่ายุ่ง และต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ซึ่งเรื่องนี้เข้าใจ ว่าคงจะเหนื่อยกับการเดินทาง และการทำงาน

หลังจากหายหน้าหายตากัน1เดือน ดิฉันก็รวบรวมความกล้าไลน์หานาง จุดนี้ต้องยอมรับว่าเราค่อนข้างกังวลว่านางจะนุ่นนี่นั้นรำคาญป่าว เพราะอ่านมาเยอะไง ข้อห้ามไม่ควรถามโน้นนี่นั้น แต่ไม่ไหวแล้วคะ
A: Hi
How are you?

ผ่านไป1วัน
B : super busy พร้อมสติ๊กเกอร์แบบหัวยุ่งงานเต็มโต๊ะ
B :How are you?
A: i am good.
Keep fighting naka.
I miss you. ผ่านไป1วัน
B: สติ๊กเกอร์ตัวเดิมยุ่ง
I miss you too.
เข้าทางเราละ

A: Can I ask you something?
B: sticker ?
A: How do you feel with me
B: I like you
A: thank you, i like you too.
So, what do you think about our relationship?

อ่านแล้วหายยยยยยย ไม่ตอบข้ามวันข้ามคืน

ณ ตอนนี้อารมณ์นี้คือ
1.ทั้งหมดทั้งมวลที่คุยกันมาเหมือนไม่ได้รู้จักกันดีเลย ทั้งเค้าและเรา ตอนเดทก็ดีอะนะ แต่หลังจากนั้นคือฟิล์มคนละม้วน หนังคนละเรื่องเลย
2.รู้สึกหน่ายกับการคุยกันที่ไม่มีความต่อเนื่อง คุยกันไม่จบ คุยกันยังไม่รู้เรื่องก็หายไปละ ช่วยใส่ใจสถานการณ์ความเข้มข้นของบทสนทนาด้วย คนที่รอก็รอไป๊
3.ยุค2018แล้ว และด้วยวัยวุฒิคุณวุฒิแล้ว ชอบก็คบกัน ไม่ชอบก็แยกกัน ชีวิตมันง่ายอะ ทุกคนไม่ควรต้องมาเสียเวลา รวมทั้งตัวดิฉันเองด้วย
4.ตอนนี้พร้อมมากที่จะรักศึกษาดูใจกัน และเลิกรากันไป ทางใครทางมัน จะได้ไปเจอคนใหม่สังคมใหม่กันทั้ง2ฝ่าย

เพื่อนคนไหนเคยเจอสถานการณ์แบบนี้บ้างไหม? แล้วผ่านมันมาได้ยังไง จัดการยังไง?

แชร์ หรือแนะนำด้วยนะคะ

ขอบคุณคะ
Friday, September 14 2018, 02:23 AM
Share this post:
Responses (14)
  • Accepted Answer

    Negi San
    Negi San
    Offline
    Saturday, September 15 2018, 04:19 AM - #Permalink
    Resolved
    1 votes
    อย่างที่คุณบอกเลยค่ะ เราไม่ควรต้องมาเสียเวลาค่ะ
    เราเล่าจากประสบการณ์นะคะ ถ้าเขาไม่ชัดเจน เลี่ยงคำตอบ แสดงว่าเขาอาจจะไม่ได้ใส่ใจเราเพียงพอค่ะ ผู้ชายญี่ปุ่นที่เราเจอถ้าชัดเจน เขาจะชัดเจนมากค่ะ เราเคยถามคำถามเหมือนคุณกับผู้ชายญี่ปุ่นที่มาชอบเรา 3 คน ไม่ใช่เพราะเรามีแฟน 3 คน หรือเจ้าชู้นะคะ 2 คนหลัง เป็นเพื่อนที่เราไม่รู้ว่าแอบชอบเราค่ะ พอมาสารภาพรัก เราก็เลยงง งง
    เราถามว่า คิดยังไงกับเรา คนแรกบอกว่า “คุณคือคนสำคัญ” คนที่สองบอกว่า “ฉันเคยบอกเธอหลายครั้งแล้วว่า ฉันรักเธอ” คนนี้ออกแนวหงุดหงิด 55555 คนที่สาม บอก “ฉันอยากอยู่กับเธอ” เราถามต่อว่า คิดถึงอนาคตเราไว้ยังไง คนแรกเงียบไปนานมาก อ่านแล้วไม่ตอบไลน์ จนเราต้องถามซ้ำ ซึ่งเราเคยถามคำถามนี้กับคนแรกไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็ได้คำตอบว่า มันยาก ครั้งที่สองที่ถาม เขาก็ตอบเหมือนเดิม มันยาก เขาคิดเยอะมาก พอครั้งที่สาม เราถามต่อหน้า เขาก็บอกมันยากที่จะแต่งงาน แล้วก็ให้เหตุผลบลาๆ สรุปคือเราเดินออกมาจากคนแรกค่ะ ทั้งๆ ที่คบกับมา 2 ปี ส่วนคนที่สองที่สามเป็นเพื่อนค่ะ เพิ่งจะมาสารภาพรักกับเรา คำตอบของคนที่สองคือ อยากแต่งงานปลายปีหน้า คนที่สามตอบว่า เขาจะทำให้เรามีความสุข เขาจะมาอยู่ไทยก็ได้ถ้าเรามีความสุข แต่พอเราบอกว่าไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก เราไปอยู่ที่โน่นได้ เขาดีใจใหญ่เลยค่ะ

    ที่เล่าคือไม่ได้จะอวดตัวหรืออะไรนะคะ แต่ชีวิตคนเราสั้นมากค่ะ อย่าให้มันยาก ไม่ชัดเจนก็แสดงว่าเขามีอะไรในใจอยู่ เขาอาจรักเราไม่มากพอที่จะอยากใช้ชีวิตกับเราก็ได้ อย่ากลัวที่จะถามค่ะ เมื่อก่อนตอนเราถามคนแรก เรายอมรับค่ะว่าแอบกลัวคำตอบเหมือนกัน จนกล้าถาม ก็ถามตัวเองอยู่ว่าเพราะไม่กลัวเสียใจหรือเพราะไม่รักแล้ว คำตอบที่ตอบตัวเองได้ตอนนี้คือ เพราะเรารักตัวเองมากพอค่ะ

    เป็นกำลังใจนะคะ ไม่แน่ใจว่าประสบการณ์ของเราจะช่วยได้มากแค่ไหน แต่ขอให้ทุกการตัดสินใจเป็นเรื่องดีๆ นะคะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Unknow
    Unknow
    Offline
    Saturday, September 15 2018, 01:35 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอบคุณมากนะคะสำหรับการแชร์ประสบการณ์ ตอนนี้เค้าก็ยังไม่ตอบ นี่ก็ชัดเจนแล้วนะคะ ความเงียบคือคำตอบที่เจ็บปวดนะคะ#จะเดินหน้าต่อไปคะ ไม่เศร้าแล้วคะ#ขอบคุณมากนะคะสำหรับกำลังใจ❤️

    อย่างที่คุณบอกเลยค่ะ เราไม่ควรต้องมาเสียเวลาค่ะ
    เราเล่าจากประสบการณ์นะคะ ถ้าเขาไม่ชัดเจน เลี่ยงคำตอบ แสดงว่าเขาอาจจะไม่ได้ใส่ใจเราเพียงพอค่ะ ผู้ชายญี่ปุ่นที่เราเจอถ้าชัดเจน เขาจะชัดเจนมากค่ะ เราเคยถามคำถามเหมือนคุณกับผู้ชายญี่ปุ่นที่มาชอบเรา 3 คน ไม่ใช่เพราะเรามีแฟน 3 คน หรือเจ้าชู้นะคะ 2 คนหลัง เป็นเพื่อนที่เราไม่รู้ว่าแอบชอบเราค่ะ พอมาสารภาพรัก เราก็เลยงง งง
    เราถามว่า คิดยังไงกับเรา คนแรกบอกว่า “คุณคือคนสำคัญ” คนที่สองบอกว่า “ฉันเคยบอกเธอหลายครั้งแล้วว่า ฉันรักเธอ” คนนี้ออกแนวหงุดหงิด 55555 คนที่สาม บอก “ฉันอยากอยู่กับเธอ” เราถามต่อว่า คิดถึงอนาคตเราไว้ยังไง คนแรกเงียบไปนานมาก อ่านแล้วไม่ตอบไลน์ จนเราต้องถามซ้ำ ซึ่งเราเคยถามคำถามนี้กับคนแรกไปครั้งหนึ่งแล้ว ก็ได้คำตอบว่า มันยาก ครั้งที่สองที่ถาม เขาก็ตอบเหมือนเดิม มันยาก เขาคิดเยอะมาก พอครั้งที่สาม เราถามต่อหน้า เขาก็บอกมันยากที่จะแต่งงาน แล้วก็ให้เหตุผลบลาๆ สรุปคือเราเดินออกมาจากคนแรกค่ะ ทั้งๆ ที่คบกับมา 2 ปี ส่วนคนที่สองที่สามเป็นเพื่อนค่ะ เพิ่งจะมาสารภาพรักกับเรา คำตอบของคนที่สองคือ อยากแต่งงานปลายปีหน้า คนที่สามตอบว่า เขาจะทำให้เรามีความสุข เขาจะมาอยู่ไทยก็ได้ถ้าเรามีความสุข แต่พอเราบอกว่าไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก เราไปอยู่ที่โน่นได้ เขาดีใจใหญ่เลยค่ะ

    ที่เล่าคือไม่ได้จะอวดตัวหรืออะไรนะคะ แต่ชีวิตคนเราสั้นมากค่ะ อย่าให้มันยาก ไม่ชัดเจนก็แสดงว่าเขามีอะไรในใจอยู่ เขาอาจรักเราไม่มากพอที่จะอยากใช้ชีวิตกับเราก็ได้ อย่ากลัวที่จะถามค่ะ เมื่อก่อนตอนเราถามคนแรก เรายอมรับค่ะว่าแอบกลัวคำตอบเหมือนกัน จนกล้าถาม ก็ถามตัวเองอยู่ว่าเพราะไม่กลัวเสียใจหรือเพราะไม่รักแล้ว คำตอบที่ตอบตัวเองได้ตอนนี้คือ เพราะเรารักตัวเองมากพอค่ะ

    เป็นกำลังใจนะคะ ไม่แน่ใจว่าประสบการณ์ของเราจะช่วยได้มากแค่ไหน แต่ขอให้ทุกการตัดสินใจเป็นเรื่องดีๆ นะคะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Negi San
    Negi San
    Offline
    Saturday, September 15 2018, 08:37 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    If you’re brave enough to say goodbye, life will reward you with a new hello.
    เป็นกำลังใจนะคะ ^_^
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Unknow
    Unknow
    Offline
    Sunday, September 16 2018, 11:14 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ✌️✌️ สู้คะ

    Negi Sanเขียน:

    If you’re brave enough to say goodbye, life will reward you with a new hello.
    เป็นกำลังใจนะคะ ^_^
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Ice cream
    Ice cream
    Offline
    Thursday, September 20 2018, 01:16 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เราว่าสำหรับเราเป็นเรื่องปกตินะคะ เพราะเราคบกับแฟนญี่ปุ่นมา 5 ปี
    เวลาเค้ามีงานยุ่งหรือทำงานเยอะๆ เค้าจะไม่คุย ไม่โทรเลยค่ะ แต่เวลาเจอกันเค้าก็จะดูรักเราปกติ

    ตอนปีแรกๆ ที่เค้ามาจีบ เราก็สับสนเหมือนกันค่ะ คิดเหมือนกันว่าทำไมเค้าไม่ชัดเจนเลย
    และพอเราเริ่มรู้สึกแย่กับความสัมพันธ์แบบนี้จนสุดๆแล้ว เราก็เลยเลือกที่จะไม่คุยกับเค้า
    ไม่เจอ ไม่รับสาย และเราก็ได้ส่งข้อความ บอกความรู้สึก ที่เรารู้สึกกับเค้าตรงๆ เค้าถึงบอกทุกอย่างที่เค้าทำ ที่เค้ารู้สึกออกมา

    สรุปคือ เค้าบอกเราว่า ที่ผ่านมาผมรักคุณนะ แต่ผมไม่รู้จะบอกยังไง แสดงออกยังไง คำว่ารักพูดเยอะๆกลัวคุณจะไม่เชื่อ
    ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ เวลาที่ผมเหนื่อย เข้าใจผมมาตลอด เพราะสิ่งนี้ผมถึงรักคุณ ผมจะไม่ทิ้งคุณ ผมจะดูแลคุณแบบนี้ให้นานที่สุด

    ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้ยินความในใจของเค้า และตั้งแต่วันนั้น เราก็เลยลองทำความเข้าใจ ว่าเค้าเป็นแบบนี้
    แต่ในแบบที่เรารู้สึกโอเค ไม่ได้ฝืนความรู้สึก คนญี่ปุ่นเป็นทำทุ่มเทกับงานมากๆ จริงจังกับงาน
    สิ่งที่เราทำที่ผ่านมาคือ คอยให้กำลังใจ อยู่ข้างๆตลอดเวลา ไม่เคยให้เค้ารู้สึกว่าเค้าอยู่คนเดียว ไม่ตาม ไม่เซ้าซี้
    ส่งข้อความไปแค่ สู้ๆนะ พักผ่อนด้วยนะ เป็นห่วง แต่อย่างว่าแหละค่ะ คนญี่ปุ่นไม่ค่อยแสดงออกว่ารู้สึกยังไง เลยทำให้เราสับสน

    อย่าคิดมากนะคะ

    ถ้าคุณรักเค้า คุณลองเปิดใจ เข้าใจ ยอมรับ ว่าเค้าเป็นแบบนี้ เหมือนที่เราทำดูมั้ยค่ะ
    แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณไม่โอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้ ลองค่อยๆหยุด แล้วมองหาทางอื่นดูค่ะ

    ลืมบอกไป เราเคยไม่ได้คุยเป็นอาทิตย์ก็มี มาๆหายๆ ก็เคย ^^

    ยังไงก็ สู้ๆ นะคะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Unknow
    Unknow
    Offline
    Sunday, September 23 2018, 05:52 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอบคุณมากนะคะสำหรับกำลังใจ
    หลังจากวันนั้น ก็ได้ส่งข้อความไปสารภาพรักกับเค้าแล้วคะ ยาวเหยียดเลย???

    เค้าอ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกัน

    แต่รู้สึกสบายใจนะคะที่ได้บอกเค้าไป แต่ก็ทำใจไว้แล้วคะว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีก แต่อย่างน้อยเค้าก็รู้ว่าเรารู้สึกอย่าไง ตอนไม่พูดมันอึดอัดมากเลยนะคะ ตอนนี้ก็รู้สึกโล่ง แต่ก็ยังแอบหวังเล็กๆว่าเค้าจะคอดต่อกลับมา แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ติดต่อกลับมาก็ไม่เสียใจที่ได้บอกรักไป

    ขอบคุณมากนะคะ กำลังใจสำคัญมากจริงๆ ขอบคุณนะคะ หลังจากนี้ก็จะเดินหน้า move on เพื่อเจอโอกาสใหม่ๆนะคะ

    ❤️❤️❤️❤️

    Ice creamเขียน:

    เราว่าสำหรับเราเป็นเรื่องปกตินะคะ เพราะเราคบกับแฟนญี่ปุ่นมา 5 ปี
    เวลาเค้ามีงานยุ่งหรือทำงานเยอะๆ เค้าจะไม่คุย ไม่โทรเลยค่ะ แต่เวลาเจอกันเค้าก็จะดูรักเราปกติ

    ตอนปีแรกๆ ที่เค้ามาจีบ เราก็สับสนเหมือนกันค่ะ คิดเหมือนกันว่าทำไมเค้าไม่ชัดเจนเลย
    และพอเราเริ่มรู้สึกแย่กับความสัมพันธ์แบบนี้จนสุดๆแล้ว เราก็เลยเลือกที่จะไม่คุยกับเค้า
    ไม่เจอ ไม่รับสาย และเราก็ได้ส่งข้อความ บอกความรู้สึก ที่เรารู้สึกกับเค้าตรงๆ เค้าถึงบอกทุกอย่างที่เค้าทำ ที่เค้ารู้สึกออกมา

    สรุปคือ เค้าบอกเราว่า ที่ผ่านมาผมรักคุณนะ แต่ผมไม่รู้จะบอกยังไง แสดงออกยังไง คำว่ารักพูดเยอะๆกลัวคุณจะไม่เชื่อ
    ขอบคุณที่อยู่ข้างๆ เวลาที่ผมเหนื่อย เข้าใจผมมาตลอด เพราะสิ่งนี้ผมถึงรักคุณ ผมจะไม่ทิ้งคุณ ผมจะดูแลคุณแบบนี้ให้นานที่สุด

    ครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่เราได้ยินความในใจของเค้า และตั้งแต่วันนั้น เราก็เลยลองทำความเข้าใจ ว่าเค้าเป็นแบบนี้
    แต่ในแบบที่เรารู้สึกโอเค ไม่ได้ฝืนความรู้สึก คนญี่ปุ่นเป็นทำทุ่มเทกับงานมากๆ จริงจังกับงาน
    สิ่งที่เราทำที่ผ่านมาคือ คอยให้กำลังใจ อยู่ข้างๆตลอดเวลา ไม่เคยให้เค้ารู้สึกว่าเค้าอยู่คนเดียว ไม่ตาม ไม่เซ้าซี้
    ส่งข้อความไปแค่ สู้ๆนะ พักผ่อนด้วยนะ เป็นห่วง แต่อย่างว่าแหละค่ะ คนญี่ปุ่นไม่ค่อยแสดงออกว่ารู้สึกยังไง เลยทำให้เราสับสน

    อย่าคิดมากนะคะ

    ถ้าคุณรักเค้า คุณลองเปิดใจ เข้าใจ ยอมรับ ว่าเค้าเป็นแบบนี้ เหมือนที่เราทำดูมั้ยค่ะ
    แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณไม่โอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้ ลองค่อยๆหยุด แล้วมองหาทางอื่นดูค่ะ

    ลืมบอกไป เราเคยไม่ได้คุยเป็นอาทิตย์ก็มี มาๆหายๆ ก็เคย ^^

    ยังไงก็ สู้ๆ นะคะ
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Kme Thammy
    Kme Thammy
    Offline
    Tuesday, October 02 2018, 03:30 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคนค่ะ

    คุยๆกับหนุ่มแดนปลาดิบอยู่ อายุห่างกัน 3 ปีค่ะ
    แรกๆ เค้าลุกหนักมาก บอกเราอยากไปไหนบอกนะ จะพาไปหมด บอก I love you ก่อนนอน และบอกว่าอยากเห็นเรานอนหลับ ก็เลยถามเค้าหมายความว่ายังไง อยากวีดีโอคอลหรอ ลืมบอกไป เพราะเค้าอยู่ ญป เราอยู่ไทย
    (เจอกันที่ ญป ค่ะ เราไปเที่ยวมา เจอกันวันสุดท้ายก่อนบินกลับไทย) เค้าก็เอ๊ะ วีดีโอคอลยังไง เราก็เลยสอนเค้า โทรวีดีโอคอลไลน์ แต่พอดีเวลานั้น ตี4 ไทยแล้วค่ะ
    เราอยู่กับพ่อ จึงคุยไม่ได้
    เค้าก็บอก โอเค เงียบเสียงนะ ดูเฉยๆ สักสองนาทีเค้าก็วางไป เหมือนเกรงใจ

    หลังจากนั้นก็ทักทายผ่านไลน์ปกติ ทักทายเช้า เย็น ก่อนนอน ไม่ได้คุยอะไรกันมาก จะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ประมาณอาทิตย์ละครั้งค่ะ เค้าตอบไลน์และอ่านในวันเดียวกันตลอด
    เรื่องที่จะคุยยาวๆ ก็จะแบบจะมา ญป อีกเมื่อไหร่ มาพักที่บ้านเค้าได้นะ ให้อยู่ฟรี ถ้าเค้ายุ่งงานเยอะ ก็ตามสบายเลย ใช้ที่นอน ใช้ครัวได้
    เค้าทำงานเกี่ยวกับสตูดิโอภาพยนต์ค่ะ จะทำงานไม่เป็นเวลา บางวันก็จะเลิก 4 ทุ่ม บางวันก็เลิกเช้าเลย (สว่างจ้า 6 โมงเช้า)
    การคุยก็จะเหมือนกันทุกวัน โอฮาโย ตอนเช้า และ โอยาซุมิ ตอนค่ำ ถ้าเค้ากลับเลทมาก เค้าก็จะแค่อ่านข้อความแล้วจะตอบกลับตอนเช้า
    คุยกันไป 1 เดือน มีโอกาสกลับไป ญป อีก ก็เลยทักถาม ช่วงนี้ๆๆ คุณว่างมั้ย เพราะเค้าเคยบอกว่าอยากมารับ และไปส่งเมื่อเรากลับประเทศ เค้าก็บอกว่าโอเคเลย และส่งสติ้กเกอร์ (ซารางเฮ เกาหลี) สติ๊กเกอร์ที่เค้าใช้ส่งหาประจำ หลังจากประโยค I love u จางไป

    จนถึงวันเดินทาง ก็ทักบอกเค้า จะเดินทางแล้วนะ เจอกันนะ พอลงเครื่องก็ถามเค้า คุณอยู่ไหน?
    เค้าตอบ อยู่ออฟฟิศ พร้อมส่งที่อยู่มา....
    เราก็แอบงง อ้าวไหนว่าจะมารับ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ก็ตอบโอเคไป เพราะเค้าบอก มาเอากุญแจนะ และบอกวันนี้จะเลิกกี่โมง และแล้ววันนั้น วันแรกที่เราไปถึง เค้าเลิกงานเที่ยงคืนเกือบตี 1 ค่ะ ???????
    รอจนเกือบหลับกันไป
    คืนแรก ผ่านไป เพิ่งเคยอยู่ด้วยกัน ยังมีเกร็งและเขิน

    ลืมเล่าค่ะ ช่วงคุยโทรศัพท์กัน เค้าบอกเค้าไม่มีแฟน และดีใจที่เจอเรา เราก็ถามทำไมไม่มี กำลังหา Perfect girl อยู่หรอ เค้าก็บอก เปล่าา เค้าชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วเข้ากันได้ อารมณ์ดี อยู่ด้วยแล้วสนุกมากกว่า ต้องลองคุยกันไป

    พอมาเจอกัน จึงไม่ปรับตัวอะไรกันมาก วันแรกเราก็เก็บกวาด เช็ดถู ซักผ้าให้เลย กลับมามีผลไม้ อาหารให้ทาน
    เราเองเป็นคนง่ายๆ ชอบศึกษากัน และดูรุกกันเร็วมาก ทุกอย่างผ่านไปไว อยุ่กันแบบแฟน แบบเพื่อน คุยกัน ปรึกษากัน นอนกอดกัน
    การช้อปปิ้งเค้าบอก เอาบิลวางไว้นะ เค้าต้องจ่าย เรื่องนี้สำคัญ แต่คือเราเกรงใจค่ะ มาอยู่ฟรี ใช้ทุกอย่างฟรี จึงไม่เคยวางบิลไว้เลย และอีกอย่าง เราก็มาทำงาน เราขายของออนไลน์ค่ะ ที่เค้าชวนอยู่เพราะเค้าบอก โรงแรมแพง มาอยู่นี่ได้ แค่เทอคนเดียวนะ มาได้ตลอด เพราะเค้าไม่มีแฟน
    เราก็แบบ เฮ้ยย ทำไมใจดีจัง
    ตอนแรกก็คิดไว้ หนุ่ม ญป ต้องหื่นกามแน่เลย พอไปอยู่ เค้าแทบไม่ยุ่งกับเราเลยค่ะ ต่างคนต่างอยู่ มีแต่เราขยับไปนอนกอดเค้าเอง นอนที่เดียวกัน ห่างๆมันเหงานะเออ (แอบอ่อย)
    ผ่านไปอาทิตย์กว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง คือทำงาน กลับมาเจอกันบ้าง นอนก่อนบ้าง นอนหลังบ้าง เพราะกว่าเราจะเคลียยอดเสร็จ

    เค้าก็เริ่มชวนกินข้าวนอกบ้านค่ะ
    นัดทานราเมง ร้านใกล้บ้านหลังเค้าเลิกงาน เกือบๆเที่ยงคืน >,<* จริงๆเราอิ่มแล้ว แต่ก็อยากมีความทรงจำกับเค้า เลยบอกเค้าว่าอยากไป
    เค้าก็ส่งที่อยู่ร้านมาให้แล้วไปเจอกันที่ร้านค่ะ
    ไปถึง พ่อหนุ่มก็นั่งรอ จัดการสั่งเรียบร้อยแล้ว
    พอเราถึง เค้าก็พูดว่า อยากใช้เวลากับเราข้างนอกบ้าง เพราะตั้งแต่เรามา ก็อยู่และเจอกันแต่ในบ้านเค้า ☺️เขินไปอีก

    อีกไม่กี่วัน ก็จะกลับละค่ะ เรามารอบนี้ อาทิตย์กว่าๆค่ะ
    เค้าบอกก่อนกลับจะพาไปที่ที่อยากไปนะ อยากไปไหนบอกนะ นี่ก็ดีใจ กางแผนที่ท่องเที่ยวเลยจ้า ถ่ายรุปส่งสถานที่ที่อยากไป สองที่ ไม่ไกลมาก อยู่ในเมืองโตเกียว นางก็เซเยสมา (เรานี่ยิ้มเลย)

    แต่แล้ว อีกสองวันนางบอก นางจะมีประชุมตอนเที่ยงของวันนั้นนะ เราก็โอเคไม่เป็นไร กะว่าจะเก็บกระเป๋ารอ เพราะวันรุ่งขึ้นเราก็จะกลับแล้ว พอใกล้ๆวัน นางบอก ผมมีอีก 1 ประชุมที่ต้องไป (แอบเศร้าเลย) แต่ก็บอกไป ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ เราไปเองได้ (จริงๆ เราชำนาญการหลงคนเดียว 555) ก็ช้อปคนเดียวตลอดนี่หน่า
    เลยบอกนางไปว่า วันกลับถ้าคุณยุ่งไปส่งไม่ได้ บอกได้นะ ชั้นกลับเองได้ นางยื่นคำมาเลย I can do it!
    เราก็บอกไม่ซีเรียสน้า วันที่ว่าจะไปเที่ยว เปลี่ยนเป็นดินเนอร์กันแทนก็ได้ นางก็ถามเคยทาน Nabe มั้ย จะทำให้ทานนะ
    พอถึงวันนั้น เราไปเที่ยวทั้งวัน จนกลับมาเกือบห้าทุ่ม เพราะนางบอกนางจะถึงบ้านประมาณนั้น พอมาถึงบ้าน อ้าวกลับมาแล้ว และไม่มีโนเบะ นางบอกอ้าวนึกว่ากินข้าวแล้ว เพราะนางถามเราตอนหัวค่ำว่ากินอะไรยัง เราบอกเรากิน fish&chip ไปเมื่อเย็น และบอกนางว่าถ้าหิวให้นางกินได้เลย...
    นางบอกเข้าใจผิดอ่า นึกว่าจะไม่กินแล้วเลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเตรียมทำเลย งั้นทำสปาเก็ตตี้ให้กินนะ กินสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศได้มั้ย เราก็บอกโอเค? หนุ่มทำให้กินอะไรก็ได้หมดแหละ อิอิ (แอบกระดี๊กระด๊า) เหมือนเจ้าหญิง นางให้นั่งรอเฉยๆ จะดูก็ไม่ได้ ^^ เราก็ตื่นเต้นเนาะ อยากอยู่ใกล้ๆ จะกลับอยู่แล้ว
    กินอิ่ม หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่นางชวนคุยจ้าา อยู่มาเป็นอาทิตย์ไม่มีเวลาคุยกัน
    - นางชอบเจ ชนาธิป นักฟุตบอลไทย (ออกเสียงตลกมาก?)
    - นางอยากย้ายไปอยู่ไทย เปิด บ. ที่ไทย
    - อยากไปเที่ยวกรุงเทพและเชียงใหม่
    - ถามต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ถ้าไป 1 เดือน
    - ถ้าซื้อบ้านใช้เงินเท่าไหร่ กินอยู่ตกเดือนเท่าไหร่
    คุยกันจนหลับไป .....

    ตื่นเช้ามา เราก็รีบไปซื้อของมาทำกับข้าว เก็บและพับผ้าที่ตากไว้ จัดกระเป๋าเพิ่ม และทำอาหาร

    เวลาผ่านไปไวมาก ทำอาหารเสร็จ 10.30น. เราต้องออกจากบ้านกัน 11.00น. เพราะไฟล์ทบิน 14.25น.
    ปลุกนาง นางก็ต๊กใจตื่นน รีบลุกมากินอย่างไว แต่ก็นั่งรอจนกว่าเราจะมานั่งกินด้วยนะ
    นี่หน้าตาอาหารค่ะ ตามรูป ทำไม่เก่ง เพราะปกติไม่ทำเลย 555

    นางก็ทานจนหมด ของนางจานใหญ่ค่ะ^_^
    ทานเสร็จล้างจาน อาบน้ำแต่งตัว เราก็เก็บของนิดหน่อยต่อ
    นางก็ถาม อีก 15 นาทีออก ทันมั้ย นางอาบน้ำแต่งตัวไวมาก 5 นาทีเสร็จ 555 ถ้าเป็นคนไทยคงบ่นแล้ว หรือถ้าเป็นชาติเดียวกัน เราก็คงโดนบ่น
    เราก็บอกว่าทัน จะเสร็จแลัว นางก็บอกเดียวไปเอารถมารอนะ
    ลืมเล่า ตอนปลุกนางเราถาม ไปไหวมั้ย จะสายมั้ย จะกลับมาทำงานทันมั้ย เราไปเองได้นะ นางก็ยืนยันจะไปส่ง งานเด่วกลับมาทำได้

    พอเราเสร็จก็ ลงมารอนาง นางก็มาพอดี ไปล็อคบ้านเสร็จ ก็เดินไปเปิดรถยกกระเป๋า เปิดประตู สุภาพบุรุษมว๊ากกก เหมือนละคร
    ขณะเดินทางไปสนามบินนาริตะ เป็นช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันคุยกันนานที่สุดในรอบอาทิตย์ก็ว่าได้ ดีใจที่เค้ามาส่ง และเสียใจที่ต้องกลับแล้ว
    เมื่อคืนเค้าก็ถาม วีซ่ายุได้สั้นจัง ถ้าอยู่ยาวทำยังไงได้
    เราก็บอกถ้าขอวีมาเที่ยวหาเพื่อน หาแฟนได้แต่ต้องมีจดหมายเชิญนะ น่าก็อ้ออ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    อ่าาา ถึงสนามบินแล้ว ไวมว๊ากกเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไป ก็ถึงเวลาอำลา ก็เซกู๊ดบายปกติ นางก็เหมือนทำอะไรไม่ถูก ยกกระเป๋ามาวางรอ เราก็ไปหยิบรถเข็นมาใส่กระเป๋า นางช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถเข็นเสร็จ ก็ยืนบายๆ เราก็เข้าไปกอด แล้วก็ลา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพไว้เป็นความทรงจำ นางก็เกร็งๆ แล้วก็ลาขึ้นรถ เราก็โบกมืออีก นางก็ยังไม่ไป เราเลยเดินหันหลังยาวไปเลย นางก็ไม่ขับรถผ่านไปสักที จนเราเข้าไปเช็คอิน เช็คอินเสร็จแอบชะเง้อดูไม่เจอละ ใจมันหายมาก ไม่อยากกลับเลย

    แค่แชร์ประสบการณ์อยู่กับหนุ่มแดนปลาดิบ ความสัมพันธ์ที่ยังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ
    คอมเม้นท์หรือแสดงความคิดเห็นได้นะคะ
    อยากทราบเหมือนกันว่า เค้าแสดงการกระทำแบบนี้เรียกชัดเจนแล้วหรือยัง หรือแค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
    เราจะได้เก็บเรื่องนี้ไว้แค่ความทรงจำค่ะ แต่ก็ยังคุยกับเค้าทุกวัน เพราะรู้สึกชอบ ชอบผู้ชาย ญป คนนี้ ไม่จู้จี้ ตามใจ อะไรก็ได้ ง่ายๆมาก นิสัยแบบนี้เลยที่หาที่ไทยไม่ได้ ถ้าเค้าชอบเราจริง เราจะไม่ปล่อยให้หลุดไปเลยค่ะ

    ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะ
    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Kme Thammy
    Kme Thammy
    Offline
    Tuesday, October 02 2018, 03:30 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคนค่ะ

    คุยๆกับหนุ่มแดนปลาดิบอยู่ อายุห่างกัน 3 ปีค่ะ
    แรกๆ เค้าลุกหนักมาก บอกเราอยากไปไหนบอกนะ จะพาไปหมด บอก I love you ก่อนนอน และบอกว่าอยากเห็นเรานอนหลับ ก็เลยถามเค้าหมายความว่ายังไง อยากวีดีโอคอลหรอ ลืมบอกไป เพราะเค้าอยู่ ญป เราอยู่ไทย
    (เจอกันที่ ญป ค่ะ เราไปเที่ยวมา เจอกันวันสุดท้ายก่อนบินกลับไทย) เค้าก็เอ๊ะ วีดีโอคอลยังไง เราก็เลยสอนเค้า โทรวีดีโอคอลไลน์ แต่พอดีเวลานั้น ตี4 ไทยแล้วค่ะ
    เราอยู่กับพ่อ จึงคุยไม่ได้
    เค้าก็บอก โอเค เงียบเสียงนะ ดูเฉยๆ สักสองนาทีเค้าก็วางไป เหมือนเกรงใจ

    หลังจากนั้นก็ทักทายผ่านไลน์ปกติ ทักทายเช้า เย็น ก่อนนอน ไม่ได้คุยอะไรกันมาก จะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ประมาณอาทิตย์ละครั้งค่ะ เค้าตอบไลน์และอ่านในวันเดียวกันตลอด
    เรื่องที่จะคุยยาวๆ ก็จะแบบจะมา ญป อีกเมื่อไหร่ มาพักที่บ้านเค้าได้นะ ให้อยู่ฟรี ถ้าเค้ายุ่งงานเยอะ ก็ตามสบายเลย ใช้ที่นอน ใช้ครัวได้
    เค้าทำงานเกี่ยวกับสตูดิโอภาพยนต์ค่ะ จะทำงานไม่เป็นเวลา บางวันก็จะเลิก 4 ทุ่ม บางวันก็เลิกเช้าเลย (สว่างจ้า 6 โมงเช้า)
    การคุยก็จะเหมือนกันทุกวัน โอฮาโย ตอนเช้า และ โอยาซุมิ ตอนค่ำ ถ้าเค้ากลับเลทมาก เค้าก็จะแค่อ่านข้อความแล้วจะตอบกลับตอนเช้า
    คุยกันไป 1 เดือน มีโอกาสกลับไป ญป อีก ก็เลยทักถาม ช่วงนี้ๆๆ คุณว่างมั้ย เพราะเค้าเคยบอกว่าอยากมารับ และไปส่งเมื่อเรากลับประเทศ เค้าก็บอกว่าโอเคเลย และส่งสติ้กเกอร์ (ซารางเฮ เกาหลี) สติ๊กเกอร์ที่เค้าใช้ส่งหาประจำ หลังจากประโยค I love u จางไป

    จนถึงวันเดินทาง ก็ทักบอกเค้า จะเดินทางแล้วนะ เจอกันนะ พอลงเครื่องก็ถามเค้า คุณอยู่ไหน?
    เค้าตอบ อยู่ออฟฟิศ พร้อมส่งที่อยู่มา....
    เราก็แอบงง อ้าวไหนว่าจะมารับ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ก็ตอบโอเคไป เพราะเค้าบอก มาเอากุญแจนะ และบอกวันนี้จะเลิกกี่โมง และแล้ววันนั้น วันแรกที่เราไปถึง เค้าเลิกงานเที่ยงคืนเกือบตี 1 ค่ะ ???????
    รอจนเกือบหลับกันไป
    คืนแรก ผ่านไป เพิ่งเคยอยู่ด้วยกัน ยังมีเกร็งและเขิน

    ลืมเล่าค่ะ ช่วงคุยโทรศัพท์กัน เค้าบอกเค้าไม่มีแฟน และดีใจที่เจอเรา เราก็ถามทำไมไม่มี กำลังหา Perfect girl อยู่หรอ เค้าก็บอก เปล่าา เค้าชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วเข้ากันได้ อารมณ์ดี อยู่ด้วยแล้วสนุกมากกว่า ต้องลองคุยกันไป

    พอมาเจอกัน จึงไม่ปรับตัวอะไรกันมาก วันแรกเราก็เก็บกวาด เช็ดถู ซักผ้าให้เลย กลับมามีผลไม้ อาหารให้ทาน
    เราเองเป็นคนง่ายๆ ชอบศึกษากัน และดูรุกกันเร็วมาก ทุกอย่างผ่านไปไว อยุ่กันแบบแฟน แบบเพื่อน คุยกัน ปรึกษากัน นอนกอดกัน
    การช้อปปิ้งเค้าบอก เอาบิลวางไว้นะ เค้าต้องจ่าย เรื่องนี้สำคัญ แต่คือเราเกรงใจค่ะ มาอยู่ฟรี ใช้ทุกอย่างฟรี จึงไม่เคยวางบิลไว้เลย และอีกอย่าง เราก็มาทำงาน เราขายของออนไลน์ค่ะ ที่เค้าชวนอยู่เพราะเค้าบอก โรงแรมแพง มาอยู่นี่ได้ แค่เทอคนเดียวนะ มาได้ตลอด เพราะเค้าไม่มีแฟน
    เราก็แบบ เฮ้ยย ทำไมใจดีจัง
    ตอนแรกก็คิดไว้ หนุ่ม ญป ต้องหื่นกามแน่เลย พอไปอยู่ เค้าแทบไม่ยุ่งกับเราเลยค่ะ ต่างคนต่างอยู่ มีแต่เราขยับไปนอนกอดเค้าเอง นอนที่เดียวกัน ห่างๆมันเหงานะเออ (แอบอ่อย)
    ผ่านไปอาทิตย์กว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง คือทำงาน กลับมาเจอกันบ้าง นอนก่อนบ้าง นอนหลังบ้าง เพราะกว่าเราจะเคลียยอดเสร็จ

    เค้าก็เริ่มชวนกินข้าวนอกบ้านค่ะ
    นัดทานราเมง ร้านใกล้บ้านหลังเค้าเลิกงาน เกือบๆเที่ยงคืน >,<* จริงๆเราอิ่มแล้ว แต่ก็อยากมีความทรงจำกับเค้า เลยบอกเค้าว่าอยากไป
    เค้าก็ส่งที่อยู่ร้านมาให้แล้วไปเจอกันที่ร้านค่ะ
    ไปถึง พ่อหนุ่มก็นั่งรอ จัดการสั่งเรียบร้อยแล้ว
    พอเราถึง เค้าก็พูดว่า อยากใช้เวลากับเราข้างนอกบ้าง เพราะตั้งแต่เรามา ก็อยู่และเจอกันแต่ในบ้านเค้า ☺️เขินไปอีก

    อีกไม่กี่วัน ก็จะกลับละค่ะ เรามารอบนี้ อาทิตย์กว่าๆค่ะ
    เค้าบอกก่อนกลับจะพาไปที่ที่อยากไปนะ อยากไปไหนบอกนะ นี่ก็ดีใจ กางแผนที่ท่องเที่ยวเลยจ้า ถ่ายรุปส่งสถานที่ที่อยากไป สองที่ ไม่ไกลมาก อยู่ในเมืองโตเกียว นางก็เซเยสมา (เรานี่ยิ้มเลย)

    แต่แล้ว อีกสองวันนางบอก นางจะมีประชุมตอนเที่ยงของวันนั้นนะ เราก็โอเคไม่เป็นไร กะว่าจะเก็บกระเป๋ารอ เพราะวันรุ่งขึ้นเราก็จะกลับแล้ว พอใกล้ๆวัน นางบอก ผมมีอีก 1 ประชุมที่ต้องไป (แอบเศร้าเลย) แต่ก็บอกไป ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ เราไปเองได้ (จริงๆ เราชำนาญการหลงคนเดียว 555) ก็ช้อปคนเดียวตลอดนี่หน่า
    เลยบอกนางไปว่า วันกลับถ้าคุณยุ่งไปส่งไม่ได้ บอกได้นะ ชั้นกลับเองได้ นางยื่นคำมาเลย I can do it!
    เราก็บอกไม่ซีเรียสน้า วันที่ว่าจะไปเที่ยว เปลี่ยนเป็นดินเนอร์กันแทนก็ได้ นางก็ถามเคยทาน Nabe มั้ย จะทำให้ทานนะ
    พอถึงวันนั้น เราไปเที่ยวทั้งวัน จนกลับมาเกือบห้าทุ่ม เพราะนางบอกนางจะถึงบ้านประมาณนั้น พอมาถึงบ้าน อ้าวกลับมาแล้ว และไม่มีโนเบะ นางบอกอ้าวนึกว่ากินข้าวแล้ว เพราะนางถามเราตอนหัวค่ำว่ากินอะไรยัง เราบอกเรากิน fish&chip ไปเมื่อเย็น และบอกนางว่าถ้าหิวให้นางกินได้เลย...
    นางบอกเข้าใจผิดอ่า นึกว่าจะไม่กินแล้วเลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเตรียมทำเลย งั้นทำสปาเก็ตตี้ให้กินนะ กินสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศได้มั้ย เราก็บอกโอเค? หนุ่มทำให้กินอะไรก็ได้หมดแหละ อิอิ (แอบกระดี๊กระด๊า) เหมือนเจ้าหญิง นางให้นั่งรอเฉยๆ จะดูก็ไม่ได้ ^^ เราก็ตื่นเต้นเนาะ อยากอยู่ใกล้ๆ จะกลับอยู่แล้ว
    กินอิ่ม หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่นางชวนคุยจ้าา อยู่มาเป็นอาทิตย์ไม่มีเวลาคุยกัน
    - นางชอบเจ ชนาธิป นักฟุตบอลไทย (ออกเสียงตลกมาก?)
    - นางอยากย้ายไปอยู่ไทย เปิด บ. ที่ไทย
    - อยากไปเที่ยวกรุงเทพและเชียงใหม่
    - ถามต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ถ้าไป 1 เดือน
    - ถ้าซื้อบ้านใช้เงินเท่าไหร่ กินอยู่ตกเดือนเท่าไหร่
    คุยกันจนหลับไป .....

    ตื่นเช้ามา เราก็รีบไปซื้อของมาทำกับข้าว เก็บและพับผ้าที่ตากไว้ จัดกระเป๋าเพิ่ม และทำอาหาร

    เวลาผ่านไปไวมาก ทำอาหารเสร็จ 10.30น. เราต้องออกจากบ้านกัน 11.00น. เพราะไฟล์ทบิน 14.25น.
    ปลุกนาง นางก็ต๊กใจตื่นน รีบลุกมากินอย่างไว แต่ก็นั่งรอจนกว่าเราจะมานั่งกินด้วยนะ
    นี่หน้าตาอาหารค่ะ ตามรูป ทำไม่เก่ง เพราะปกติไม่ทำเลย 555

    นางก็ทานจนหมด ของนางจานใหญ่ค่ะ^_^
    ทานเสร็จล้างจาน อาบน้ำแต่งตัว เราก็เก็บของนิดหน่อยต่อ
    นางก็ถาม อีก 15 นาทีออก ทันมั้ย นางอาบน้ำแต่งตัวไวมาก 5 นาทีเสร็จ 555 ถ้าเป็นคนไทยคงบ่นแล้ว หรือถ้าเป็นชาติเดียวกัน เราก็คงโดนบ่น
    เราก็บอกว่าทัน จะเสร็จแลัว นางก็บอกเดียวไปเอารถมารอนะ
    ลืมเล่า ตอนปลุกนางเราถาม ไปไหวมั้ย จะสายมั้ย จะกลับมาทำงานทันมั้ย เราไปเองได้นะ นางก็ยืนยันจะไปส่ง งานเด่วกลับมาทำได้

    พอเราเสร็จก็ ลงมารอนาง นางก็มาพอดี ไปล็อคบ้านเสร็จ ก็เดินไปเปิดรถยกกระเป๋า เปิดประตู สุภาพบุรุษมว๊ากกก เหมือนละคร
    ขณะเดินทางไปสนามบินนาริตะ เป็นช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันคุยกันนานที่สุดในรอบอาทิตย์ก็ว่าได้ ดีใจที่เค้ามาส่ง และเสียใจที่ต้องกลับแล้ว
    เมื่อคืนเค้าก็ถาม วีซ่ายุได้สั้นจัง ถ้าอยู่ยาวทำยังไงได้
    เราก็บอกถ้าขอวีมาเที่ยวหาเพื่อน หาแฟนได้แต่ต้องมีจดหมายเชิญนะ น่าก็อ้ออ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    อ่าาา ถึงสนามบินแล้ว ไวมว๊ากกเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไป ก็ถึงเวลาอำลา ก็เซกู๊ดบายปกติ นางก็เหมือนทำอะไรไม่ถูก ยกกระเป๋ามาวางรอ เราก็ไปหยิบรถเข็นมาใส่กระเป๋า นางช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถเข็นเสร็จ ก็ยืนบายๆ เราก็เข้าไปกอด แล้วก็ลา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพไว้เป็นความทรงจำ นางก็เกร็งๆ แล้วก็ลาขึ้นรถ เราก็โบกมืออีก นางก็ยังไม่ไป เราเลยเดินหันหลังยาวไปเลย นางก็ไม่ขับรถผ่านไปสักที จนเราเข้าไปเช็คอิน เช็คอินเสร็จแอบชะเง้อดูไม่เจอละ ใจมันหายมาก ไม่อยากกลับเลย

    แค่แชร์ประสบการณ์อยู่กับหนุ่มแดนปลาดิบ ความสัมพันธ์ที่ยังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ
    คอมเม้นท์หรือแสดงความคิดเห็นได้นะคะ
    อยากทราบเหมือนกันว่า เค้าแสดงการกระทำแบบนี้เรียกชัดเจนแล้วหรือยัง หรือแค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
    เราจะได้เก็บเรื่องนี้ไว้แค่ความทรงจำค่ะ แต่ก็ยังคุยกับเค้าทุกวัน เพราะรู้สึกชอบ ชอบผู้ชาย ญป คนนี้ ไม่จู้จี้ ตามใจ อะไรก็ได้ ง่ายๆมาก นิสัยแบบนี้เลยที่หาที่ไทยไม่ได้ ถ้าเค้าชอบเราจริง เราจะไม่ปล่อยให้หลุดไปเลยค่ะ

    ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะ
    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Kme Thammy
    Kme Thammy
    Offline
    Tuesday, October 02 2018, 03:31 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคนค่ะ

    คุยๆกับหนุ่มแดนปลาดิบอยู่ อายุห่างกัน 3 ปีค่ะ
    แรกๆ เค้าลุกหนักมาก บอกเราอยากไปไหนบอกนะ จะพาไปหมด บอก I love you ก่อนนอน และบอกว่าอยากเห็นเรานอนหลับ ก็เลยถามเค้าหมายความว่ายังไง อยากวีดีโอคอลหรอ ลืมบอกไป เพราะเค้าอยู่ ญป เราอยู่ไทย
    (เจอกันที่ ญป ค่ะ เราไปเที่ยวมา เจอกันวันสุดท้ายก่อนบินกลับไทย) เค้าก็เอ๊ะ วีดีโอคอลยังไง เราก็เลยสอนเค้า โทรวีดีโอคอลไลน์ แต่พอดีเวลานั้น ตี4 ไทยแล้วค่ะ
    เราอยู่กับพ่อ จึงคุยไม่ได้
    เค้าก็บอก โอเค เงียบเสียงนะ ดูเฉยๆ สักสองนาทีเค้าก็วางไป เหมือนเกรงใจ

    หลังจากนั้นก็ทักทายผ่านไลน์ปกติ ทักทายเช้า เย็น ก่อนนอน ไม่ได้คุยอะไรกันมาก จะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ประมาณอาทิตย์ละครั้งค่ะ เค้าตอบไลน์และอ่านในวันเดียวกันตลอด
    เรื่องที่จะคุยยาวๆ ก็จะแบบจะมา ญป อีกเมื่อไหร่ มาพักที่บ้านเค้าได้นะ ให้อยู่ฟรี ถ้าเค้ายุ่งงานเยอะ ก็ตามสบายเลย ใช้ที่นอน ใช้ครัวได้
    เค้าทำงานเกี่ยวกับสตูดิโอภาพยนต์ค่ะ จะทำงานไม่เป็นเวลา บางวันก็จะเลิก 4 ทุ่ม บางวันก็เลิกเช้าเลย (สว่างจ้า 6 โมงเช้า)
    การคุยก็จะเหมือนกันทุกวัน โอฮาโย ตอนเช้า และ โอยาซุมิ ตอนค่ำ ถ้าเค้ากลับเลทมาก เค้าก็จะแค่อ่านข้อความแล้วจะตอบกลับตอนเช้า
    คุยกันไป 1 เดือน มีโอกาสกลับไป ญป อีก ก็เลยทักถาม ช่วงนี้ๆๆ คุณว่างมั้ย เพราะเค้าเคยบอกว่าอยากมารับ และไปส่งเมื่อเรากลับประเทศ เค้าก็บอกว่าโอเคเลย และส่งสติ้กเกอร์ (ซารางเฮ เกาหลี) สติ๊กเกอร์ที่เค้าใช้ส่งหาประจำ หลังจากประโยค I love u จางไป

    จนถึงวันเดินทาง ก็ทักบอกเค้า จะเดินทางแล้วนะ เจอกันนะ พอลงเครื่องก็ถามเค้า คุณอยู่ไหน?
    เค้าตอบ อยู่ออฟฟิศ พร้อมส่งที่อยู่มา....
    เราก็แอบงง อ้าวไหนว่าจะมารับ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ก็ตอบโอเคไป เพราะเค้าบอก มาเอากุญแจนะ และบอกวันนี้จะเลิกกี่โมง และแล้ววันนั้น วันแรกที่เราไปถึง เค้าเลิกงานเที่ยงคืนเกือบตี 1 ค่ะ ???????
    รอจนเกือบหลับกันไป
    คืนแรก ผ่านไป เพิ่งเคยอยู่ด้วยกัน ยังมีเกร็งและเขิน

    ลืมเล่าค่ะ ช่วงคุยโทรศัพท์กัน เค้าบอกเค้าไม่มีแฟน และดีใจที่เจอเรา เราก็ถามทำไมไม่มี กำลังหา Perfect girl อยู่หรอ เค้าก็บอก เปล่าา เค้าชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วเข้ากันได้ อารมณ์ดี อยู่ด้วยแล้วสนุกมากกว่า ต้องลองคุยกันไป

    พอมาเจอกัน จึงไม่ปรับตัวอะไรกันมาก วันแรกเราก็เก็บกวาด เช็ดถู ซักผ้าให้เลย กลับมามีผลไม้ อาหารให้ทาน
    เราเองเป็นคนง่ายๆ ชอบศึกษากัน และดูรุกกันเร็วมาก ทุกอย่างผ่านไปไว อยุ่กันแบบแฟน แบบเพื่อน คุยกัน ปรึกษากัน นอนกอดกัน
    การช้อปปิ้งเค้าบอก เอาบิลวางไว้นะ เค้าต้องจ่าย เรื่องนี้สำคัญ แต่คือเราเกรงใจค่ะ มาอยู่ฟรี ใช้ทุกอย่างฟรี จึงไม่เคยวางบิลไว้เลย และอีกอย่าง เราก็มาทำงาน เราขายของออนไลน์ค่ะ ที่เค้าชวนอยู่เพราะเค้าบอก โรงแรมแพง มาอยู่นี่ได้ แค่เทอคนเดียวนะ มาได้ตลอด เพราะเค้าไม่มีแฟน
    เราก็แบบ เฮ้ยย ทำไมใจดีจัง
    ตอนแรกก็คิดไว้ หนุ่ม ญป ต้องหื่นกามแน่เลย พอไปอยู่ เค้าแทบไม่ยุ่งกับเราเลยค่ะ ต่างคนต่างอยู่ มีแต่เราขยับไปนอนกอดเค้าเอง นอนที่เดียวกัน ห่างๆมันเหงานะเออ (แอบอ่อย)
    ผ่านไปอาทิตย์กว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง คือทำงาน กลับมาเจอกันบ้าง นอนก่อนบ้าง นอนหลังบ้าง เพราะกว่าเราจะเคลียยอดเสร็จ

    เค้าก็เริ่มชวนกินข้าวนอกบ้านค่ะ
    นัดทานราเมง ร้านใกล้บ้านหลังเค้าเลิกงาน เกือบๆเที่ยงคืน >,<* จริงๆเราอิ่มแล้ว แต่ก็อยากมีความทรงจำกับเค้า เลยบอกเค้าว่าอยากไป
    เค้าก็ส่งที่อยู่ร้านมาให้แล้วไปเจอกันที่ร้านค่ะ
    ไปถึง พ่อหนุ่มก็นั่งรอ จัดการสั่งเรียบร้อยแล้ว
    พอเราถึง เค้าก็พูดว่า อยากใช้เวลากับเราข้างนอกบ้าง เพราะตั้งแต่เรามา ก็อยู่และเจอกันแต่ในบ้านเค้า ☺️เขินไปอีก

    อีกไม่กี่วัน ก็จะกลับละค่ะ เรามารอบนี้ อาทิตย์กว่าๆค่ะ
    เค้าบอกก่อนกลับจะพาไปที่ที่อยากไปนะ อยากไปไหนบอกนะ นี่ก็ดีใจ กางแผนที่ท่องเที่ยวเลยจ้า ถ่ายรุปส่งสถานที่ที่อยากไป สองที่ ไม่ไกลมาก อยู่ในเมืองโตเกียว นางก็เซเยสมา (เรานี่ยิ้มเลย)

    แต่แล้ว อีกสองวันนางบอก นางจะมีประชุมตอนเที่ยงของวันนั้นนะ เราก็โอเคไม่เป็นไร กะว่าจะเก็บกระเป๋ารอ เพราะวันรุ่งขึ้นเราก็จะกลับแล้ว พอใกล้ๆวัน นางบอก ผมมีอีก 1 ประชุมที่ต้องไป (แอบเศร้าเลย) แต่ก็บอกไป ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ เราไปเองได้ (จริงๆ เราชำนาญการหลงคนเดียว 555) ก็ช้อปคนเดียวตลอดนี่หน่า
    เลยบอกนางไปว่า วันกลับถ้าคุณยุ่งไปส่งไม่ได้ บอกได้นะ ชั้นกลับเองได้ นางยื่นคำมาเลย I can do it!
    เราก็บอกไม่ซีเรียสน้า วันที่ว่าจะไปเที่ยว เปลี่ยนเป็นดินเนอร์กันแทนก็ได้ นางก็ถามเคยทาน Nabe มั้ย จะทำให้ทานนะ
    พอถึงวันนั้น เราไปเที่ยวทั้งวัน จนกลับมาเกือบห้าทุ่ม เพราะนางบอกนางจะถึงบ้านประมาณนั้น พอมาถึงบ้าน อ้าวกลับมาแล้ว และไม่มีโนเบะ นางบอกอ้าวนึกว่ากินข้าวแล้ว เพราะนางถามเราตอนหัวค่ำว่ากินอะไรยัง เราบอกเรากิน fish&chip ไปเมื่อเย็น และบอกนางว่าถ้าหิวให้นางกินได้เลย...
    นางบอกเข้าใจผิดอ่า นึกว่าจะไม่กินแล้วเลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเตรียมทำเลย งั้นทำสปาเก็ตตี้ให้กินนะ กินสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศได้มั้ย เราก็บอกโอเค? หนุ่มทำให้กินอะไรก็ได้หมดแหละ อิอิ (แอบกระดี๊กระด๊า) เหมือนเจ้าหญิง นางให้นั่งรอเฉยๆ จะดูก็ไม่ได้ ^^ เราก็ตื่นเต้นเนาะ อยากอยู่ใกล้ๆ จะกลับอยู่แล้ว
    กินอิ่ม หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่นางชวนคุยจ้าา อยู่มาเป็นอาทิตย์ไม่มีเวลาคุยกัน
    - นางชอบเจ ชนาธิป นักฟุตบอลไทย (ออกเสียงตลกมาก?)
    - นางอยากย้ายไปอยู่ไทย เปิด บ. ที่ไทย
    - อยากไปเที่ยวกรุงเทพและเชียงใหม่
    - ถามต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ถ้าไป 1 เดือน
    - ถ้าซื้อบ้านใช้เงินเท่าไหร่ กินอยู่ตกเดือนเท่าไหร่
    คุยกันจนหลับไป .....

    ตื่นเช้ามา เราก็รีบไปซื้อของมาทำกับข้าว เก็บและพับผ้าที่ตากไว้ จัดกระเป๋าเพิ่ม และทำอาหาร

    เวลาผ่านไปไวมาก ทำอาหารเสร็จ 10.30น. เราต้องออกจากบ้านกัน 11.00น. เพราะไฟล์ทบิน 14.25น.
    ปลุกนาง นางก็ต๊กใจตื่นน รีบลุกมากินอย่างไว แต่ก็นั่งรอจนกว่าเราจะมานั่งกินด้วยนะ
    นี่หน้าตาอาหารค่ะ ตามรูป ทำไม่เก่ง เพราะปกติไม่ทำเลย 555

    นางก็ทานจนหมด ของนางจานใหญ่ค่ะ^_^
    ทานเสร็จล้างจาน อาบน้ำแต่งตัว เราก็เก็บของนิดหน่อยต่อ
    นางก็ถาม อีก 15 นาทีออก ทันมั้ย นางอาบน้ำแต่งตัวไวมาก 5 นาทีเสร็จ 555 ถ้าเป็นคนไทยคงบ่นแล้ว หรือถ้าเป็นชาติเดียวกัน เราก็คงโดนบ่น
    เราก็บอกว่าทัน จะเสร็จแลัว นางก็บอกเดียวไปเอารถมารอนะ
    ลืมเล่า ตอนปลุกนางเราถาม ไปไหวมั้ย จะสายมั้ย จะกลับมาทำงานทันมั้ย เราไปเองได้นะ นางก็ยืนยันจะไปส่ง งานเด่วกลับมาทำได้

    พอเราเสร็จก็ ลงมารอนาง นางก็มาพอดี ไปล็อคบ้านเสร็จ ก็เดินไปเปิดรถยกกระเป๋า เปิดประตู สุภาพบุรุษมว๊ากกก เหมือนละคร
    ขณะเดินทางไปสนามบินนาริตะ เป็นช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันคุยกันนานที่สุดในรอบอาทิตย์ก็ว่าได้ ดีใจที่เค้ามาส่ง และเสียใจที่ต้องกลับแล้ว
    เมื่อคืนเค้าก็ถาม วีซ่ายุได้สั้นจัง ถ้าอยู่ยาวทำยังไงได้
    เราก็บอกถ้าขอวีมาเที่ยวหาเพื่อน หาแฟนได้แต่ต้องมีจดหมายเชิญนะ น่าก็อ้ออ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    อ่าาา ถึงสนามบินแล้ว ไวมว๊ากกเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไป ก็ถึงเวลาอำลา ก็เซกู๊ดบายปกติ นางก็เหมือนทำอะไรไม่ถูก ยกกระเป๋ามาวางรอ เราก็ไปหยิบรถเข็นมาใส่กระเป๋า นางช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถเข็นเสร็จ ก็ยืนบายๆ เราก็เข้าไปกอด แล้วก็ลา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพไว้เป็นความทรงจำ นางก็เกร็งๆ แล้วก็ลาขึ้นรถ เราก็โบกมืออีก นางก็ยังไม่ไป เราเลยเดินหันหลังยาวไปเลย นางก็ไม่ขับรถผ่านไปสักที จนเราเข้าไปเช็คอิน เช็คอินเสร็จแอบชะเง้อดูไม่เจอละ ใจมันหายมาก ไม่อยากกลับเลย

    แค่แชร์ประสบการณ์อยู่กับหนุ่มแดนปลาดิบ ความสัมพันธ์ที่ยังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ
    คอมเม้นท์หรือแสดงความคิดเห็นได้นะคะ
    อยากทราบเหมือนกันว่า เค้าแสดงการกระทำแบบนี้เรียกชัดเจนแล้วหรือยัง หรือแค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
    เราจะได้เก็บเรื่องนี้ไว้แค่ความทรงจำค่ะ แต่ก็ยังคุยกับเค้าทุกวัน เพราะรู้สึกชอบ ชอบผู้ชาย ญป คนนี้ ไม่จู้จี้ ตามใจ อะไรก็ได้ ง่ายๆมาก นิสัยแบบนี้เลยที่หาที่ไทยไม่ได้ ถ้าเค้าชอบเราจริง เราจะไม่ปล่อยให้หลุดไปเลยค่ะ

    ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะ
    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Kme Thammy
    Kme Thammy
    Offline
    Tuesday, October 02 2018, 03:31 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคนค่ะ

    คุยๆกับหนุ่มแดนปลาดิบอยู่ อายุห่างกัน 3 ปีค่ะ
    แรกๆ เค้าลุกหนักมาก บอกเราอยากไปไหนบอกนะ จะพาไปหมด บอก I love you ก่อนนอน และบอกว่าอยากเห็นเรานอนหลับ ก็เลยถามเค้าหมายความว่ายังไง อยากวีดีโอคอลหรอ ลืมบอกไป เพราะเค้าอยู่ ญป เราอยู่ไทย
    (เจอกันที่ ญป ค่ะ เราไปเที่ยวมา เจอกันวันสุดท้ายก่อนบินกลับไทย) เค้าก็เอ๊ะ วีดีโอคอลยังไง เราก็เลยสอนเค้า โทรวีดีโอคอลไลน์ แต่พอดีเวลานั้น ตี4 ไทยแล้วค่ะ
    เราอยู่กับพ่อ จึงคุยไม่ได้
    เค้าก็บอก โอเค เงียบเสียงนะ ดูเฉยๆ สักสองนาทีเค้าก็วางไป เหมือนเกรงใจ

    หลังจากนั้นก็ทักทายผ่านไลน์ปกติ ทักทายเช้า เย็น ก่อนนอน ไม่ได้คุยอะไรกันมาก จะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ประมาณอาทิตย์ละครั้งค่ะ เค้าตอบไลน์และอ่านในวันเดียวกันตลอด
    เรื่องที่จะคุยยาวๆ ก็จะแบบจะมา ญป อีกเมื่อไหร่ มาพักที่บ้านเค้าได้นะ ให้อยู่ฟรี ถ้าเค้ายุ่งงานเยอะ ก็ตามสบายเลย ใช้ที่นอน ใช้ครัวได้
    เค้าทำงานเกี่ยวกับสตูดิโอภาพยนต์ค่ะ จะทำงานไม่เป็นเวลา บางวันก็จะเลิก 4 ทุ่ม บางวันก็เลิกเช้าเลย (สว่างจ้า 6 โมงเช้า)
    การคุยก็จะเหมือนกันทุกวัน โอฮาโย ตอนเช้า และ โอยาซุมิ ตอนค่ำ ถ้าเค้ากลับเลทมาก เค้าก็จะแค่อ่านข้อความแล้วจะตอบกลับตอนเช้า
    คุยกันไป 1 เดือน มีโอกาสกลับไป ญป อีก ก็เลยทักถาม ช่วงนี้ๆๆ คุณว่างมั้ย เพราะเค้าเคยบอกว่าอยากมารับ และไปส่งเมื่อเรากลับประเทศ เค้าก็บอกว่าโอเคเลย และส่งสติ้กเกอร์ (ซารางเฮ เกาหลี) สติ๊กเกอร์ที่เค้าใช้ส่งหาประจำ หลังจากประโยค I love u จางไป

    จนถึงวันเดินทาง ก็ทักบอกเค้า จะเดินทางแล้วนะ เจอกันนะ พอลงเครื่องก็ถามเค้า คุณอยู่ไหน?
    เค้าตอบ อยู่ออฟฟิศ พร้อมส่งที่อยู่มา....
    เราก็แอบงง อ้าวไหนว่าจะมารับ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ก็ตอบโอเคไป เพราะเค้าบอก มาเอากุญแจนะ และบอกวันนี้จะเลิกกี่โมง และแล้ววันนั้น วันแรกที่เราไปถึง เค้าเลิกงานเที่ยงคืนเกือบตี 1 ค่ะ ???????
    รอจนเกือบหลับกันไป
    คืนแรก ผ่านไป เพิ่งเคยอยู่ด้วยกัน ยังมีเกร็งและเขิน

    ลืมเล่าค่ะ ช่วงคุยโทรศัพท์กัน เค้าบอกเค้าไม่มีแฟน และดีใจที่เจอเรา เราก็ถามทำไมไม่มี กำลังหา Perfect girl อยู่หรอ เค้าก็บอก เปล่าา เค้าชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วเข้ากันได้ อารมณ์ดี อยู่ด้วยแล้วสนุกมากกว่า ต้องลองคุยกันไป

    พอมาเจอกัน จึงไม่ปรับตัวอะไรกันมาก วันแรกเราก็เก็บกวาด เช็ดถู ซักผ้าให้เลย กลับมามีผลไม้ อาหารให้ทาน
    เราเองเป็นคนง่ายๆ ชอบศึกษากัน และดูรุกกันเร็วมาก ทุกอย่างผ่านไปไว อยุ่กันแบบแฟน แบบเพื่อน คุยกัน ปรึกษากัน นอนกอดกัน
    การช้อปปิ้งเค้าบอก เอาบิลวางไว้นะ เค้าต้องจ่าย เรื่องนี้สำคัญ แต่คือเราเกรงใจค่ะ มาอยู่ฟรี ใช้ทุกอย่างฟรี จึงไม่เคยวางบิลไว้เลย และอีกอย่าง เราก็มาทำงาน เราขายของออนไลน์ค่ะ ที่เค้าชวนอยู่เพราะเค้าบอก โรงแรมแพง มาอยู่นี่ได้ แค่เทอคนเดียวนะ มาได้ตลอด เพราะเค้าไม่มีแฟน
    เราก็แบบ เฮ้ยย ทำไมใจดีจัง
    ตอนแรกก็คิดไว้ หนุ่ม ญป ต้องหื่นกามแน่เลย พอไปอยู่ เค้าแทบไม่ยุ่งกับเราเลยค่ะ ต่างคนต่างอยู่ มีแต่เราขยับไปนอนกอดเค้าเอง นอนที่เดียวกัน ห่างๆมันเหงานะเออ (แอบอ่อย)
    ผ่านไปอาทิตย์กว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง คือทำงาน กลับมาเจอกันบ้าง นอนก่อนบ้าง นอนหลังบ้าง เพราะกว่าเราจะเคลียยอดเสร็จ

    เค้าก็เริ่มชวนกินข้าวนอกบ้านค่ะ
    นัดทานราเมง ร้านใกล้บ้านหลังเค้าเลิกงาน เกือบๆเที่ยงคืน >,<* จริงๆเราอิ่มแล้ว แต่ก็อยากมีความทรงจำกับเค้า เลยบอกเค้าว่าอยากไป
    เค้าก็ส่งที่อยู่ร้านมาให้แล้วไปเจอกันที่ร้านค่ะ
    ไปถึง พ่อหนุ่มก็นั่งรอ จัดการสั่งเรียบร้อยแล้ว
    พอเราถึง เค้าก็พูดว่า อยากใช้เวลากับเราข้างนอกบ้าง เพราะตั้งแต่เรามา ก็อยู่และเจอกันแต่ในบ้านเค้า ☺️เขินไปอีก

    อีกไม่กี่วัน ก็จะกลับละค่ะ เรามารอบนี้ อาทิตย์กว่าๆค่ะ
    เค้าบอกก่อนกลับจะพาไปที่ที่อยากไปนะ อยากไปไหนบอกนะ นี่ก็ดีใจ กางแผนที่ท่องเที่ยวเลยจ้า ถ่ายรุปส่งสถานที่ที่อยากไป สองที่ ไม่ไกลมาก อยู่ในเมืองโตเกียว นางก็เซเยสมา (เรานี่ยิ้มเลย)

    แต่แล้ว อีกสองวันนางบอก นางจะมีประชุมตอนเที่ยงของวันนั้นนะ เราก็โอเคไม่เป็นไร กะว่าจะเก็บกระเป๋ารอ เพราะวันรุ่งขึ้นเราก็จะกลับแล้ว พอใกล้ๆวัน นางบอก ผมมีอีก 1 ประชุมที่ต้องไป (แอบเศร้าเลย) แต่ก็บอกไป ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ เราไปเองได้ (จริงๆ เราชำนาญการหลงคนเดียว 555) ก็ช้อปคนเดียวตลอดนี่หน่า
    เลยบอกนางไปว่า วันกลับถ้าคุณยุ่งไปส่งไม่ได้ บอกได้นะ ชั้นกลับเองได้ นางยื่นคำมาเลย I can do it!
    เราก็บอกไม่ซีเรียสน้า วันที่ว่าจะไปเที่ยว เปลี่ยนเป็นดินเนอร์กันแทนก็ได้ นางก็ถามเคยทาน Nabe มั้ย จะทำให้ทานนะ
    พอถึงวันนั้น เราไปเที่ยวทั้งวัน จนกลับมาเกือบห้าทุ่ม เพราะนางบอกนางจะถึงบ้านประมาณนั้น พอมาถึงบ้าน อ้าวกลับมาแล้ว และไม่มีโนเบะ นางบอกอ้าวนึกว่ากินข้าวแล้ว เพราะนางถามเราตอนหัวค่ำว่ากินอะไรยัง เราบอกเรากิน fish&chip ไปเมื่อเย็น และบอกนางว่าถ้าหิวให้นางกินได้เลย...
    นางบอกเข้าใจผิดอ่า นึกว่าจะไม่กินแล้วเลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเตรียมทำเลย งั้นทำสปาเก็ตตี้ให้กินนะ กินสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศได้มั้ย เราก็บอกโอเค? หนุ่มทำให้กินอะไรก็ได้หมดแหละ อิอิ (แอบกระดี๊กระด๊า) เหมือนเจ้าหญิง นางให้นั่งรอเฉยๆ จะดูก็ไม่ได้ ^^ เราก็ตื่นเต้นเนาะ อยากอยู่ใกล้ๆ จะกลับอยู่แล้ว
    กินอิ่ม หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่นางชวนคุยจ้าา อยู่มาเป็นอาทิตย์ไม่มีเวลาคุยกัน
    - นางชอบเจ ชนาธิป นักฟุตบอลไทย (ออกเสียงตลกมาก?)
    - นางอยากย้ายไปอยู่ไทย เปิด บ. ที่ไทย
    - อยากไปเที่ยวกรุงเทพและเชียงใหม่
    - ถามต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ถ้าไป 1 เดือน
    - ถ้าซื้อบ้านใช้เงินเท่าไหร่ กินอยู่ตกเดือนเท่าไหร่
    คุยกันจนหลับไป .....

    ตื่นเช้ามา เราก็รีบไปซื้อของมาทำกับข้าว เก็บและพับผ้าที่ตากไว้ จัดกระเป๋าเพิ่ม และทำอาหาร

    เวลาผ่านไปไวมาก ทำอาหารเสร็จ 10.30น. เราต้องออกจากบ้านกัน 11.00น. เพราะไฟล์ทบิน 14.25น.
    ปลุกนาง นางก็ต๊กใจตื่นน รีบลุกมากินอย่างไว แต่ก็นั่งรอจนกว่าเราจะมานั่งกินด้วยนะ
    นี่หน้าตาอาหารค่ะ ตามรูป ทำไม่เก่ง เพราะปกติไม่ทำเลย 555

    นางก็ทานจนหมด ของนางจานใหญ่ค่ะ^_^
    ทานเสร็จล้างจาน อาบน้ำแต่งตัว เราก็เก็บของนิดหน่อยต่อ
    นางก็ถาม อีก 15 นาทีออก ทันมั้ย นางอาบน้ำแต่งตัวไวมาก 5 นาทีเสร็จ 555 ถ้าเป็นคนไทยคงบ่นแล้ว หรือถ้าเป็นชาติเดียวกัน เราก็คงโดนบ่น
    เราก็บอกว่าทัน จะเสร็จแลัว นางก็บอกเดียวไปเอารถมารอนะ
    ลืมเล่า ตอนปลุกนางเราถาม ไปไหวมั้ย จะสายมั้ย จะกลับมาทำงานทันมั้ย เราไปเองได้นะ นางก็ยืนยันจะไปส่ง งานเด่วกลับมาทำได้

    พอเราเสร็จก็ ลงมารอนาง นางก็มาพอดี ไปล็อคบ้านเสร็จ ก็เดินไปเปิดรถยกกระเป๋า เปิดประตู สุภาพบุรุษมว๊ากกก เหมือนละคร
    ขณะเดินทางไปสนามบินนาริตะ เป็นช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันคุยกันนานที่สุดในรอบอาทิตย์ก็ว่าได้ ดีใจที่เค้ามาส่ง และเสียใจที่ต้องกลับแล้ว
    เมื่อคืนเค้าก็ถาม วีซ่ายุได้สั้นจัง ถ้าอยู่ยาวทำยังไงได้
    เราก็บอกถ้าขอวีมาเที่ยวหาเพื่อน หาแฟนได้แต่ต้องมีจดหมายเชิญนะ น่าก็อ้ออ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    อ่าาา ถึงสนามบินแล้ว ไวมว๊ากกเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไป ก็ถึงเวลาอำลา ก็เซกู๊ดบายปกติ นางก็เหมือนทำอะไรไม่ถูก ยกกระเป๋ามาวางรอ เราก็ไปหยิบรถเข็นมาใส่กระเป๋า นางช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถเข็นเสร็จ ก็ยืนบายๆ เราก็เข้าไปกอด แล้วก็ลา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพไว้เป็นความทรงจำ นางก็เกร็งๆ แล้วก็ลาขึ้นรถ เราก็โบกมืออีก นางก็ยังไม่ไป เราเลยเดินหันหลังยาวไปเลย นางก็ไม่ขับรถผ่านไปสักที จนเราเข้าไปเช็คอิน เช็คอินเสร็จแอบชะเง้อดูไม่เจอละ ใจมันหายมาก ไม่อยากกลับเลย

    แค่แชร์ประสบการณ์อยู่กับหนุ่มแดนปลาดิบ ความสัมพันธ์ที่ยังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ
    คอมเม้นท์หรือแสดงความคิดเห็นได้นะคะ
    อยากทราบเหมือนกันว่า เค้าแสดงการกระทำแบบนี้เรียกชัดเจนแล้วหรือยัง หรือแค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
    เราจะได้เก็บเรื่องนี้ไว้แค่ความทรงจำค่ะ แต่ก็ยังคุยกับเค้าทุกวัน เพราะรู้สึกชอบ ชอบผู้ชาย ญป คนนี้ ไม่จู้จี้ ตามใจ อะไรก็ได้ ง่ายๆมาก นิสัยแบบนี้เลยที่หาที่ไทยไม่ได้ ถ้าเค้าชอบเราจริง เราจะไม่ปล่อยให้หลุดไปเลยค่ะ

    ขอความคิดเห็นหน่อยนะคะ
    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Unknow
    Unknow
    Offline
    Tuesday, October 02 2018, 02:18 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เค้าน่าจะชอบน้องนะคะ
    สู้ๆคะขอให้สมหวัง เป็นกำลังใจให้นะคะ

    Thitawan Thumsurakulเขียน:

    ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคนค่ะ

    คุยๆกับหนุ่มแดนปลาดิบอยู่ อายุห่างกัน 3 ปีค่ะ
    แรกๆ เค้าลุกหนักมาก บอกเราอยสกไปไหนบอกนะ จะพาไปหมด บอก I love you ก่อนนอน และบอกว่าอยากเห็นเรานอนหลับ ก็เลยถามเค้าหมายความว่ายังไง อยากวีดีโอคอลหรอ ลืมบอกไป เพราะเค้าอยู่ ญป เราอยู่ไทย
    (เจอกันที่ ญป ค่ะ เราไปเที่ยวมา เจอกันวันสุดท้ายก่อนบินกลับไทย) เค้าก็เอ๊ะ วีดีโอคอลยังไง เราก็เลยสอนเค้า โทรวีดีโอคอลไลน์ แต่พอดีเวลานั้น ตี4 ไทยแล้วค่ะ
    เราอยู่กับพ่อ จึงคุยไม่ได้
    เค้าก็บอก โอเค เงียบเสียงนะ ดูเฉยๆ สักสองนาทีเค้าก็วางไป เหมือนเกรงใจ

    หลังจากนั้นก็ทักทายผ่านไลน์ปกติ ทักทายเช้า เย็น ก่อนนอน ไม่ได้คุยอะไรกันมาก จะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ประมาณอาทิตย์ละครั้งค่ะ เค้าตอบไลน์และอ่านในวันเดียวกันตลอด
    เรื่องที่จะคุยยาวๆ ก็จะแบบจะมา ญป อีกเมื่อไหร่ มาพักที่บ้านเค้าได้นะ ให้อยู่ฟรี ถ้าเค้ายุ่งงานเยอะ ก็ตามสบายเลย ใช้ที่นอน ใช้ครัวได้
    เค้าทำงานเกี่ยวกับสตูดิโอภาพยนต์ค่ะ จะทำงานไม่เป็นเวลา บางวันก็จะเลิก 4 ทุ่ม บางวันก็เลิกเช้าเลย (สว่างจ้า 6 โมงเช้า)
    การคุยก็จะเหมือนกันทุกวัน โอฮาโย ตอนเช้า และ โอยาซุมิ ตอนค่ำ ถ้าเค้ากลับเลทมาก เค้าก็จะแค่อ่านข้อความแล้วจะตอบกลับตอนเช้า
    คุยกันไป 1 เดือน มีโอกาสกลับไป ญป อีก ก็เลยทักถาม ช่วงนี้ๆๆ คุณว่างมั้ย เพราะเค้าเคยบอกว่าอยากมารับ และไปส่งเมื่อเรากลับประเทศ เค้าก็บอกว่าโอเคเลย และส่งสติ้กเกอร์ (ซารางเฮ เกาหลี) สติ๊กเกอร์ที่เค้าใช้ส่งหาประจำ หลังจากประโยค I love u จางไป

    จนถึงวันเดินทาง ก็ทักบอกเค้า จะเดินทางแล้วนะ เจอกันนะ พอลงเครื่องก็ถามเค้า คุณอยู่ไหน?
    เค้าตอบ อยู่ออฟฟิศ พร้อมส่งที่อยู่มา....
    เราก็แอบงง อ้าวไหนว่าจะมารับ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ก็ตอบโอเคไป เพราะเค้าบอก มาเอากุญแจนะ และบอกวันนี้จะเลิกกี่โมง และแล้ววันนั้น วันแรกที่เราไปถึง เค้าเลิกงานเที่ยงคืนเกือบตี 1 ค่ะ ???????
    รอจนเกือบหลับกันไป
    คืนแรก ผ่านไป เพิ่งเคยอยู่ด้วยกัน ยังมีเกร็งและเขิน

    ลืมเล่าค่ะ ช่วงคุยโทรศัพท์กัน เค้าบอกเค้าไม่มีแฟน และดีใจที่เจอเรา เราก็ถามทำไมไม่มี กำลังหา Perfect girl อยู่หรอ เค้าก็บอก เปล่าา เค้าชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วเข้ากันได้ อารมณ์ดี อยู่ด้วยแล้วสนุกมากกว่า ต้องลองคุยกันไป

    พอมาเจอกัน จึงไม่ปรับตัวอะไรกันมาก วันแรกเราก็เก็บกวาด เช็ดถู ซักผ้าให้เลย กลับมามีผลไม้ อาหารให้ทาน
    เราเองเป็นคนง่ายๆ ชอบศึกษากัน และดูรุกกันเร็วมาก ทุกอย่างผ่านไปไว อยุ่กันแบบแฟน แบบเพื่อน คุยกัน ปรึกษากัน นอนกอดกัน
    การช้อปปิ้งเค้าบอก เอาบิลวางไว้นะ เค้าต้องจ่าย เรื่องนี้สำคัญ แต่คือเราเกรงใจค่ะ มาอยู่ฟรี ใช้ทุกอย่างฟรี จึงไม่เคยวางบิลไว้เลย และอีกอย่าง เราก็มาทำงาน เราขายของออนไลน์ค่ะ ที่เค้าชวนอยู่เพราะเค้าบอก โรงแรมแพง มาอยู่นี่ได้ แค่เทอคนเดียวนะ มาได้ตลอด เพราะเค้าไม่มีแฟน
    เราก็แบบ เฮ้ยย ทำไมใจดีจัง
    ตอนแรกก็คิดไว้ หนุ่ม ญป ต้องหื่นกามแน่เลย พอไปอยู่ เค้าแทบไม่ยุ่งกับเราเลยค่ะ ต่างคนต่างอยู่ มีแต่เราขยับไปนอนกอดเค้าเอง นอนที่เดียวกัน ห่างๆมันเหงานะเออ (แอบอ่อย)
    ผ่านไปอาทิตย์กว่า ต่างคนต่าฃทำหน้าที่ของตัวเอง คือทำงาน กลับมาเจอกันบ้าง นอนก่อนบ้าง นอนหลังบ้าง เพราะกว่าเราจะเคลียยอดเสร็จ

    เค้าก็เริ่มชวนกินข้าวนอกบ้านค่ะ
    นักทานราเมง ร้านใกล้บ้านหลังเค้าเลิกงาน เกือบๆเที่ยงคืน >,<* จริงๆเราอิ่มแล้ว แต่ก็อยากมีความทรงจำกับเค้า เลยบอกเค้าว่าอยากไป
    เค้าก็ส่งที่อยู่ร้านมาให้แล้วไปเจอกันที่ร้านค่ะ
    ไปถึง พ่อหนุ่มก็นั่งรอ จัดการสั่งเรียบร้อยแล้ว
    พอเราถึง เค้าก็พูดว่า อยากใช้เวลากับเราข้างนอกบ้าง เพราะตั้งแต่เรามา ก็อยู่และเจอกันแต่ในบ้านเค้า ☺️เขินไปอีก

    อีกไม่กี่วัน ก็จะกลับละค่ะ เรามารอบนี้ อาทิตย์กว่าๆค่ะ
    เค้าบอกก่อนกลับจะพาไปที่ที่อยากไปนะ อยากไปไหนบอกนะ นี่ก็ดีใจ กางแผนที่ท่องเที่ยวเลยจ้า ถ่ายรุปส่งสถานที่ที่อยากไป สองที่ ไม่ไกลมาก อยู่ในเมืองโตเกียว นางก็เซเยสมา (เรานี่ยิ้มเลย)

    แต่แล้ว อีกสองวันนางบอก นางจะมีประชุมตอนเที่ยงของวันนั้นนะ เราก็โอเคไม่เป็นไร กะว่าจะเก็บกระเป๋ารอ เพราะวันรุ่งขึ้นเราก็จะกลับแล้ว พอใกล้ๆวัน นางบอก ผมมีอีก 1 ประชุมที่ต้องไป (แอบเศร้าเลย) แต่ก็บอกไป ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ เราไปเองได้ (จริงๆ เราชำนาญการหลงคนเดียว 555) ก็ช้อปคนเดียวตลอดนี่หน่า
    เลยบอกนางไปว่า วันกลับถ้าคุณยุ่งไปส่งไม่ได้ บอกได้นะ ชั้นกลับเองได้ นางยื่นคำมาเลย I can do it! ?
    เราก็บอกไม่ซีเรียสน้า วันที่ว่าจะไปเที่ยว เปลี่ยนเป็นดินเนอร์กันแทนก็ได้ นางก็ถามเคยทาน Nobe มั้ย จะทำให้ทานนะ
    พอถึงวันนั้น เราไปเที่ยวทั้งวัน จนกลับมาเกือบห้าทุ่ม เพราะนางบอกนางจะถึงบ้านประมาณนั้น พอมาถึงบ้าน อ้าวกลับมาแล้ว และไม่มีโนเบะ นางบอกอ้าวนึกว่ากินข้าวแล้ว เพราะนางถามเราตอนหัวค่ำว่ากินอะไรยัง เราบอกเรากิน fish&chip ไปเมื่อเย็น และบอกนางว่าถ้าหิวให้นางกินได้เลย?
    นางบอกเข้าใจผิดอ่า นึกว่าจะไม่กินแล้วเลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเตรียมทำเลย งั้นทำสปาเก็ตตี้ให้กินนะ กินสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศได้มั้ย เราก็บอกโอเค? หนุ่มทำให้กินอะไรก็ได้หมดแหละ อิอิ (แอบกระดี๊กระด๊า) เหมือนเจ้าหญิง นางให้นั่งรอเฉยๆ จะดูก็ไม่ได้ ^^ เราก็ตื่นเต้นเนาะ อยากอยู่ใกล้ๆ จะกลับอยู่แล้ว
    กินอิ่ม หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่นางชวนคุยจ้าา อยู่มาเป็นอาทิตย์ไม่มีเวลาคุยกัน
    - นางชอบเจ ชนาธิป นักฟุตบอลไทย (ออกเสียงตลกมาก?)
    - นางอยากย้ายไปอยู่ไทย เปิด บ. ที่ไทย
    - อยากไปเที่ยวกรุงเทพและเชียงใหม่
    - ถามต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ถ้าไป 1 เดือน
    - ถ้าซื้อบ้านใช้เงินเท่าไหร่ กินอยู่ตกเดือนเท่าไหร่
    คุยกันจนหลับไป .....

    ตื่นเช้ามา เราก็รีบไปซื้อของมาทำกับข้าว เก็บและพับผ้าที่ตากไว้ จัดกระเป๋าเพิ่ม และทำอาหาร

    เวลาผ่านไปไวมาก ทำอาหารเสร็จ 10.30น. เราต้องออกจากบ้านกัน 11.00น. เพราะไฟล์ทบิน 14.25น.
    ปลุกนาง นางก็ต๊กใจตื่นน รีบลุกมากินอย่างไว แต่ก็นั่งรอจนกว่าเราจะมานั่งกินด้วยนะ
    นี่หน้าตาอาหารค่ะ ตามรูป ทำไม่เก่ง เพราะปกติไม่ทำเลย 555

    นางก็ทานจนหมด ของนางจานใหญ่ค่ะ^_^
    ทานเสร็จล้างจาน อาบน้ำแต่งตัว เราก็เก็บของนิดหน่อยต่อ
    นางก็ถาม อีก 15 นาทีออก ทันมั้ย นางอาบน้ำแต่งตัวไวมาก 5 นาทีเสร็จ 555 ถ้าเป็นคนไทยคงบ่นแล้ว หรือถ้าเป็นชาติเดียวกัน เราก็คงโดนบ่น
    เราก็บอกว่าทัน จะเสร็จแลัว นางก็บอกเดียวไปเอารถมารอนะ
    ลืมเล่า ตอนปลุกนางเราถาม ไปไหวมั้ย จะสายมั้ย จะกลับมาทำงานทันมั้ย เราไปเองได้นะ นางก็ยืนยันจะไปส่ง งานเด่วกลับมาทำได้

    พอเราเสร็จก็ ลงมารอนาง นางก็มาพอดี ไปล็อคบ้านเสร็จ ก็เดินไปเปิดรถยกกระเป๋า เปิดประตู สุภาพบุรุษมว๊ากกก เหมือนละคร
    ขณะเดินทางไปสนามบินนาริตะ เป็นช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันคุยกันนานที่สุดในรอบอาทิตย์ก็ว่าได้ ดีใจที่เค้ามาส่ง และเสียใจที่ต้องกลับแล้ว
    เมื่อคืนเค้าก็ถาม วีซ่ายุได้สั้นจัง ถ้าอยู่ยาวทำยังไงได้
    เราก็บอกถ้าขอวีมาเที่ยวหาเพื่อน หาแฟนได้แต่ต้องมีจดหมายเชิญนะ น่าก็อ้ออ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    อ่าาา ถึงสนามบินแล้ว ไวมว๊ากกเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไป ก็ถึงเวลาอำลา ก็เซกู๊ดบายปกติ นางกเหมือนทำอะไรไม่ถูก ยกกระเป๋ามาวางรอ เราก็ไปหยิบรถเข็นมาใส่กระอป๋า นางช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถเข็นเสร็จ ก็ยืนบายๆ เราก็เข้าไปกอด แล้วก็ลา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพไว้เป็นความทรงจำ นางก็เกร็งๆ แล้วก็ลาขึ้นรถ เราก็ฌบกมืออีก นางก็ยังไม่ เราเลยเดินหันหลังยาวไปเลย นางก็ไม่ขับรถผ่านไปสักที จนเราเข้าไปเช็คอิน เช็คอินเสร็จแอบชะเง้อดูไม่เจอละ ใจมันหายมาก ไม่อยากกลับเลย

    แค่แชร์ประสบการณ์อยู่กับหนุ่มแดนปลาดิบ ความสัมพันธ์ที่ยังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ
    คอมเม้นท์หรือแสดงความคิดเห็นได้นะคะ
    อยากทราบเหมือนกันว่า เค้าแสดงการกระทำแบบนี้เรียกชัดเจนแล้วหรือยัง หรือแค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
    เราจะได้เก็บเรื่องนี้ไว้แค่ความทรงจำค่ะ แต่ก็ยังคุยกับเค้าทุกวัน เพราะรู้สึกชอบ ชอบมาก ผู้ชาย ญป คนนี้ไม่จู้จี้ ตามใจ อะไรก็ได้ ง่ายๆมาก นิสัยแบบนี้เลยที่หาที่ไทยไม่ได้ ถ้าเคเาชอบเราจริง เราจะไม่ปล่อยให้หลุดไปเลยค่ะ

    ขอความคิดเห็นห่ออยนะคะ
    ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Kme Thammy
    Kme Thammy
    Offline
    Wednesday, October 03 2018, 01:59 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอบคุณมากนะคะ

    Unknowเขียน:

    เค้าน่าจะชอบน้องนะคะ
    สู้ๆคะขอให้สมหวัง เป็นกำลังใจให้นะคะ

    Thitawan Thumsurakulเขียน:

    ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยคนค่ะ

    คุยๆกับหนุ่มแดนปลาดิบอยู่ อายุห่างกัน 3 ปีค่ะ
    แรกๆ เค้าลุกหนักมาก บอกเราอยสกไปไหนบอกนะ จะพาไปหมด บอก I love you ก่อนนอน และบอกว่าอยากเห็นเรานอนหลับ ก็เลยถามเค้าหมายความว่ายังไง อยากวีดีโอคอลหรอ ลืมบอกไป เพราะเค้าอยู่ ญป เราอยู่ไทย
    (เจอกันที่ ญป ค่ะ เราไปเที่ยวมา เจอกันวันสุดท้ายก่อนบินกลับไทย) เค้าก็เอ๊ะ วีดีโอคอลยังไง เราก็เลยสอนเค้า โทรวีดีโอคอลไลน์ แต่พอดีเวลานั้น ตี4 ไทยแล้วค่ะ
    เราอยู่กับพ่อ จึงคุยไม่ได้
    เค้าก็บอก โอเค เงียบเสียงนะ ดูเฉยๆ สักสองนาทีเค้าก็วางไป เหมือนเกรงใจ

    หลังจากนั้นก็ทักทายผ่านไลน์ปกติ ทักทายเช้า เย็น ก่อนนอน ไม่ได้คุยอะไรกันมาก จะคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว ประมาณอาทิตย์ละครั้งค่ะ เค้าตอบไลน์และอ่านในวันเดียวกันตลอด
    เรื่องที่จะคุยยาวๆ ก็จะแบบจะมา ญป อีกเมื่อไหร่ มาพักที่บ้านเค้าได้นะ ให้อยู่ฟรี ถ้าเค้ายุ่งงานเยอะ ก็ตามสบายเลย ใช้ที่นอน ใช้ครัวได้
    เค้าทำงานเกี่ยวกับสตูดิโอภาพยนต์ค่ะ จะทำงานไม่เป็นเวลา บางวันก็จะเลิก 4 ทุ่ม บางวันก็เลิกเช้าเลย (สว่างจ้า 6 โมงเช้า)
    การคุยก็จะเหมือนกันทุกวัน โอฮาโย ตอนเช้า และ โอยาซุมิ ตอนค่ำ ถ้าเค้ากลับเลทมาก เค้าก็จะแค่อ่านข้อความแล้วจะตอบกลับตอนเช้า
    คุยกันไป 1 เดือน มีโอกาสกลับไป ญป อีก ก็เลยทักถาม ช่วงนี้ๆๆ คุณว่างมั้ย เพราะเค้าเคยบอกว่าอยากมารับ และไปส่งเมื่อเรากลับประเทศ เค้าก็บอกว่าโอเคเลย และส่งสติ้กเกอร์ (ซารางเฮ เกาหลี) สติ๊กเกอร์ที่เค้าใช้ส่งหาประจำ หลังจากประโยค I love u จางไป

    จนถึงวันเดินทาง ก็ทักบอกเค้า จะเดินทางแล้วนะ เจอกันนะ พอลงเครื่องก็ถามเค้า คุณอยู่ไหน?
    เค้าตอบ อยู่ออฟฟิศ พร้อมส่งที่อยู่มา....
    เราก็แอบงง อ้าวไหนว่าจะมารับ แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ก็ตอบโอเคไป เพราะเค้าบอก มาเอากุญแจนะ และบอกวันนี้จะเลิกกี่โมง และแล้ววันนั้น วันแรกที่เราไปถึง เค้าเลิกงานเที่ยงคืนเกือบตี 1 ค่ะ ???????
    รอจนเกือบหลับกันไป
    คืนแรก ผ่านไป เพิ่งเคยอยู่ด้วยกัน ยังมีเกร็งและเขิน

    ลืมเล่าค่ะ ช่วงคุยโทรศัพท์กัน เค้าบอกเค้าไม่มีแฟน และดีใจที่เจอเรา เราก็ถามทำไมไม่มี กำลังหา Perfect girl อยู่หรอ เค้าก็บอก เปล่าา เค้าชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วเข้ากันได้ อารมณ์ดี อยู่ด้วยแล้วสนุกมากกว่า ต้องลองคุยกันไป

    พอมาเจอกัน จึงไม่ปรับตัวอะไรกันมาก วันแรกเราก็เก็บกวาด เช็ดถู ซักผ้าให้เลย กลับมามีผลไม้ อาหารให้ทาน
    เราเองเป็นคนง่ายๆ ชอบศึกษากัน และดูรุกกันเร็วมาก ทุกอย่างผ่านไปไว อยุ่กันแบบแฟน แบบเพื่อน คุยกัน ปรึกษากัน นอนกอดกัน
    การช้อปปิ้งเค้าบอก เอาบิลวางไว้นะ เค้าต้องจ่าย เรื่องนี้สำคัญ แต่คือเราเกรงใจค่ะ มาอยู่ฟรี ใช้ทุกอย่างฟรี จึงไม่เคยวางบิลไว้เลย และอีกอย่าง เราก็มาทำงาน เราขายของออนไลน์ค่ะ ที่เค้าชวนอยู่เพราะเค้าบอก โรงแรมแพง มาอยู่นี่ได้ แค่เทอคนเดียวนะ มาได้ตลอด เพราะเค้าไม่มีแฟน
    เราก็แบบ เฮ้ยย ทำไมใจดีจัง
    ตอนแรกก็คิดไว้ หนุ่ม ญป ต้องหื่นกามแน่เลย พอไปอยู่ เค้าแทบไม่ยุ่งกับเราเลยค่ะ ต่างคนต่างอยู่ มีแต่เราขยับไปนอนกอดเค้าเอง นอนที่เดียวกัน ห่างๆมันเหงานะเออ (แอบอ่อย)
    ผ่านไปอาทิตย์กว่า ต่างคนต่าฃทำหน้าที่ของตัวเอง คือทำงาน กลับมาเจอกันบ้าง นอนก่อนบ้าง นอนหลังบ้าง เพราะกว่าเราจะเคลียยอดเสร็จ

    เค้าก็เริ่มชวนกินข้าวนอกบ้านค่ะ
    นักทานราเมง ร้านใกล้บ้านหลังเค้าเลิกงาน เกือบๆเที่ยงคืน >,<* จริงๆเราอิ่มแล้ว แต่ก็อยากมีความทรงจำกับเค้า เลยบอกเค้าว่าอยากไป
    เค้าก็ส่งที่อยู่ร้านมาให้แล้วไปเจอกันที่ร้านค่ะ
    ไปถึง พ่อหนุ่มก็นั่งรอ จัดการสั่งเรียบร้อยแล้ว
    พอเราถึง เค้าก็พูดว่า อยากใช้เวลากับเราข้างนอกบ้าง เพราะตั้งแต่เรามา ก็อยู่และเจอกันแต่ในบ้านเค้า ☺️เขินไปอีก

    อีกไม่กี่วัน ก็จะกลับละค่ะ เรามารอบนี้ อาทิตย์กว่าๆค่ะ
    เค้าบอกก่อนกลับจะพาไปที่ที่อยากไปนะ อยากไปไหนบอกนะ นี่ก็ดีใจ กางแผนที่ท่องเที่ยวเลยจ้า ถ่ายรุปส่งสถานที่ที่อยากไป สองที่ ไม่ไกลมาก อยู่ในเมืองโตเกียว นางก็เซเยสมา (เรานี่ยิ้มเลย)

    แต่แล้ว อีกสองวันนางบอก นางจะมีประชุมตอนเที่ยงของวันนั้นนะ เราก็โอเคไม่เป็นไร กะว่าจะเก็บกระเป๋ารอ เพราะวันรุ่งขึ้นเราก็จะกลับแล้ว พอใกล้ๆวัน นางบอก ผมมีอีก 1 ประชุมที่ต้องไป (แอบเศร้าเลย) แต่ก็บอกไป ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ เราไปเองได้ (จริงๆ เราชำนาญการหลงคนเดียว 555) ก็ช้อปคนเดียวตลอดนี่หน่า
    เลยบอกนางไปว่า วันกลับถ้าคุณยุ่งไปส่งไม่ได้ บอกได้นะ ชั้นกลับเองได้ นางยื่นคำมาเลย I can do it! ?
    เราก็บอกไม่ซีเรียสน้า วันที่ว่าจะไปเที่ยว เปลี่ยนเป็นดินเนอร์กันแทนก็ได้ นางก็ถามเคยทาน Nobe มั้ย จะทำให้ทานนะ
    พอถึงวันนั้น เราไปเที่ยวทั้งวัน จนกลับมาเกือบห้าทุ่ม เพราะนางบอกนางจะถึงบ้านประมาณนั้น พอมาถึงบ้าน อ้าวกลับมาแล้ว และไม่มีโนเบะ นางบอกอ้าวนึกว่ากินข้าวแล้ว เพราะนางถามเราตอนหัวค่ำว่ากินอะไรยัง เราบอกเรากิน fish&chip ไปเมื่อเย็น และบอกนางว่าถ้าหิวให้นางกินได้เลย?
    นางบอกเข้าใจผิดอ่า นึกว่าจะไม่กินแล้วเลยไม่ได้ซื้ออะไรมาเตรียมทำเลย งั้นทำสปาเก็ตตี้ให้กินนะ กินสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศได้มั้ย เราก็บอกโอเค? หนุ่มทำให้กินอะไรก็ได้หมดแหละ อิอิ (แอบกระดี๊กระด๊า) เหมือนเจ้าหญิง นางให้นั่งรอเฉยๆ จะดูก็ไม่ได้ ^^ เราก็ตื่นเต้นเนาะ อยากอยู่ใกล้ๆ จะกลับอยู่แล้ว
    กินอิ่ม หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แต่นางชวนคุยจ้าา อยู่มาเป็นอาทิตย์ไม่มีเวลาคุยกัน
    - นางชอบเจ ชนาธิป นักฟุตบอลไทย (ออกเสียงตลกมาก?)
    - นางอยากย้ายไปอยู่ไทย เปิด บ. ที่ไทย
    - อยากไปเที่ยวกรุงเทพและเชียงใหม่
    - ถามต้องเตรียมเงินเท่าไหร่ ถ้าไป 1 เดือน
    - ถ้าซื้อบ้านใช้เงินเท่าไหร่ กินอยู่ตกเดือนเท่าไหร่
    คุยกันจนหลับไป .....

    ตื่นเช้ามา เราก็รีบไปซื้อของมาทำกับข้าว เก็บและพับผ้าที่ตากไว้ จัดกระเป๋าเพิ่ม และทำอาหาร

    เวลาผ่านไปไวมาก ทำอาหารเสร็จ 10.30น. เราต้องออกจากบ้านกัน 11.00น. เพราะไฟล์ทบิน 14.25น.
    ปลุกนาง นางก็ต๊กใจตื่นน รีบลุกมากินอย่างไว แต่ก็นั่งรอจนกว่าเราจะมานั่งกินด้วยนะ
    นี่หน้าตาอาหารค่ะ ตามรูป ทำไม่เก่ง เพราะปกติไม่ทำเลย 555

    นางก็ทานจนหมด ของนางจานใหญ่ค่ะ^_^
    ทานเสร็จล้างจาน อาบน้ำแต่งตัว เราก็เก็บของนิดหน่อยต่อ
    นางก็ถาม อีก 15 นาทีออก ทันมั้ย นางอาบน้ำแต่งตัวไวมาก 5 นาทีเสร็จ 555 ถ้าเป็นคนไทยคงบ่นแล้ว หรือถ้าเป็นชาติเดียวกัน เราก็คงโดนบ่น
    เราก็บอกว่าทัน จะเสร็จแลัว นางก็บอกเดียวไปเอารถมารอนะ
    ลืมเล่า ตอนปลุกนางเราถาม ไปไหวมั้ย จะสายมั้ย จะกลับมาทำงานทันมั้ย เราไปเองได้นะ นางก็ยืนยันจะไปส่ง งานเด่วกลับมาทำได้

    พอเราเสร็จก็ ลงมารอนาง นางก็มาพอดี ไปล็อคบ้านเสร็จ ก็เดินไปเปิดรถยกกระเป๋า เปิดประตู สุภาพบุรุษมว๊ากกก เหมือนละคร
    ขณะเดินทางไปสนามบินนาริตะ เป็นช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันคุยกันนานที่สุดในรอบอาทิตย์ก็ว่าได้ ดีใจที่เค้ามาส่ง และเสียใจที่ต้องกลับแล้ว
    เมื่อคืนเค้าก็ถาม วีซ่ายุได้สั้นจัง ถ้าอยู่ยาวทำยังไงได้
    เราก็บอกถ้าขอวีมาเที่ยวหาเพื่อน หาแฟนได้แต่ต้องมีจดหมายเชิญนะ น่าก็อ้ออ แต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ

    อ่าาา ถึงสนามบินแล้ว ไวมว๊ากกเวลาแห่งความสุขที่ผ่านไป ก็ถึงเวลาอำลา ก็เซกู๊ดบายปกติ นางกเหมือนทำอะไรไม่ถูก ยกกระเป๋ามาวางรอ เราก็ไปหยิบรถเข็นมาใส่กระอป๋า นางช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถเข็นเสร็จ ก็ยืนบายๆ เราก็เข้าไปกอด แล้วก็ลา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพไว้เป็นความทรงจำ นางก็เกร็งๆ แล้วก็ลาขึ้นรถ เราก็ฌบกมืออีก นางก็ยังไม่ เราเลยเดินหันหลังยาวไปเลย นางก็ไม่ขับรถผ่านไปสักที จนเราเข้าไปเช็คอิน เช็คอินเสร็จแอบชะเง้อดูไม่เจอละ ใจมันหายมาก ไม่อยากกลับเลย

    แค่แชร์ประสบการณ์อยู่กับหนุ่มแดนปลาดิบ ความสัมพันธ์ที่ยังต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ
    คอมเม้นท์หรือแสดงความคิดเห็นได้นะคะ
    อยากทราบเหมือนกันว่า เค้าแสดงการกระทำแบบนี้เรียกชัดเจนแล้วหรือยัง หรือแค่เล่นๆ ไม่ได้จริงจังอะไร
    เราจะได้เก็บเรื่องนี้ไว้แค่ความทรงจำค่ะ แต่ก็ยังคุยกับเค้าทุกวัน เพราะรู้สึกชอบ ชอบมาก ผู้ชาย ญป คนนี้ไม่จู้จี้ ตามใจ อะไรก็ได้ ง่ายๆมาก นิสัยแบบนี้เลยที่หาที่ไทยไม่ได้ ถ้าเคเาชอบเราจริง เราจะไม่ปล่อยให้หลุดไปเลยค่ะ

    ขอความคิดเห็นห่ออยนะคะ
    ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Nanae K
    Nanae K
    Offline
    Saturday, December 15 2018, 10:56 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้คะ

    ผู้ชายญี่ปุ่นแต่ละคนไม่เหมือนกัน
    แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่พวกเค้าก็มีพฤติกรรมร่วมกันบางอย่าง เพราะพวกเขาเหล่านั้นเติบโตมาในกรอบวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมเดียวกัน

    ขอแชร์ประสบการณ์นะคะ
    ความสัมพันธ์ระยะแรกของเรากับแฟนก็คล้ายๆ เจ้าของกระทู้ ชวนให้หงุดหงิด รำคาญใจไปว่า เอาไงดีในความสัมพันธ์

    สิ่งที่น่าจะทำได้ดี คือ ทำตัวเราให้ดูดี มีคุณค่า และพัฒนาตัวเองเสมอคะ และอย่าเอาใจไปติดกับเค้ามาก สร้างคุณค่าให้ตัวเอง อย่าได้คิดว่าการมีแฟนญี่ปุ่นจะเอาไว้ปรับทุกข์ บ่นเรื่องสัพเพเหระให้ฟังได้ยาวๆ แบบชายไทย มันอาจจะยากสำหรับผู้หญิงไทย แต่เรามีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นหนิคะ

    หากเจ้าของกระทู้มีแฟนในวัยทำงาน อยากให้นึกไว้ว่า การมีแฟนญี่ปุ่นในวัยทำงาน คือ ช่วงเวลาที่ยากลำบาก คนญี่ปุ่นมีความจริงจังในการทำงาน และมองไปที่อนาคต การจะคบใครสักคนอย่างจริงจังจึงต้องทำตัวเองให้มั่นคง แน่นอนก่อน ยิ่งแล้วใหญ่หากมีแฟนเป็นคนต่างชาติ หนทางมันยิ่งไม่ง่ายเลยนะ เครียดทั้งเรื่องงาน แฟนก็จะเรียกร้องเอาความดูแลใส่ใจ และเรียกหาคำมั่นสัญญา มันก็ยิ่งจะไปกันใหญ่

    มีคำแนะนำว่า ก่อนที่จะถามเรื่องของเรา
    ลองถามเค้าใหม่ดีมั้ยคะ ว่า
    อะไรคือเป้าหมายในชีวิตเค้าอันใกล้นี้
    การประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน?
    การตั้งรกรากที่ไหนสักแห่ง? การมีครอบครัว?
    ในแผนอนาคตอันใกล้มีเราในความจริงจังมั้ย?
    อะไร คือ สิ่งที่เค้าโฟกัส

    อย่าไปกดดันเค้าเลยนะคะ

    หากมันยังไม่มีเราในแผนอนาคตอันใกล้นั้นล่ะ?

    ก็อย่าได้คิดมากคะ หากเรารักเค้าก็จงเป็นกำลังใจให้กัน
    ร่วมสู้และอดทนไปกับเค้าคะ และถามตัวเราเองว่าเราพร้อมสำหรับเป็นแฟนคนญี่ปุ่นมั้ย
    เราเป็นพวกขี้เหงาต้องการเวลาจากแฟน?
    หากเราต้องการความชัดเจน คำมั่นสัญญาในความสัมพันธ์ตอนนี้? หากคิดว่าเราคือคนแบบนั้น ก็ยากเลยล่ะคะสำหรับแฟนญี่ปุ่น


    ถ้าหากเค้ายังอยากจะมีเรา
    และเราอยากมีกัน ก็ขอกันและกันครึ่งทางดู

    ก็ขอให้เค้าพยายามเพื่อเราสักนิดหน่อยได้มั้ย
    เช่นว่า อย่าไม่ตอบไลน์ ตอบสั้นๆ หรือทักสั้นๆ อย่าหายไป
    (เราก็เคยบอกแฟนเราแบบนี้ เค้าก็โอเคทำให้ จริงๆ เค้าบอกเราว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นไม่ชอบให้คอยจุกจิก และไม่ขออะไรแบบนี้ ตอนนั้นเราก็บอกเค้าว่าเราไม่ใช่คนญี่ปุ่น ถ้าคิดจะรักคนไทย เค้าเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนด้วย)
    และก็ขอให้ตัวเราเองครึ่งทางกับเค้าสักหน่อย

    ทั้งนี้หากผู้ชายแบบนี้ไม่ใช่คนที่เจ้าของกระทู้ตามหา ก็แนะนำว่า ทิ้งไปเถอะค่ะ อย่าได้เสียดาย
    เชื่อว่าเจ้าของกระทู้เป็นคนน่ารัก หาคนที่มาดูแลจิตใจได้เสมอ เนอะ^^
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Unknow
    Unknow
    Offline
    Friday, April 12 2019, 11:43 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอบคุมากนะคะ
    อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยคะ


    Nanae Kเขียน:

    เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้คะ

    ผู้ชายญี่ปุ่นแต่ละคนไม่เหมือนกัน
    แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่พวกเค้าก็มีพฤติกรรมร่วมกันบางอย่าง เพราะพวกเขาเหล่านั้นเติบโตมาในกรอบวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมเดียวกัน

    ขอแชร์ประสบการณ์นะคะ
    ความสัมพันธ์ระยะแรกของเรากับแฟนก็คล้ายๆ เจ้าของกระทู้ ชวนให้หงุดหงิด รำคาญใจไปว่า เอาไงดีในความสัมพันธ์

    สิ่งที่น่าจะทำได้ดี คือ ทำตัวเราให้ดูดี มีคุณค่า และพัฒนาตัวเองเสมอคะ และอย่าเอาใจไปติดกับเค้ามาก สร้างคุณค่าให้ตัวเอง อย่าได้คิดว่าการมีแฟนญี่ปุ่นจะเอาไว้ปรับทุกข์ บ่นเรื่องสัพเพเหระให้ฟังได้ยาวๆ แบบชายไทย มันอาจจะยากสำหรับผู้หญิงไทย แต่เรามีแฟนเป็นคนญี่ปุ่นหนิคะ

    หากเจ้าของกระทู้มีแฟนในวัยทำงาน อยากให้นึกไว้ว่า การมีแฟนญี่ปุ่นในวัยทำงาน คือ ช่วงเวลาที่ยากลำบาก คนญี่ปุ่นมีความจริงจังในการทำงาน และมองไปที่อนาคต การจะคบใครสักคนอย่างจริงจังจึงต้องทำตัวเองให้มั่นคง แน่นอนก่อน ยิ่งแล้วใหญ่หากมีแฟนเป็นคนต่างชาติ หนทางมันยิ่งไม่ง่ายเลยนะ เครียดทั้งเรื่องงาน แฟนก็จะเรียกร้องเอาความดูแลใส่ใจ และเรียกหาคำมั่นสัญญา มันก็ยิ่งจะไปกันใหญ่

    มีคำแนะนำว่า ก่อนที่จะถามเรื่องของเรา
    ลองถามเค้าใหม่ดีมั้ยคะ ว่า
    อะไรคือเป้าหมายในชีวิตเค้าอันใกล้นี้
    การประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน?
    การตั้งรกรากที่ไหนสักแห่ง? การมีครอบครัว?
    ในแผนอนาคตอันใกล้มีเราในความจริงจังมั้ย?
    อะไร คือ สิ่งที่เค้าโฟกัส

    อย่าไปกดดันเค้าเลยนะคะ

    หากมันยังไม่มีเราในแผนอนาคตอันใกล้นั้นล่ะ?

    ก็อย่าได้คิดมากคะ หากเรารักเค้าก็จงเป็นกำลังใจให้กัน
    ร่วมสู้และอดทนไปกับเค้าคะ และถามตัวเราเองว่าเราพร้อมสำหรับเป็นแฟนคนญี่ปุ่นมั้ย
    เราเป็นพวกขี้เหงาต้องการเวลาจากแฟน?
    หากเราต้องการความชัดเจน คำมั่นสัญญาในความสัมพันธ์ตอนนี้? หากคิดว่าเราคือคนแบบนั้น ก็ยากเลยล่ะคะสำหรับแฟนญี่ปุ่น


    ถ้าหากเค้ายังอยากจะมีเรา
    และเราอยากมีกัน ก็ขอกันและกันครึ่งทางดู

    ก็ขอให้เค้าพยายามเพื่อเราสักนิดหน่อยได้มั้ย
    เช่นว่า อย่าไม่ตอบไลน์ ตอบสั้นๆ หรือทักสั้นๆ อย่าหายไป
    (เราก็เคยบอกแฟนเราแบบนี้ เค้าก็โอเคทำให้ จริงๆ เค้าบอกเราว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นไม่ชอบให้คอยจุกจิก และไม่ขออะไรแบบนี้ ตอนนั้นเราก็บอกเค้าว่าเราไม่ใช่คนญี่ปุ่น ถ้าคิดจะรักคนไทย เค้าเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนด้วย)
    และก็ขอให้ตัวเราเองครึ่งทางกับเค้าสักหน่อย

    ทั้งนี้หากผู้ชายแบบนี้ไม่ใช่คนที่เจ้าของกระทู้ตามหา ก็แนะนำว่า ทิ้งไปเถอะค่ะ อย่าได้เสียดาย
    เชื่อว่าเจ้าของกระทู้เป็นคนน่ารัก หาคนที่มาดูแลจิตใจได้เสมอ เนอะ^^
    The reply is currently minimized Show
Your Reply