Ju Neen
Ju Neen
Offline
Resolved
0 votes
สวัสดีค่ะ ..เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ฉันไปเที่ยวโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นค่ะ แล้วฉันก็เล่นแอพนึงค่ะ ตอนกลับถึงกรุงเทพฉันเปิดใช้งานแต่โลเคชั่นยังอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ เพราะปิดโลไว้

ปรากฎว่ามีคนญี่ปุ่นคนนึงเขาทักฉันมาค่ะ คุยกันสักพัก เขาก็บอกว่า จริงๆ แล้วตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่กรุงเทพ แต่ช่วงวันหยุดเขาจึงกลับมาโอซาก้า และเขาจะอยู่ที่ไทยอย่างน้อยเป็นเวลา 5 ปีค่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าฉันไม่ได้สนใจอะไรเขาเท่าไหร่ค่ะ ฉันไม่เคยคุยหรือมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นก่อนหน้านี้เลยค่ะ มีคุยเป็นคนเอเชียแถบบ้านเราบ้างค่ะ สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ประมาณนี้ค่ะ

เราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ค่ะ โดยที่เขาจะเป็นฝ่ายทักฉันมาก่อนทุกครั้งค่ะ เราไม่ได้คุยกันทุกวันค่ะ แต่เขาจะไม่เคยหายไปเกินกว่า 2-3 วันเลยค่ะ บางวันก็ส่งมา good morning, good night ถามสารทุกข์สุขดิบปกติค่ะ นานๆ เข้าก็มีขอโทรมาหาบ้างค่ะ เป็น voice call แล้วเขาก็ทักมาฉันมากขึ้นค่ะ คือทุกวัน แต่ไม่บ่อยค่ะ อย่างน้อยวันละครั้ง แต่ทุกครั้งเขาจะเป็นฝ่ายทักมาก่อนค่ะ เขามีเอ่ยปากชวนไปเดทอยู่เรื่อยๆ ค่ะ แต่ฉันไม่เคยไปเลยค่ะ ทั้งๆ ที่ก็มีโอกาสไปกรุงเทพอยู่เรื่อยๆ (ฉันอาศัยอยู่ภาคเหนือค่ะ) ตัวฉันเองโสดมา 5-6 ปีแล้วค่ะ เลยเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ตอนนั้นก็เลยรู้สึกโอเคที่เขาเองก็ไม่ได้มาสนใจอะไรเรามาก แต่ก็ไม่เคยหายไปเลย

แล้วช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี้ เขาขอมาหาฉันค่ะ ฉันรู้สึกประทับใจในความตั้งใจครั้งนี้ของเขา ใจอ่อนเล็กน้อยค่ะ เพราะทุกครั้งที่เขาชวนฉันออกเดท เขาจะเป็นฝ่ายชวนไปเจอกันที่กรุงเทพเสียมากกว่าค่ะ เขาบอกว่าเขางานยุ่งมาก มีเวลาไม่เพียงพอที่จะมาหา และเขาจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ฉันทั้งหมด ซึ่งจริงๆ ฉันไม่มีปัญหาในส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ แค่รู้สึกไม่มั่นใจอะไรเลยค่ะ ถึงฉันจะคุยกับเขามา 2 ปี แต่ข้อมูลที่ฉันรู้เกี่ยวกับเขามีแค่ ตอนนี้เขาอายุ 35 ปีค่ะ ซึ่งมากกว่าฉัน 6 ปีค่ะ เขาโสด ไม่มีครอบครัว เขาบอกฉันว่าเขาโสดมา 3 ปีแล้วก่อนมาคุยกับฉัน เขาอยู่ที่โอซาก้าค่ะ เขามีพี่น้อง 3 คน อีก 2 คนแต่งงานหมดแล้ว ทำงานอะไรฉันจำไม่ได้ค่ะ เคยถามแค่ตอนครั้งแรกที่โทรมาค่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมาก

ฉันก็ไม่เคยเอ่ยปากถามอะไรเขาเลยค่ะ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และคิดว่าถ้าเขาอยากให้เรารู้อะไรมากกว่านี้เขาก็คงพูดเอง มีอยู่ครั้งนึงค่ะ มีอยู่ครั้งนึงฉันเห็นไอจีคนนึง (เป็นชื่อเขาค่ะ) ไบโอเขียนรายละเอียดเขียนว่าฉันอยู่เซี่ยงไฮ้ 2 ปี สำหรับธุรกิจ เป็นภาษาอังกฤษค่ะ ซึ่งฉันทราบว่าก่อนหน้านี้เขาอยู่เซี่ยงไฮ้มาค่ะ เลยมั่นใจว่าเป็นไอจีของเขา แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรค่ะ เพราะเหมือนเป็นการมาแอบส่องสตอรี่ของฉันเฉยๆ ค่ะ แล้วไอจีเขาก็ไม่มีอะไรเลย ตั้งเป็นส่วนตัว มี follower และ following เพียง 3 คน รูปก็ไม่มีด้วยค่ะ เลยไม่ได้สนใจที่จะถาม

ก็คุยกันมาเรื่อยๆ ปกติดีทุกอย่างค่ะ มีบอกคิดถึงบ้าง หมายถึงเขานะคะ จนกระทั่งวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมานี้ เขาถามย้ำฉันอีกว่าผมอยากเจอคุณมากจริงๆ เราคุยกันมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปีแล้ว ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้คุยกับใครนะคะ ฉันเลยตัดสินใจบอกเขาไปว่า โอเค ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาคุณที่กรุงเทพเอง เพราะฉันยังไม่สะดวกที่จะให้เขามาเจอครอบครัวของฉัน

ซึ่งตอนแรกเขาชวนฉันไปพักที่คอนโดเขาค่ะ แต่ฉันปฏิเสธ เขาจึงจองโรงแรมให้ดิฉันใกล้คอนโดที่เขาอยู่ เขาเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ดิฉันค่ะ ส่วนค่าตั๋วเครื่องบินเขาบอกว่าจะจ่ายให้ตอนฉันไปถึง แต่ฉันปฏิเสธที่จะรับค่ะ

ตอนแรกพอไปถึงฉันกังวลมากเพราะเครื่องดีเลย์ เคยได้ยินมาว่าคนญี่ปุ่นเขาตรงต่อเวลา เลยรู้สึกเป็นกังวล แต่พอดีเมื่อคืนเขาไม่สบาย เขาบอกฉันว่าตอนเช้าเขาจะไปหาหมอก่อนแล้วจะมารับฉันที่สนามบิน ฉันก็โอเค พอฉันไปถึงสนามบิน เขาบอกว่าเขายังทำธุระไม่เสร็จให้ฉันมาเจอที่โรงแรมได้ไหม ฉันก็โอเค นั่งแท็กซี่มาจากสนามบิน พอมาถึงเราก็ทักทายกันปกติ นี่เป็นครั้งแรกที่พบกันในตลอดระยะเวลา 2 ปีค่ะ ฉันเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ พูดคุยกันนิดหน่อย จากนั้นเราก็พากันออกไปทานข้าวค่ะ ตอนอยู่ข้างนอกเขาก็มีขออนุญาตจับมือนะคะ ก็เดินจับมือปกติ แล้วก็กลับเข้ามาที่พัก โรงแรมที่ดิฉันพักมีห้องรับแขกแยกกับห้องนอนค่ะ ตอนแรกก็กลัวแต่ท่าทางเขาก็ดูน่าไว้ใจค่ะ เขาก็พูดคุยถามโน่นนี่นั่นปกติค่ะ

เขาขอฉันเป็นแฟน ซึ่งจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาเคยขอฉันแล้วครั้งนึงค่ะ ตอน call แต่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเจอเขาเลย ฉันก็เลยปฏิเสธ และครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ ฉันไม่ได้ปฏิเสธ แค่ยังไม่ได้ตอบตกลง ฉันฟังเขาพูดจบ ฉันก็นิ่งเพราะตอนนั้นฉันยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากขนาดนั้น และก็สับสนด้วยค่ะ เพราะมันเป็นการเจอกันครั้งแรก แล้วก่อนหน้านี้ฉันเคยมีแฟนเป็นคนไทยคนเดียวค่ะ ฉันเลยตอบเขาด้วยคำถามว่า ทำไมถึงเป็นฉันละ? เขาบอกว่าเขาคุยกับฉันมานานมากแล้ว เขารักฉันที่ฉันเป็นคนรักครอบครัว เขาเคารพในทัศนคติและความจริงใจของฉัน ฉันเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งเขาก็เหมือนกัน แล้วเขาก็ถามฉันว่าความรักมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล? ฉันก็ยิ้ม แล้วตอบว่าขอเวลาฉันคิดสักหน่อย เขาบอกพรุ่งนี้ใช่ไหมเขาจะได้คำตอบ ฉันก็บอกค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะให้คำตอบ เพราะฉันจองตั๋วมา 2 วันค่ะ เขาชวนมาเคาท์ดาว ด้วย เลยคิดว่าพรุ่งนี้จะตอบว่าตกลง เขาก็โอเค เหตุการณ์ก็ปกติค่ะ จากนั้นเราก็ออกไปทานมื้อเย็นค่ะ เขาก็ทานยาลดไข้ และดื่มน้ำขิง เสร็จมื้อเย็นเราก็แยกย้ายกันกลับค่ะ ทุกอย่างปกติ

แล้วพอตอนเช้าอีกวัน (วันที่ 31 ธันวาคมค่ะ) เขาส่งข้อความมาว่าเขามีไข้ขึ้นสูงและจะแวะไปโรงพยาบาลอีกครั้ง ฉันก็โอเค ถามเขาว่าต้องการให้ฉันไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า เขาบอกไม่เป็นไรเสร็จแล้วเขาจะรีบมารับออกไปทานข้าว พอบ่ายเขาก็ส่งข้อความมาว่าเขาอยากพัก ไข้เขาข้ึนสูงมาก ขอเขากลับไปพักที่คอนโดได้ไหม ฉันเลยบอกว่าโอเค ได้ แล้วถามเขาว่าเคาท์ด้วยคืนนี้จะแวะมาไหม หรือว่าไม่ไหวจริงๆ ไม่เป็นไร ฉันเป็นห่วง เขาบอกว่าเขาไม่อยากให้ฉันติดไข้ ฉันเลยบอกว่าโอเค เข้าใจว่าเขาต้องการพัก พอค่ำๆ ฉันก็ทักทายไปถามอาการเขาปกติ ซึ่งเขาก็บอกเขานอนพักอยู่ที่คอนโด ถามว่ารู้สึกแปลกไหม รู้สึกค่ะ เพราะเขาดูป่วยจริง เขาทานยาหลังอาหาร แล้วดื่มน้ำขิงทั้งวัน แต่ไม่ได้ดูรุนแรงถึงขั้นที่จะไม่สามารถมาหาได้เลยค่ะ เพราะโรงแรมที่จอง อยู่ห่างจากคอนโดเขาเพียง 10 นาที แต่ก็เคารพในพื้นที่ส่วนตัวเขา

พอเช้าวันที่ 1 มกราคม ฉันก็เช็คเอ้าท์ นั่งแท็กซี่มาสนามบินเลยค่ะ ยอมรับว่าตอนนั้นโกรธมากค่ะ แต่ก็ไม่ได้อะไร ตอนเช้าเขาก็มีแค่ข้อความส่งมา Happy New Year และคำขอโทษ ฉันก็ตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร มันก็ไม่เลวร้ายมากสำหรับเดทแรกในรอบ 6 ปี พอเครื่องลงมาถึง (เขารู้เวลาบินของฉันค่ะ) เขาก็ทักมาว่าถึงหรือยัง ฉันก็บอกถึงแล้วค่ะ เขาก็โอเคพักผ่อนคุณคงเหนื่อยมาก

แล้วอาทิตย์ก่อน ฉันจึงส่งความไปถามว่าอาการดีขึ้นแล้วหรือยัง แล้วก็ขอโทษที่อาจแสดงพฤติกรรมอะไรที่ไม่โอเคกับเขา เพราะคิดว่าเขาอาจจะป่วยจริงๆ บวกกับการไปหาอ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับคนญี่ปุ่นมาบ้างแล้วนิดหน่อยค่ะ เขาก็ตอบมาถามกลับ ปกติค่ะ จากนั้นก็เงียบหายไปทั้งคู่ค่ะ

จนกระทั่งเมื่อวาน (18 มกราคม) ฉันถามเขาว่า คุณยังรู้สึกกับฉันเหมือนเดิมไหม ยังอยากที่จะเป็นแฟนฉันอยู่หรือเปล่า? เขาตอบกลับมาว่า ด้วยความสัตย์จริง ฉันเป็นผู้หญิงที่ดีมาก เขารักผู้หญิงที่รักครอบครัวและเคารพในทัศนคติของฉัน ฉันเป็นคนน่ารัก แต่เขารักฉันในแบบเพื่อนที่ดีคนนึง แล้วหวังว่าฉันจะทำตัวกับเขาเหมือนเดิมค่ะ ลงท้ายว่าไอเลิฟยูว์ ในใจมึนมากเลยค่ะ เหมือนโดนหมัดซัดมาที่หลางหน้าจังๆ ฉันตอบไปเพียงว่าแน่นอน ฉันจะเป็นเพื่อนที่ดีของคุณ..

ปล. เขาพูดไทยไม่ได้นะคะ เราสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษค่ะ

คำถามคือ
ฉันควรจะทำตัวอย่างไรต่อไปดีคะ? ตอนแรกคิดว่าจะเงียบไปเลย ก็ลองใจ ถ้าใช่คงวนกลับมาเจอกันอีก เพราะเขาก็ยังดูมีปฏิสัมพันธ์อยู่บ้าง แต่ในคำตอบมันก็ดูชัดเจนมากว่าตอนนี้เขาคิดกับฉันแค่เพื่อนไปแล้วค่ะ รบกวนช่วยบอกวิธีหรือแนวทางในการดำเนินความสัมพันธ์ให้มันได้ไปต่อในกรณีแบบนี้ด้วยค่ะ ฉันไม่ทราบวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นมาก่อนเลยจริงๆ ค่ะ การเดท หรือพฤติกรรมแปลกๆ ของคนญี่ปุ่นในการคบหาดูใจ ก็เลยทำตัวไม่ถูกเหมือนกันค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
Sunday, January 19 2020, 08:12 PM
Share this post:
Responses (3)
  • Accepted Answer

    Ju Neen
    Ju Neen
    Offline
    Sunday, January 19 2020, 08:15 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    Ju Neenเขียน:

    สวัสดีค่ะ ..เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ฉันไปเที่ยวโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นค่ะ แล้วฉันก็เล่นแอพนึงค่ะ ตอนกลับถึงกรุงเทพฉันเปิดใช้งานแต่โลเคชั่นยังอยู่ที่ญี่ปุ่นค่ะ เพราะปิดโลไว้

    ปรากฎว่ามีคนญี่ปุ่นคนนึงเขาทักฉันมาค่ะ คุยกันสักพัก เขาก็บอกว่า จริงๆ แล้วตอนนี้เขาทำงานอยู่ที่กรุงเทพ แต่ช่วงวันหยุดเขาจึงกลับมาโอซาก้า และเขาจะอยู่ที่ไทยอย่างน้อยเป็นเวลา 5 ปีค่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าฉันไม่ได้สนใจอะไรเขาเท่าไหร่ค่ะ ฉันไม่เคยคุยหรือมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นก่อนหน้านี้เลยค่ะ มีคุยเป็นคนเอเชียแถบบ้านเราบ้างค่ะ สิงคโปร์ ฮ่องกง มาเลเซีย ประมาณนี้ค่ะ

    เราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ค่ะ โดยที่เขาจะเป็นฝ่ายทักฉันมาก่อนทุกครั้งค่ะ เราไม่ได้คุยกันทุกวันค่ะ แต่เขาจะไม่เคยหายไปเกินกว่า 2-3 วันเลยค่ะ บางวันก็ส่งมา good morning, good night ถามสารทุกข์สุขดิบปกติค่ะ นานๆ เข้าก็มีขอโทรมาหาบ้างค่ะ เป็น voice call แล้วเขาก็ทักมาฉันมากขึ้นค่ะ คือทุกวัน แต่ไม่บ่อยค่ะ อย่างน้อยวันละครั้ง แต่ทุกครั้งเขาจะเป็นฝ่ายทักมาก่อนค่ะ เขามีเอ่ยปากชวนไปเดทอยู่เรื่อยๆ ค่ะ แต่ฉันไม่เคยไปเลยค่ะ ทั้งๆ ที่ก็มีโอกาสไปกรุงเทพอยู่เรื่อยๆ (ฉันอาศัยอยู่ภาคเหนือค่ะ) ตัวฉันเองโสดมา 5-6 ปีแล้วค่ะ เลยเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ตอนนั้นก็เลยรู้สึกโอเคที่เขาเองก็ไม่ได้มาสนใจอะไรเรามาก แต่ก็ไม่เคยหายไปเลย

    แล้วช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี้ เขาขอมาหาฉันค่ะ ฉันรู้สึกประทับใจในความตั้งใจครั้งนี้ของเขา ใจอ่อนเล็กน้อยค่ะ เพราะทุกครั้งที่เขาชวนฉันออกเดท เขาจะเป็นฝ่ายชวนไปเจอกันที่กรุงเทพเสียมากกว่าค่ะ เขาบอกว่าเขางานยุ่งมาก มีเวลาไม่เพียงพอที่จะมาหา และเขาจะจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ฉัน ซึ่งจริงๆ ฉันไม่มีปัญหาในส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ แค่รู้สึกไม่มั่นใจอะไรเลยค่ะ ถึงฉันจะคุยกับเขามา 2 ปี แต่ข้อมูลที่ฉันรู้เกี่ยวกับเขามีแค่ ตอนนี้เขาอายุ 35 ปีค่ะ ซึ่งมากกว่าฉัน 6 ปีค่ะ เขาโสด ไม่มีครอบครัว เขาบอกฉันว่าเขาโสดมา 3 ปีแล้วก่อนมาคุยกับฉัน เขาอยู่ที่โอซาก้าค่ะ เขามีพี่น้อง 3 คน อีก 2 คนแต่งงานหมดแล้ว ทำงานอะไรฉันจำไม่ได้ค่ะ เคยถามแค่ตอนครั้งแรกที่โทรมาค่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมาก

    ฉันก็ไม่เคยเอ่ยปากถามอะไรเขาเลยค่ะ เพราะคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และคิดว่าถ้าเขาอยากให้เรารู้อะไรมากกว่านี้เขาก็คงพูดเอง มีอยู่ครั้งนึงค่ะ มีอยู่ครั้งนึงฉันเห็นไอจีคนนึง (เป็นชื่อเขาค่ะ) ไบโอเขียนรายละเอียดเขียนว่าฉันอยู่เซี่ยงไฮ้ 2 ปี สำหรับธุรกิจ เป็นภาษาอังกฤษค่ะ ซึ่งฉันทราบว่าก่อนหน้านี้เขาอยู่เซี่ยงไฮ้มาค่ะ เลยมั่นใจว่าเป็นไอจีของเขา แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรค่ะ เพราะเหมือนเป็นการมาแอบส่องสตอรี่ของฉันเฉยๆ ค่ะ แล้วไอจีเขาก็ไม่มีอะไรเลย ตั้งเป็นส่วนตัว มี follower และ following เพียง 3 คน รูปก็ไม่มีด้วยค่ะ เลยไม่ได้สนใจที่จะถาม

    ก็คุยกันมาเรื่อยๆ ปกติดีทุกอย่างค่ะ มีบอกคิดถึงบ้าง หมายถึงเขานะคะ จนกระทั่งวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมานี้ เขาถามย้ำฉันอีกว่าผมอยากเจอคุณมากจริงๆ เราคุยกันมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปีแล้ว ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้คุยกับใครนะคะ ฉันเลยตัดสินใจบอกเขาไปว่า โอเค ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาคุณที่กรุงเทพเอง เพราะฉันยังไม่สะดวกที่จะให้เขามาเจอครอบครัวของฉัน

    ซึ่งตอนแรกเขาชวนฉันไปพักที่คอนโดเขาค่ะ แต่ฉันปฏิเสธ เขาจึงจองโรงแรมให้ดิฉันใกล้คอนโดที่เขาอยู่ เขาเป็นคนจ่ายค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ให้ดิฉันค่ะ ส่วนค่าตั๋วเครื่องบินเขาบอกว่าจะจ่ายให้ตอนฉันไปถึง แต่ฉันปฏิเสธที่จะรับค่ะ

    ตอนแรกพอไปถึงฉันกังวลมากเพราะเครื่องดีเลย์ เคยได้ยินมาว่าคนญี่ปุ่นเขาตรงต่อเวลา เลยรู้สึกเป็นกังวล แต่พอดีเมื่อคืนเขาไม่สบาย เขาบอกฉันว่าตอนเช้าเขาจะไปหาหมอก่อนแล้วจะมารับฉันที่สนามบิน ฉันก็โอเค พอฉันไปถึงสนามบิน เขาบอกว่าเขายังทำธุระไม่เสร็จให้ฉันมาเจอที่โรงแรมได้ไหม ฉันก็โอเค นั่งแท็กซี่มาจากสนามบิน พอมาถึงเราก็ทักทายกันปกติ นี่เป็นครั้งแรกที่พบกันในตลอดระยะเวลา 2 ปีค่ะ ฉันเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ พูดคุยกันนิดหน่อย จากนั้นเราก็พากันออกไปทานข้าวค่ะ ตอนอยู่ข้างนอกเขาก็มีขออนุญาตจับมือนะคะ ก็เดินจับมือปกติ แล้วก็กลับเข้ามาที่พัก โรงแรมที่ดิฉันพักมีห้องรับแขกแยกกับห้องนอนค่ะ ตอนแรกก็กลัวแต่ท่าทางเขาก็ดูน่าไว้ใจค่ะ เขาก็พูดคุยถามโน่นนี่นั่นปกติค่ะ

    เขาขอฉันเป็นแฟน ซึ่งจริงๆ ก่อนหน้านี้เขาเคยขอฉันแล้วครั้งนึงค่ะ ตอน call แต่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยเจอเขาเลย ฉันก็เลยปฏิเสธ และครั้งนี้ก็เช่นกันค่ะ ฉันไม่ได้ปฏิเสธ แค่ยังไม่ได้ตอบตกลง ฉันฟังเขาพูดจบ ฉันก็นิ่งเพราะตอนนั้นฉันยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากขนาดนั้น และก็สับสนด้วยค่ะ เพราะมันเป็นการเจอกันครั้งแรก แล้วก่อนหน้านี้ฉันเคยมีแฟนเป็นคนไทยคนเดียวค่ะ ฉันเลยตอบเขาด้วยคำถามว่า ทำไมถึงเป็นฉันละ? เขาบอกว่าเขาคุยกับฉันมานานมากแล้ว เขารักฉันที่ฉันเป็นคนรักครอบครัว เขาเคารพในทัศนคติและความจริงใจของฉัน ฉันเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่ดื่ม ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งเขาก็เหมือนกัน แล้วเขาก็ถามฉันว่าความรักมันไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล? ฉันก็ยิ้ม แล้วตอบว่าขอเวลาฉันคิดสักหน่อย เขาบอกพรุ่งนี้ใช่ไหมเขาจะได้คำตอบ ฉันก็บอกค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะให้คำตอบ เพราะฉันจองตั๋วมา 2 วันค่ะ เขาชวนมาเคาท์ดาว ด้วย เลยคิดว่าพรุ่งนี้จะตอบว่าตกลง เขาก็โอเค เหตุการณ์ก็ปกติค่ะ จากนั้นเราก็ออกไปทานมื้อเย็นค่ะ เขาก็ทานยาลดไข้ และดื่มน้ำขิง เสร็จมื้อเย็นเราก็แยกย้ายกันกลับค่ะ ทุกอย่างปกติ

    แล้วพอตอนเช้าอีกวัน (วันที่ 31 ธันวาคมค่ะ) เขาส่งข้อความมาว่าเขามีไข้ขึ้นสูงและจะแวะไปโรงพยาบาลอีกครั้ง ฉันก็โอเค ถามเขาว่าต้องการให้ฉันไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า เขาบอกไม่เป็นไรเสร็จแล้วเขาจะรีบมารับออกไปทานข้าว พอบ่ายเขาก็ส่งข้อความมาว่าเขาอยากพัก ไข้เขาข้ึนสูงมาก ขอเขากลับไปพักที่คอนโดได้ไหม ฉันเลยบอกว่าโอเค ได้ แล้วถามเขาว่าเคาท์ด้วยคืนนี้จะแวะมาไหม หรือว่าไม่ไหวจริงๆ ไม่เป็นไร ฉันเป็นห่วง เขาบอกว่าเขาไม่อยากให้ฉันติดไข้ ฉันเลยบอกว่าโอเค เข้าใจว่าเขาต้องการพัก พอค่ำๆ ฉันก็ทักทายไปถามอาการเขาปกติ ซึ่งเขาก็บอกเขานอนพักอยู่ที่คอนโด ถามว่ารู้สึกแปลกไหม รู้สึกค่ะ เพราะเขาดูป่วยจริง เขาทานยาหลังอาหาร แล้วดื่มน้ำขิงทั้งวัน แต่ไม่ได้ดูรุนแรงถึงขั้นที่จะไม่สามารถมาหาได้เลยค่ะ เพราะโรงแรมที่จอง อยู่ห่างจากคอนโดเขาเพียง 10 นาที แต่ก็เคารพในพื้นที่ส่วนตัวเขา

    พอเช้าวันที่ 1 มกราคม ฉันก็เช็คเอ้าท์ นั่งแท็กซี่มาสนามบินเลยค่ะ ยอมรับว่าตอนนั้นโกรธมากค่ะ แต่ก็ไม่ได้อะไร ตอนเช้าเขาก็มีแค่ข้อความส่งมา Happy New Year และคำขอโทษ ฉันก็ตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร มันก็ไม่เลวร้ายมากสำหรับเดทแรกในรอบ 6 ปี พอเครื่องลงมาถึง (เขารู้เวลาบินของฉันค่ะ) เขาก็ทักมาว่าถึงหรือยัง ฉันก็บอกถึงแล้วค่ะ เขาก็โอเคพักผ่อนคุณคงเหนื่อยมาก

    แล้วอาทิตย์ก่อน ฉันจึงส่งความไปถามว่าอาการดีขึ้นแล้วหรือยัง แล้วก็ขอโทษที่อาจแสดงพฤติกรรมอะไรที่ไม่โอเคกับเขา เพราะคิดว่าเขาอาจจะป่วยจริงๆ บวกกับการไปหาอ่านข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับคนญี่ปุ่นมาบ้างแล้วนิดหน่อยค่ะ เขาก็ตอบมาถามกลับ ปกติค่ะ จากนั้นก็เงียบหายไปทั้งคู่ค่ะ

    จนกระทั่งเมื่อวาน (18 มกราคม) ฉันถามเขาว่า คุณยังรู้สึกกับฉันเหมือนเดิมไหม ยังอยากที่จะเป็นแฟนฉันอยู่หรือเปล่า? เขาตอบกลับมาว่า ด้วยความสัตย์จริง ฉันเป็นผู้หญิงที่ดีมาก เขารักผู้หญิงที่รักครอบครัวและเคารพในทัศนคติของฉัน ฉันเป็นคนน่ารัก แต่เขารักฉันในแบบเพื่อนที่ดีคนนึง แล้วหวังว่าฉันจะทำตัวกับเขาเหมือนเดิมค่ะ ลงท้ายว่าไอเลิฟยูว์ ในใจมึนมากเลยค่ะ เหมือนโดนหมัดซัดมาที่หลางหน้าจังๆ ฉันตอบไปเพียงว่าแน่นอน ฉันจะเป็นเพื่อนที่ดีของคุณ..

    ปล. เขาพูดไทยไม่ได้นะคะ เราสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษค่ะ

    คำถามคือ
    ฉันควรจะทำตัวอย่างไรต่อไปดีคะ? ตอนแรกคิดว่าจะเงียบไปเลย ก็ลองใจ ถ้าใช่คงวนกลับมาเจอกันอีก เพราะเขาก็ยังดูมีปฏิสัมพันธ์อยู่บ้าง แต่ในคำตอบมันก็ดูชัดเจนมากว่าตอนนี้เขาคิดกับฉันแค่เพื่อนไปแล้วค่ะ รบกวนช่วยบอกวิธีหรือแนวทางในการดำเนินความสัมพันธ์ให้มันได้ไปต่อในกรณีแบบนี้ด้วยค่ะ ฉันไม่ทราบวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นมาก่อนเลยจริงๆ ค่ะ การเดท หรือพฤติกรรมแปลกๆ ของคนญี่ปุ่นในการคบหาดูใจ ก็เลยทำตัวไม่ถูกเหมือนกันค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Ju Neen
    Ju Neen
    Offline
    Sunday, January 19 2020, 09:20 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ซ้ำค่ะ**
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Sunday, January 26 2020, 06:26 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    สวัสดีค่ะ ^^

    อ่านแล้วก็แนะนำไม่ถูกเลยทีเดียว เดทแรกในรอบ 6 ปี พอเปิดใจเดทอีกครั้ง กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ถ้าเป็นตัวต้าเองก็คงเสียเซลฟ์เหมือนกัน

    คิดเล่นๆเนอะ ถ้าตอนนั้นขอเป็นพยาบาลชั่วคราว ดูแลเค้าในตอนที่ไม่สบาย เค้าอาจจะประทับใจก็ได้ แต่อย่างว่าเนอะ เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก จะไปวุ่นวายอะไรกับเค้ามากก็ไม่ได้ ถ้าเค้าไม่เอ่ยปากขอ และคนญี่ปุ่นขี้เกรงใจคนอื่น กลัวไปสร้างความลำบากใจให้คนอื่น จากเรื่องของตัวเอง (หลังแต่งงานได้เป็นเมียไม่มีคำว่าเกรงใจ 5555)

    ด้วยระยะเวลาที่เจอกันสั้น บวกกับที่เค้าไม่สบาย และระหว่างที่เจอกันก็ไม่รู้ว่าประทับใจหรือไม่ประทับใจอะไรบ้าง แต่มันจะมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ว่าคลิ๊กหรือไม่คลิ๊ก ถ้าคลิ๊กก็ไปต่อ ถ้าไม่คลิ๊กก็ลดสถานะลง

    ต้าเองก็เคยคุยคล้ายๆแบบนี้กับคนๆหนึ่งมาหลายปี ตอนคุยกันคือดีทุกอย่าง คิดว่ายังไงก็คนๆนี้แหละ ไม่เปลี่ยนใจแน่นอน แต่พอเจอกันจริงๆมันกลับไม่คลิ๊ก ไม่ใช่เค้าไม่ดีนะ เค้าดีแบบที่เค้าเป็น แต่ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่ ตอนที่เดทกันพยายามจะชอบเค้าให้เหมือนกับที่คุยกันในแชท แต่มันก็ฝืนความรู้สึกไม่ได้จริงๆ พอเค้ากลับประเทศไปแล้ว เราก็ต้องบอกเค้าตรงๆ ว่าเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้จริงๆ ทั้งๆที่พยายามจะชอบเค้าแล้วแต่ทำยังไงก็ฝืนความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ปรากฎว่าเค้าบล็อกเราเลยค่ะ 55555 เค้าเองก็คงจะเสียเซลฟ์มาก >_<

    ถ้าอยากสานสัมพันธ์ ลองเป็นฝ่ายรุกบ้างสิค่ะ (ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายรุกจีบผู้ชายก่อน) ลองขอเจอเค้าอีกครั้ง ไม่ต้องมีฟอร์ม ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องคิดแทนคนอื่น เอาความรู้สึกจริงๆตัวเองออกมา ชอบก็บอกชอบ อยากเจอก็นัดเจอเลย อะไรแบบนี้ค่ะ เว้นแต่ว่าเค้ามีสำรองแบบนี้ไว้หลายคน หยอดๆไว้ ไม่ตัดขาดแต่ก็ไม่สานสัมพันธ์ต่อ ดูยากสสสสส์
    The reply is currently minimized Show
Your Reply