Resolved
1 votes
สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ทุกคน เรื่องราวของเราค่อนข้างซับซ้อนนะคะ เป็นความเจ็บปวด ปน ความสุข ที่เรื้อรังมานานหลายปีแล้ว เราไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีจริงๆ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนเสียสละเวลาอ่าน เราก็ขอขอบคุณมากๆ เลยนะคะ แต่ถ้ามันยาวไป เราก็ขอโทษจริงๆ ค่ะ สามารถเลื่อนไปอ่านคำถามข้างล่างได้เลยนะคะ

ประมาณ 4 ปีที่แล้ว เราได้เจอกับผู้ชายญี่ปุ่นคนนึงที่ประเทศอเมริกา เค้าเป็นผู้ชายตัวสูงๆ สูงกว่าเรามาก หน้าตาน่ารัก แต่งตัวดี สะอาดสะอ้าน เป็นคนพูดคุยสนุก ยิ้มเก่ง ชอบแสดงท่าทางตลกๆ และหาเรื่องตลกๆ มาเล่าให้เราฟัง เค้าเป็นฝ่ายเข้ามาหาเราก่อน รู้จักกันผ่านเพื่อนอีกทีนึง แรกๆ เค้าจะเข้ามาประมาณชวนคุย แล้วพอเราบอกว่าเราทำอะไรอยู่ เค้าก็จะอาสามาช่วยทำ เช่น ตอนเรียนถ้าเราทำงานอยู่ที่ห้องสมุด เค้าก็จะอาสามาช่วยทำ หรือ ไม่ก็ซื้อขนมนมเนยมาให้ ตอนเราทำงานดึกๆ อยู่ที่ห้อง หรือ ห้องสมุด (เราสองคนเรียนสาขาเดียวกัน แต่เค้าเป็นรุ่นพี่ ตอนเราเริ่มเรียนเค้ากำลังจะจบ)

เรากับเค้ามีเวลาไม่นาน เราเพิ่งไปถึงอเมริกา แต่เค้ากำลังจะกลับ พวกเราจึงตัดสินใจอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาก่อนที่จะต้องจากกัน และตั้งใจว่าเราจะมีความสุขด้วยกันในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ ช่วงที่เราอยู่ด้วยกันมีทั้งความสุข และความทุกข์ไปพร้อมๆ กัน มันเหมือนมีเส้นบางๆ คั่นอยู่ระหว่างเรา เราคิดว่ามันคงเป็นเพราะเราอยู่ด้วยกันเร็วเกินไป ไม่มีเวลาเรียนรู้กัน เลยไม่เข้าใจกันในหลายๆ เรื่อง เรารู้สึกว่าเค้าไม่ได้คบเราแบบเปิดเผย เค้าไม่เปิดเผยความรู้สึกเค้าเลย จนเราไม่แน่ใจว่าเค้ารักเราบ้างมั้ย แต่เราก็ปากหนัก อีโก้สูงเหมือนกัน ไม่เคยบอกเค้าว่าเรารักเค้าเหมือน จนวันนึง เราเกิดเรื่องเข้าใจผิดกัน เราเสียใจแต่ไม่พูด เค้าก็ไม่เข้าใจ จนทำให้เราจบกันไปแบบไม่ดีเลย ไม่พูดกัน ประกอบกับเป็นเวลาที่เค้าต้องเดินทางกลับญี่ปุ่นพอดี ก่อนกลับเค้าเคยมาหาเราที่หอ มาคุกเข่าลงต่อหน้าเรา กอดเรา เพื่อขอคืนดี แต่เราไม่ยอม เราไม่ให้เค้าเข้ามาในห้อง และ ไม่ยอมติดต่อกับเค้า สุดท้ายเค้าก็บล็อคเฟสเราแล้วจากไป และไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย

เราเสียใจมากกับการที่เราไม่ให้โอกาสเค้าในครั้งนั้น แต่เราไม่มีทางจะเรียกอะไรกลับคืนมาได้อีกแล้ว ข้อความสุดท้ายจากเค้าคือ อีเมลล์บอกเราว่า เค้าจะคิดถึงเรา ...

เราไม่ได้ข่าวจากเค้าอีกเลยนับจากวันนั้น เราเองไม่ติดต่อเค้า เค้าก็ไม่ติดต่อเรา ทุกอย่างมันจบลงไปแบบนั้นเอง เราเองก็ใช้ชีวิตต่อไป ลืมๆ เรื่องราวพวกนั้นไป เค้าเองก็คงเหมือนกัน

2 ปีต่อมา เราได้มีโอกาสมาญี่ปุ่น เราเลยคิดถึงเค้าขึ้นมา เลยเมลล์หาเค้า เค้าไม่ตอบกลับมา เราก็เข้าใจว่า มันจบแล้ว เค้าไม่ตอบกลับมา ก็ถูกแล้วนี่ จนเราบินกลับอเมริกา หลายเดือนต่อมา เค้าก็ตอบกลับมาว่าเค้าไม่ได้ใช้เมลล์นี้ เลยเพิ่งเห็น เค้าชวนเราคุย ดูตื่นเต้นที่ได้คุยกัน แต่ก็แค่นั้นนะคะ ไม่ได้คุยอะไรกันมาก แบบหลายเดือนคุยกันที จนมาปีนี้ เราจะต้องมาทำงานที่ญี่ปุ่นเป็นเวลา 4 เดือน เราตัดสินบอกเค้าไป อยากรู้ว่าเค้าจะว่ายังไงบ้าง อย่างน้อยจะได้มีเพื่อนพอเรามาถึงญี่ปุ่น เค้าดูดีใจมาก อยากเจอเรา แล้วบอกว่าเค้าคิดถึงเรา ... แต่เราบอกเค้าไปว่าเรามีคนท่ีคุยอยู่แล้ว เค้าก็เงียบไปหลายเดือน สองสามเดือนเค้าก็เมลล์มาใหม่ ทำเหมือนไม่ได้ยินที่เราบอก แล้วชวนคุยเรื่องมาญี่ปุ่นของเราแทน ก็คุยกันเรื่อยๆ ช่วยดูเรื่องเอกสาร เค้าบอกว่าถ้าเราหาที่พักไม่ได้ มาพักห้องเค้าก็ได้ แล้วก็คุยเรื่องอื่นๆ กันอีก ประมาณเฉลี่ยเมลล์หากันเดือนละ 1-2 ครั้ง

จนเราเดินทางมาญี่ปุ่น เค้าก็ให้เราแอดไลน์เค้า แล้วบอกว่าโทรหาเค้าได้ตลอดเวลา เค้าจะพยายามตอบ ถึงแม้จะทำงานอยู่ก็ตาม ตอนนั้น เราไม่ได้คิดอะไรมาก ก็คุยกันปกติ คุยเรื่องทั่วๆ ไป ไลน์หากันทุกวัน ก็ถือว่าเค้าช่วยเราได้มากๆ ในช่วงแรกๆ ที่เรากำลังปรับตัวอยู่ในประเทศนี้ ก็คุยกันไปเรื่อยๆ จนมาคืนนึง เหมือนเป็นคืนเปิดใจ เราไม่แน่ใจว่าคุยอะไร ทำให้เราทั้งสองคนเปิดใจขอโทษกันในเรื่องที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ลงในรายละเอียดนะคะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอนนั้น แต่ก็ขอโทษกัน เค้าบอกว่าเค้าไม่เคยโกรธเราเลย เค้ามันไม่ดีเอง ขอโทษด้วยจริงๆ เราก็ขอโทษเค้ากลับไป ... แล้วเราสองคนก็เริ่มคุยกันถึงช่วงเวลาเก่าๆ ของพวกเรา จากวันนั้น ความรุ้สึกเราเปลี่ยนไปมาก ทุกภาพความทรงจำมันกลับมาฝังอยุ่ในหัวเราอีกครั้ง ทุกรอยยิ้ม ทุกเสียงหัวเราะ มันกลับมาอีกรอบ สุดท้ายเราก็ยอมออกไปเจอเค้า (หลังจากมาอยู่ญี่ปุ่นได้เกือบเดือน เค้าเราไปทานข้าวตลอด แต่เราไม่พร้อมเลยยังไม่ได้ไป)

เรานัดทานมื้อเย็นกัน เรายังจำวินาทีแรกที่เราได้เจอกันอีกครั้ง หลังจาก 4 ปีที่จากกัน เราสองคนยิ้มให้กัน แล้วโผเข้ากอดกันแน่น ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากของพวกเรา มีแต่รอยยิ้มที่เหมือนได้เจอคนคุ้นเคยที่ห่างหายกันไปนาน เค้าดูเปลี่ยนไปนิดหน่อยตามเวลาที่ผ่านไป เราก็คงเปลี่ยนไปเหมือนกัน เราสองคนไปทานมื้อเย็น แล้วไปดื่มกันต่อ เค้าดูแลเราดีมาก เทคแคร์ทุกอย่าง เราคุยกันจนแทบเลยเวลากลับบ้าน หัวเราะกันทั้งคืนกับหลายๆเรื่อง เป็นคืนที่สนุกมาก ใครจะว่าเราง่าย เราก็คงง่ายจริงๆ คืนนั้น จบลงที่ห้องเราเอง เราไม่รุ้จะพูดยังไง ความรู้สึกเดิม มันกลับมาทั้งหมด กลิ่นที่เราคุ้นเคย ความสัมผัสที่เราคุ้นเคย ทุกอย่างมันวนกลับมา แล้วก็กำลังจะฆ่าเราในวันนี้ (เรารู้ว่าเราทำผิด เรากำลังจะทำให้มันถูกอยู่ ขอร้องอย่าว่าเราเลยนะคะ)

หลังจากนั้น อาทิตย์ถัดไป เรารู้สึกว่าเค้ากลับมาคุยกับเราน้อยลงอีกแล้ว ความรู้สึกเดิมๆ ว่าเราไม่สำคัญมันวกกลับมาอีกแล้ว ความรู้สึกว่าเราไม่ใช่ตัวจริง เราไม่มีตัวตน จริงๆ เค้าก็ยังคุยกับเราทุกวันนะคะ แต่น้อยลง เราเลยถามตรงๆ ว่าเค้าไม่อยากคุยกับเราเหรอ เค้าบอกว่าไม่ ทำไมล่ะ เค้าบอกเค้าไม่ได้คิดแบบนั้น เค้าบอกว่าเค้ายุ่งจริงๆ งานยุ่งมาก เราก็เชื่อเค้านะ เพราะตอนนี้ได้ Search อ่านนิสัยใจคอของผู้ชายญี่ปุ่นมาบ้างแล้ว ก็โอเคกันไป ต่อมาก็ยังคุยกันต่อไปเรื่อยๆ ทุกวัน แต่ไม่ได้คุยกันมากนักในแต่ละวัน เจอกันเฉลี่ย 1-2 อาทิตย์ครั้ง

เวลาเจอกันแต่ละครั้ง เค้าก็จะดูแลเอาใจใส่เราดีมาก ยกตัวอย่างเช่น เราบอกอยากให้เค้าทำกับข้าวให้เราทาน เค้าก็มาทำให้ทาน หรือว่า ตอนไปทานปิ้งย่างกัน พอจะถอดรองเท้าก็เข้าไปนั่งที่โต๊ะเค้าก็ช่วยเราเอารองเท้าไปเก็บในตู้ให้ พอจะใส่รองเท้ากลับเค้าก็หยิบมาวางให้เราใส่ ตอนทานอาหาร เค้าก็ผสมน้ำจิ้มให้เรา ผสมสลัดตักใส่จานให้เรา พอเนื้อมา เค้าก็ปิ้งให้เรา พอเราจับที่ปิ้งจะช่วยปิ้ง เค้าก็ดึงออกไปจากมือเรา แล้วบอกว่า ให้เรานั่งทานเฉยๆ เค้าจะทำให้เอง สรุปคือ เค้าทำให้ทุกอย่าง จนเราแอบคิดว่า เค้าไม่อายเหรอ โต๊ะอื่น ผู้หญิงทำให้ทั้งหมด ... เราคิดว่า เค้าน่าจะพยายามบอกเราอยู่ว่า เค้าไม่ได้ตั้งใจจะใช้เราให้เราทำทุกอย่าง แบบที่ ผู้ชายญี่ปุ่นบางคนทำกับผู้หญิง ... ระหว่างทาน ก็พูดคุยกัน เราถามเค้า เค้าก็พูดถึงอนาคตเค้าให้เราฟัง ว่าเค้าวางแผนไว้ยังไงบ้าง เจอกันกันก็มีความสุขกันดีค่ะ แต่สุดท้ายเค้าก็จะกลับบ้านเค้านะคะ ไม่ได้ค้าง หลังเลิกงาน บางครั้งเค้าก็จะชวนเราทานข้าว หรือ มีครั้งเราลองชวน เค้าก็ออกมาทานข้าว เดินเล่นกับเรา หลังเลิกงาน เค้าก็จะมานะคะ แต่ว่าถ้าเราชวนมาบ้าน เค้าจะไม่มานะคะ เพราะต้องทำงาน (หรือ อาจเป็นเหตุผลเพราะไม่อยากมา เราก็ไม่ทราบนะคะ)

สรุปก็คือ การกลับมาคุยกันครั้งนี้ของเราสองคน เรารู้สึกกว่าเค้าเปิดเรื่องของเค้าให้เราฟังมากขึ้น เรื่องครอบครัว มีการส่งรูปหลานๆ มาให้ดู มีการเล่าเรื่องงานให้ฟังบ้าง ชวนทำงานด้วยกัน เพราะเราเรียนสาขาเดียวกัน สนใจเรื่องเดียวกันค่ะ (แต่เรารู้สึกว่าเค้าพูดเรื่องงานกับเรามากไป เราอยากพูดเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องงานค่ะ) ... ส่วนตัวเรา ความรู้สึกก็เพิ่มมากขึ้นทุกๆ วัน จากที่แรกๆ ย้ำกับเค้าบ่อยๆว่าเราคุยกับคนอื่นอยุ่นะ ส่งข้อความถึงคนที่เราคุยต่อหน้าเค้า เพื่อจะย้ำว่าเรามาไกลที่สุดกันได้แค่นี้นะ หลังๆ มานี้ เราก็ไม่พูดถึงคนอื่นต่อหน้าเค้าอีกเลย ... ในเรื่องความรุ้สึกเค้า เราก็รู้สึกคลุมเคลืออยุ่ดีค่ะ ไม่รุ้เค้าคิดยังไงกับเรากันแน่ค่ะ

เรื่องราวคร่าวๆ ก็มีประมาณนี้นะคะ ขอรบกวนถามเพื่อนๆ หน่อยค่ะว่า

- ความรู้สึกเรามันท่วมท้นมากๆ เราผ่านความรู้สึกที่สับสนมากๆ ไม่รู้จะทำยังไงดี แต่เราคิดว่าถึง ณ เวลานี้ เรารู้ใจตัวเองแล้ว ว่าเราคงยังรักเค้าอยู่ แต่สิ่งที่เราไม่รู้ก็คือ เค้ารักเราบ้างรึเปล่า มันเจ็บจริงๆ เค้าไม่เคยพูดเลยว่าเรารู้สึกยังไง เราอ่านเค้ารู้สึกเค้าไม่ออก เค้าดูยุ่งมาก จนบางครั้งเหมือนไม่ได้อยากให้เวลากับเรา เช่น วันหยุด พอเค้าว่างจากการทำงาน แทนที่จะใช้เวลากับเรา เค้าก็จะเรียนคอร์สออนไลน์ อยุ่บ้านมากกว่า ตอนมาหาเราก็ไม่เคยใช้เวลาอยุ่ด้วยทั้งวัน แค่มื้อเย็น เรามีเวลาอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกไม่นาน เค้าก็ยังไม่พยายามมาอยู่กับกับเราให้มาก แบบนี้คือเค้าไม่ได้รักเรารึเปล่า?

- เราอยู่กับเค้าเหมือนเรากำลังเล่นเกมกันเลย ว่าใครจะทักใครก่อน เราเหนื่อยใจ บางทีเค้าทักเราก็ยกเรื่องงานมาอ้าง พอเราพูดแบบแซะๆ ว่าให้ให้เวลากับเราเหมือนงานบ้างได้มั้ย เค้าก็จะเฉไฉไปเรื่องอื่นค่ะ เราคิดว่าเค้าคงไม่ได้จริงจังอะไรกับเรา เพราะเวลาเราพยายามพูดนำให้เค้าพูดความรู้สึกตัวเองบ้าง เค้าก็จะเฉไฉไม่ตอบซะมากกว่าค่ะ


- บางทีเราก็อยากจะหยุดการติดต่อ บล็อคเค้าไปเลย เพราะเราเจ็บใจมากในจุดที่เราไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไง เราเหนื่อยใจมากที่รู้สึกว่าเราไม่สำคัญ แต่เราก็ไม่อยากวิ่งหนีเหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้วอีก เพราะถ้าเราวิ่งหนีไปโดยไม่พูดอะไรอีกคร้ง เราอาจจะพลาดไปตลอดชีวิตเลยในครั้งนี้ เราควรคุยกับเค้าตรงๆ ไปเลยถามว่าเค้ารักเราบ้างมั้ย ดีมั้ยคะ? จริงๆ แล้วเราเองก็ไม่อยาก กดดันเค้ามาก เพราะเค้าเคยบอกว่าเราถามคำถามเยอะ เค้ากดดันอยู่เหมือนกันค่ะ แต่เราเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ถ้าไม่สรุป ก็ให้มันจบไปเลยดีกว่ามาค้างๆ คาๆ อยู่แบบนี้

เราจำเป็นต้องทำให้ทุกอย่างเคลียภายในสองเดือนนี้ เพราะเราจะต้องกลับอเมริกาแล้ว เราไม่อยากให้มันค้างคาจริงๆค่ะ เราแค่อยากรู้ว่าเค้ารักเรา จริงจังกับเรามั้ย ถ้าเค้าจริงจัง เราก็พร้อมจะยกอนาคตเราให้ แต่ถ้าเค้าไม่ เราก็ถึงเวลาต้องตัดใจซักที ความคลุมเคลือ 5 ปีที่ผ่านมาจะได้จบไปซักที หวังว่าวันนึงเราคงจะลืมเค้าได้ค่ะ ขอบคุณทุกๆ คนที่เสียสละเวลาอ่านเรื่องของเรานะคะ
Friday, December 08 2017, 02:34 PM
Share this post:

Accepted Answer

anne
anne
Offline
Friday, December 29 2017, 12:44 PM - #Permalink
Resolved
0 votes
เป็นกำลังใจให้นะคะ อ่านข้อความคุณแล้วคล้ายๆกันเลยแต่คุณระยะเวลานาน

เราคงไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจาก "ถามหัวใจตัวเอง" ค่ะ

เราเคยผ่านทางเดียวกับคุณเลยคือไม่ไหวแล้ว สับสน แถมมีคนเข้ามาจีบเราเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(ชนิดที่ว่าอยากให้แฟนมาเห็นมากกกกก)
เราก็คุยนะคะไม่ปิดโอกาสตัวเอง แต่ก็พบว่า...ตัวแฟนเราเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือ ...ทักก็ตอบ ไม่ว่าทักกี่ครั้งก็ตอบแต่ไม่หวานเลยยยยย แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกับใครแล้วค่ะหลอกตัวเองไม่ได้

เราว่าตอนนี้คุณสับสนรวมทั้งมีห้วงเวลามาเกี่ยวด้วยมันยิ่งทำให้ลุกลี้ลุกลน

เราว่าคุณควรขอเวลาเขามานั่งคุยกันนะคะ จะได้ชัดเจนว่าไปต่อ ไม่ไปต่อ แต่เรื่องยกชีวิตให้เราไม่เห็นด้วยนะคะ แต่ควรพยายามไปด้วยกันต่างหาก
The reply is currently minimized Show
Responses (6)
  • Accepted Answer

    Friday, December 15 2017, 09:57 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    อ่านแล้ว เหมือนอ่านนิยายเลย
    ส่วนตัวคิดว่านี่เป็นปัญหาที่เกิดกับสาวไทยหลายๆคน
    ผู้ชายญี่ปุ่นหลายคนมักแสดงออกทางการกะทำมากกว่าคำพูด
    จะไม่เหมือนฝรั่งที่จะมานั่งบอกรักกันบ่อยๆ

    หลายคนที่คบคนญี่ปุ่นมักบ่นว่า ตอนอยู่ด้วยกันจะเป็นชาวงว่าที่มีความสุขมาก แฮปปี้
    แต่ตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน (ไม่ได้เจอกัน) เขาจะหาย
    ซึ่งจริงๆเป็นเรื่องปกติ
    เพราะฉะนั้น อย่าไปคิดว่าเป็นการเล่นเกมเลยค่ะ
    เขาเป็นแบบเขาอย่างนี้ ยิ่งเราคิดมาก สุดท้ายคนที่ทุกข์ก็คือเราเอง
    (เพราะเขาไม่ได้เก็บมาคิด)
    ปล่อยมันไปชิวๆดีกว่า เขาโทรมาก็ดี ไม่โทรมาก็ไม่เปนไร เราก็โทรไปเมสเสจไปก่อน (แต่อย่าคาดหวังว่าเขาจะตอบกลับทันที หรือจะรับสายเราได้ ยิ่งช่วงเวลางาน)
    จากปสก แฟนเก่าคนญี่ปุ่น เมสเสจหาวันละครั้งเองด้วยซ้ำ
    แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รัก
    คิดว่าไม่ควรวิ่งหนี มีอะไรก็ควรคุยกับเขา แต่ก็ไม่ควรงอแง คนญี่ปุ่นเขาจะไม่ค่อยดราม่าเรื่องความรักแบบหนุ่มไทย
    การจะคบกับคนญี่ปุ่นต้องอาศัยความเข้าใจมากๆค่ะ
    ยังไงเป็นกำลังใจให้นะคะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, January 12 2018, 03:25 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    anneเขียน:

    เป็นกำลังใจให้นะคะ อ่านข้อความคุณแล้วคล้ายๆกันเลยแต่คุณระยะเวลานาน

    เราคงไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจาก "ถามหัวใจตัวเอง" ค่ะ

    เราเคยผ่านทางเดียวกับคุณเลยคือไม่ไหวแล้ว สับสน แถมมีคนเข้ามาจีบเราเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(ชนิดที่ว่าอยากให้แฟนมาเห็นมากกกกก)
    เราก็คุยนะคะไม่ปิดโอกาสตัวเอง แต่ก็พบว่า...ตัวแฟนเราเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือ ...ทักก็ตอบ ไม่ว่าทักกี่ครั้งก็ตอบแต่ไม่หวานเลยยยยย แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้คุยกับใครแล้วค่ะหลอกตัวเองไม่ได้

    เราว่าตอนนี้คุณสับสนรวมทั้งมีห้วงเวลามาเกี่ยวด้วยมันยิ่งทำให้ลุกลี้ลุกลน

    เราว่าคุณควรขอเวลาเขามานั่งคุยกันนะคะ จะได้ชัดเจนว่าไปต่อ ไม่ไปต่อ แต่เรื่องยกชีวิตให้เราไม่เห็นด้วยนะคะ แต่ควรพยายามไปด้วยกันต่างหาก



    ขอบคุณมากนะคะ เรายอมแพ้ไปแล้วล่ะค่ะ เราคิดว่าเราพยายามจะเปิดใจคุยมากที่สุดเท่าที่เราทำได้แล้วล่ะค่ะ ถึงอาจจะไม่ได้ตรง 100% แต่เราก็ทำมากที่สุดที่อยู่ในขอบเขตที่เราสบายใจด้วย ถ้าแค่นี้ไม่พอ เราก็คิดว่าเค้ากับเราคงไปด้วยกันไม่ได้ค่ะ เราทำใจแล้วค่ะ ถ้าเกิดว่าเค้ารักเรา แต่ถ้าเป็นแบบนี้ เราก็ไม่คิดว่าชีวิตเราจะยอมรับได้เหมือนกัน นานขนาดนี้ยังจูนกับไม่เข้าใจเลย ก็อย่าเสียเวลากันดีกว่าค่ะ เราเลยเลือกถอยดีกว่า ขอบคุณมากๆ นะคะ :) ยังร้องไห้อยู่ ยังคิดถึง แต่ก็คุยกันแบบเพื่อนปกติ นานๆ ทีค่ะ เพราะต้องทำงานด้วยกันด้วย ยินดีด้วยนะคะ ที่เรื่องของคุณคลี่คลายไปได้ด้วยดี เราไม่โชคดีแบบนั้น อีกอาทิตย์เดียวเราก็จะบินกลับอเมริการแล้วล่ะค่ะ ต่อไปก็คงได้ Skype กันเรื่องงานเท่านั้น เจ็บ แต่ จบซักทีก็ดีเหมือนกันค่ะ ปวดใจมามากแล้ว
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, January 12 2018, 03:31 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    マイเขียน:

    อ่านแล้ว เหมือนอ่านนิยายเลย
    ส่วนตัวคิดว่านี่เป็นปัญหาที่เกิดกับสาวไทยหลายๆคน
    ผู้ชายญี่ปุ่นหลายคนมักแสดงออกทางการกะทำมากกว่าคำพูด
    จะไม่เหมือนฝรั่งที่จะมานั่งบอกรักกันบ่อยๆ

    หลายคนที่คบคนญี่ปุ่นมักบ่นว่า ตอนอยู่ด้วยกันจะเป็นชาวงว่าที่มีความสุขมาก แฮปปี้
    แต่ตอนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน (ไม่ได้เจอกัน) เขาจะหาย
    ซึ่งจริงๆเป็นเรื่องปกติ
    เพราะฉะนั้น อย่าไปคิดว่าเป็นการเล่นเกมเลยค่ะ
    เขาเป็นแบบเขาอย่างนี้ ยิ่งเราคิดมาก สุดท้ายคนที่ทุกข์ก็คือเราเอง
    (เพราะเขาไม่ได้เก็บมาคิด)
    ปล่อยมันไปชิวๆดีกว่า เขาโทรมาก็ดี ไม่โทรมาก็ไม่เปนไร เราก็โทรไปเมสเสจไปก่อน (แต่อย่าคาดหวังว่าเขาจะตอบกลับทันที หรือจะรับสายเราได้ ยิ่งช่วงเวลางาน)
    จากปสก แฟนเก่าคนญี่ปุ่น เมสเสจหาวันละครั้งเองด้วยซ้ำ
    แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รัก
    คิดว่าไม่ควรวิ่งหนี มีอะไรก็ควรคุยกับเขา แต่ก็ไม่ควรงอแง คนญี่ปุ่นเขาจะไม่ค่อยดราม่าเรื่องความรักแบบหนุ่มไทย
    การจะคบกับคนญี่ปุ่นต้องอาศัยความเข้าใจมากๆค่ะ
    ยังไงเป็นกำลังใจให้นะคะ


    ขอบคุณมากนะคะ สำหรับกำลงใจ เรายอมแพ้ไปแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้ว ยังคิดถึงยังร้องไห้ แต่เราเลือกเดินต่อไปในทางอื่นที่ไม่มีเค้าแล้วล่ะค่ะ
    จิตใจคนไม่เหมือนกัน การพยายามคนเดียวมันเหนื่อย ถ้าเค้าไม่ได้รักเรามากพอ ก็คงต้องยอมถอยกันแค่นี้แหละค่ะ เราพยายามเปิดใจเท่าที่เราจะทำได้แล้ว
    อีกไม่กี่วันเราจะบินกลับไปอเมริกาแล้วค่ะ ต่อไปถ้าต้องคุยก็จะเป็น Skype เรื่องงานอย่างเดียวค่ะ

    เราเลือกคบกับฝรั่งอีกคนแทนค่ะ ถึงตอนนี้จะไม่รัก แต่เรารู้สึกว่าเค้าควรค่าแก่ความรักของเรา แต่จะเป็นคนที่อยู่กับเราเวลาที่เราต้องการค่ะ
    สำหรับเรา ความรู้สึก Secure สำคัญมาก เราเลยเลือกทางนี้แทนค่ะ เจ็บมาก แต่ก็เป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้วค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Monday, February 19 2018, 01:25 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    อ่า NO COMMENT
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    anne
    anne
    Offline
    Wednesday, February 21 2018, 09:53 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เราไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาอ่านหรือเปล่านะคะ แต่เราอยากให้คุณมีความสุขกับชีวิตของคุณค่ะ
    แน่นอนว่าความรักที่มีของคุณมันจะไม่เคยลกลงเลย แต่ก็ต้องไม่ปิดโอกาสตัวเอง

    Enjoy your life!
    (เราพูดดูง่ายคุณอาจจะเถียงว่ามันยาก แต่อยากให้เชื่อว่าเราก็อยู่ ณ จุดที่คุณอยู่เหมือนกัน)

    ทุกวันเราตั้งคำถามตัวเองตลอดเวลา และเราก็ขบมันแตกว่า "ชีวิตนี้เป็นของเรา ถ้าการรักใครแล้วสูญเสียความเป็นตัวเอง ก็คงต้องหยุดมาทบทวน(อาจจะไม่ต้องถึงขั้นเลิกก็ได้)"
    ตอนที่เราคบกับแฟนญี่ปุ่นแรกๆ เราปรับตัวเยอะมาก นั่งถามตัวเองทุกวันว่าทำอะไรอยู่ เสียความมั่นใจไปเยอะ กว่าจะตื่นก็เกือบปี นอยด์เยอะมาก

    เราเลยเอาเวลาไปทำการกุศลค่ะ แรกๆก็แค่จะหนีความคิดตัวเอง แต่พอได้ไปทำก็ได้อะไรกลับมาเยอะ...คนรอบตัวว่าเราโตขึ้นเพราะแฟนคนนี้แต่เปล่าเลย...เราโตเพราะตัวเรานี่แหล่ะ


    สำหรับเราเวลาค่ะ...Right time ! แต่ไม่ใช่จะให้วางทุกอย่างไว้บนพรหมลิขิตนะคะ แค่อยากให้คิดว่าถ้าใช่ก็ใช่ ถ้ามันไม่ก็ไม่ แต่ถ้ามันไม่อยากจะให้ใช่ก็ต้องจูนขนานหนัก ซึ่งถามตัวเองว่าเหนื่อยไหม และสูญเสียความเป็นตัวเองไปไหม ถ้ามันเป็นแบบนั้น...เราว่าก็ถอยมามีชีวิตของตัวเองค่ะ เราเคยเห็นแฟนญี่ปุ่นเราจูนชนิด turn around มาหลายครั้งแล้วเพราะเราถอยหลังนี่แหล่ะ

    เพราะโดยส่วนตัวเราคิดว่าตอนที่เราคบกับคนญี่ปุ่นเราใส่กรอบให้ตัวเองค่ะ คิดนำ ทีนี้เราก็เลยรู้สึกอึดอัดเหมือนเอาเชือกพันตัวเอง let it be

    เราห่วงคุณนะคะ ^^ จงมีความสุขค่ะ สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดแล้วมีชีวิตอย่างที่คุณอยากจะเป็นไว้ก่อน
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Friday, September 14 2018, 04:34 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    anneเขียน:

    เราไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาอ่านหรือเปล่านะคะ แต่เราอยากให้คุณมีความสุขกับชีวิตของคุณค่ะ
    แน่นอนว่าความรักที่มีของคุณมันจะไม่เคยลกลงเลย แต่ก็ต้องไม่ปิดโอกาสตัวเอง

    Enjoy your life!
    (เราพูดดูง่ายคุณอาจจะเถียงว่ามันยาก แต่อยากให้เชื่อว่าเราก็อยู่ ณ จุดที่คุณอยู่เหมือนกัน)

    ทุกวันเราตั้งคำถามตัวเองตลอดเวลา และเราก็ขบมันแตกว่า "ชีวิตนี้เป็นของเรา ถ้าการรักใครแล้วสูญเสียความเป็นตัวเอง ก็คงต้องหยุดมาทบทวน(อาจจะไม่ต้องถึงขั้นเลิกก็ได้)"
    ตอนที่เราคบกับแฟนญี่ปุ่นแรกๆ เราปรับตัวเยอะมาก นั่งถามตัวเองทุกวันว่าทำอะไรอยู่ เสียความมั่นใจไปเยอะ กว่าจะตื่นก็เกือบปี นอยด์เยอะมาก

    เราเลยเอาเวลาไปทำการกุศลค่ะ แรกๆก็แค่จะหนีความคิดตัวเอง แต่พอได้ไปทำก็ได้อะไรกลับมาเยอะ...คนรอบตัวว่าเราโตขึ้นเพราะแฟนคนนี้แต่เปล่าเลย...เราโตเพราะตัวเรานี่แหล่ะ


    สำหรับเราเวลาค่ะ...Right time ! แต่ไม่ใช่จะให้วางทุกอย่างไว้บนพรหมลิขิตนะคะ แค่อยากให้คิดว่าถ้าใช่ก็ใช่ ถ้ามันไม่ก็ไม่ แต่ถ้ามันไม่อยากจะให้ใช่ก็ต้องจูนขนานหนัก ซึ่งถามตัวเองว่าเหนื่อยไหม และสูญเสียความเป็นตัวเองไปไหม ถ้ามันเป็นแบบนั้น...เราว่าก็ถอยมามีชีวิตของตัวเองค่ะ เราเคยเห็นแฟนญี่ปุ่นเราจูนชนิด turn around มาหลายครั้งแล้วเพราะเราถอยหลังนี่แหล่ะ

    เพราะโดยส่วนตัวเราคิดว่าตอนที่เราคบกับคนญี่ปุ่นเราใส่กรอบให้ตัวเองค่ะ คิดนำ ทีนี้เราก็เลยรู้สึกอึดอัดเหมือนเอาเชือกพันตัวเอง let it be

    เราห่วงคุณนะคะ ^^ จงมีความสุขค่ะ สูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดแล้วมีชีวิตอย่างที่คุณอยากจะเป็นไว้ก่อน



    ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ เรากลับมาอ่านแล้วซึ้งใจมากๆเลยค่ะ ตอนนี้หนุ่มญี่ปุ่นเราไม่คิดละค่ะ ดีใจที่ได้อ่านข้อความของคุณมากกว่าค่ะ :)
    เราออกจากญี่ปุ่นมาหลายเดือนละค่ะ แรกๆ ก็ได้คุยกันบ้างเพราะมีงานค้างกันอยู่ แต่พอจบงานก็แยกย้ายค่ะ ไม่ได้คุยกันมาหลายเดือนแล้ว
    เรารุ้สึกว่า ทำถูกละค่ะ ตอนนี้เราไม่มีอะไรค้างคาอีกแล้ว จบสนิทค่ะ รู้แล้วว่าเค้าคงไม่ใช่สำหรับเรา

    ไม่ใช่แค่เค้า แต่ตัวเราเองก็ไม่อยากมีชีวิตแบบที่เคยเป็นตอนมีเค้าในชีวิตเหมือนกันค่ะ
    ชีวิตเรา เราเลือกแล้ว ว่าไม่ต้องการแบบนั้น ก็เดินออกมา ตอนนี้มีความสุขละค่ะ
    ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับทุกกำลังใจ ถ้าเรามีโอกาสกลับไปญี่ปุ่นอีก หวังว่าจะมีโอกาสเจอกันนะคะ
    เราอยากเป็นเพื่อนกับคุณนะคะ ถ้าคุณกลับมาอ่าน ขอให้แอดไลน์มาคุยกันนะคะ Line Id: s5863
    ดีใจที่ได้คุยกับคุณจริงๆค่ะ

    ขอบคุณมากๆ จริงๆค่ะ จากใจ ขอให้คุณมีความสุขในทุกๆวันนะคะ <3
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
Your Reply