Resolved
0 votes
ติดตามที่คุณต้าร์เขียนมาตลอด แฟนเราก็นิสัยแบบที่คุณต้าร์บอกมาทั้งหมด

เค้ามีนิสัยที่เป็นญี่ปุ๊นนนญี่ปุ่น

สมัยคบกันใหม่ๆก็มีโปร - ก็ตอบไลน์เร็ว - ตอบไลน์ 2 ชั่วโมงครั้ง -ไปไหนบอก -ทำอะไรก็บอก ไม่เคยต้องให้ถาม

ตอนนี้ ไลน์ตอบ เช้า กลางวัน เลิกงาน นอน ถ้าเอาจริงๆเมื่อเทียบกับแฟนหยุ่นของคู่อื่น แฟนเราอาจจะถือว่าตอบเยอะ

แต่มันไม่ใช่ปกติของแฟนเราไงค่ะ เมื่อก่อนเค้าตอบเร็วมาก และพิมพ์มาแบบเยอะๆ ตอนนี้ตอบสั้น แบบสั้นมากๆ

บางครั้งมีเรื่องเครียดๆ อยากคุยกับเค้า ก็ต้องรอจนท้อ ยิ่งเห็นคำตอบสั้นๆ ยิ่งท้อ

เมื่อวันก่อน เราแอบไปเห็นเพื่อนสนิทเค้าบอกว่าจะออกทริปไปต่างประเทศอาทิตย์หน้า

เราเลยไปถามแฟนเราดู กลายว่า เค้ายอมรับว่าเค้าจองไปด้วย

แต่เค้าไม่เคยบอกเราเรื่องนี้เลย เราไม่ถาม เค้าก็คงไม่บอก

เกิดอาการน้อยใจ แบบหลายๆอย่างรวมกัน รวมถึงเรื่องนี้ด้วย เลยถามเค้าไปว่า ยังรักกันมั้ย?

เค้าก็ตอบทำนองว่ายังรัก แล้วตัดบทบอกฝันดี วันต่อๆมา เค้าก็ทำตัวปกติเหมือนเดิม

หลายๆอย่างที่เค้าทำมันก็คือความอินดี้ของหนุ่มประเทศนี้

เราพยายามเข้าใจเค้านะคะ ว่านิสัยเค้าเป็นแบบนี้ เค้าอยู่ในสังคมแบบนี้

แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ เรากำลังหลอกตัวเอง ให้ตัวเองเจ็บน้อยลงอยู่หรือเปล่า เค้าอาจจะกำลังเบื่อเรา เลยเริ่มตอบช้า เริ่มไม่บอกเรื่องต่างๆ

เราไม่แน่ใจตัวเอง ว่าเราคิดมากไปเอง หรือมันเป็นเรื่องปกติของคนญี่ปุ่น

ขอพื้นที่ระบาย เพราะกำลังหดหู่ใจเบอร์แรงมากค่ะ เพราะรักและรักมาก และไม่อยากให้รักมันจางไปมากกว่านี้
Monday, November 21 2016, 10:01 PM
Share this post:
Responses (9)
  • Accepted Answer

    Tuesday, November 22 2016, 05:19 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    อ่า ... ไม่อยากจะบอกว่า ก่อนหน้านี้เราก็อ่านบอร์ด อ่านอะไรแบบนั้นมาเหมือนกันสุดท้าย
    ก็เกิดคำถามแบบที่คุณ sneakers lady คิด และคำตอบของเราตอนนี้คือ

    ตัดเรื่องเชื้อชาติออกค่ะ ตัดออกมันไปเลย แล้วมองเค้าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง

    และเราก็เชื่อนะคะ เซ้นส์ ของผู้หญิงนี้ก็แม่นไม่น้อย เรื่องหมดโปร คิดว่าทุกคนจะเจอเหมือนกันหมด

    แต่อยู่ที่่ว่า แต่ละคู่จะจัดการยังไง เราคิดว่า ความสัมพันธ์ คือ การดีลกันค่ะ

    ดีลกันลงตัว ข้อตกลงแต่ละฝ่าย โอเค รับกันได้ ถึงได้คบกัน

    แต่ถ้ามาถึงจุดหนึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เริ่มไม่เป็นไปตามที่อีกฝ่ายต้องการแล้ว

    ก็เกิดการดีลที่ไม่สมดุล ถึงตอนนั้นต้องพูดคุยค่ะ พูดคุย ปรับปรุง ข้อตกลงใหม่

    แต่ถ้าไม่ดีขึ้น ต้องตัดสินใจแล้วค่ะว่า จะดีลกันต่อ หรือ เลิกดีล กัน

    ถ้ามันทรมานแล้วรุ้สึกว่าตัวเอง ต้องยอม ยอมคนๆหนึ่งจนมากเกินไป

    แบบนั้นไม่น่าเรียกว่ารักแล้วค่ะ รัก ที่ดีควร เห็นใจกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องพยายามไปคนเดียว


    อย่าได้แคร์ค่ะ ผุ้ชายยังมีอีกมาก อิอิ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Wednesday, November 23 2016, 01:27 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    @taeny_2312 S.taetae ยังเลือกที่จะดีลต่อค่ะ เรายังทำใจไม่ได้

    55555555555 ไว้มาช่วยซับน้ำตาเรานะ ถ้าถึงวันนั้น

    ฮือออ จะไม่คิด จะไม่คิด จะไม่คิดถึงวันนั้น
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    ZAM
    ZAM
    Offline
    Wednesday, November 23 2016, 02:51 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เราเห็นด้วยกับคุณ Taeny นะคะว่าอย่าเอาสัญชาติมาตัดสินอุปนิสัยของคนคนนั้นทั้งหมดค่ะ
    มันมีสิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิตในสังคมที่ส่งผลกับความคิดความอ่านในบางเรื่อง
    แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องแสดงออกเหมือนกันหมดค่ะ
    ทุกคนมาจากร้อยพ่อพันแม่เนอะ เป็นไปไม่ได้ที่จะนิสัยเหมือนกันหมดเป๊ะๆ

    อย่างแฟนเราก็ภูมิใจในญี่ปุ่น พูดถึงข้อดีของประเทศตัวเองตลอด ประมาณว่าถ้าเป็นที่ญี่ปุ่นนะ... บลาๆ
    แต่นิสัยของเขาเนี่ย ไม่ใช่คนญี่ปุ่นจ๋าแต่อย่างใดเลยค่ะ อาจเพราะไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ ม.ปลาย
    เขาเป็นตัวของตัวเอง กล้าแสดงออก มนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศซึ่งอาจจะขัดกับคนญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่ที่ขี้เกรงใจ ขี้อาย พูดจาอ้อมค้อมอะไรประมาณนั้น
    เขาเคยเอาไลน์ให้ดูว่าเขากำลังพิมพ์บอกกับเอเจนท์คนญี่ปุ่นที่จัดหาคอนโดว่า เนี่ย เขาต้องคิดคำพูดร่ายยาวก่อนจะเข้าเรื่องและบอกเราว่าเนี่ยแหละ
    สไตล์คนญี่ปุ่นต้องทำแบบนี้ประจำเวลาจะปฏิเสธอะไรกับใคร

    กลับมาที่เรื่องโปร ไอ้แบบเนี้ยมันทุกประเทศ ทุกสัญชาติล่ะค่ะที่เป็น พอเริ่มจาก 100 มันก็จะเห็นชัดเวลาที่มันไม่เสมอต้นเสมอปลาย
    สำหรับเรากับแฟน เราบอกแฟนเราว่าเราไม่ชอบให้คุยหรือติดต่อกันทั้งวี่ทั้งวันนะ แฟนเราเองก็ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ ให้เป็นเหมือนที่ผ่านมา
    พอมันเสมอต้นเสมอปลาย มันก็จะไม่รู้สึกขาดอะไรค่ะ

    ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ ค่ะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Wednesday, November 23 2016, 12:01 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เราว่าเคสคุณ มันคือ จุดธรรมดาของคุ่รักนะ แบบว่า ผ่านช่วงวิ้งๆๆมาแย้ว

    ยังไงก็ปรับตัวไปค่ะ ไม่น่ามีอะไรร้ายแรงหรอก เค้าเองก็ยังบอกรักอยู่


    Sneakers_ladyเขียน:

    @taeny_2312 S.taetae ยังเลือกที่จะดีลต่อค่ะ เรายังทำใจไม่ได้

    55555555555 ไว้มาช่วยซับน้ำตาเรานะ ถ้าถึงวันนั้น

    ฮือออ จะไม่คิด จะไม่คิด จะไม่คิดถึงวันนั้น
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Wednesday, November 23 2016, 01:33 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ก่อนอื่นขอขอบคุณที่ติดตามบล๊อกที่ต้าเขียนมาตลอดนะคะ (^____^)

    สิ่งที่ต้าเขียนเป็นภาพกว้างและจากประสบการณ์ที่ต้าและคนรอบข้างเคยเจอ

    ต้าจะบอกว่าเสมอว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่นทุกคนจะเป็นแบบนั้นแบบนี้หรือแบบที่ต้าเขียนลงไปทุกคนเสมอ

    ดีเทลปลีกย่อยลงไป นิสัยส่วนบุคคลจริงๆ ต้องคบและใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ไปคนๆค่ะ

    ทีนี้มาเรื่องของคุณ Sneaker ^^

    อย่างที่คำตอบข้างบนตอบไว้ การที่คน 2 คน คบกัน ลองตัดเชื้อชาติ ศาสนา ตัดทุกอย่างออก

    มองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เรากำลังศึกษาและเรียนรู้เขา

    จากนั้นมองถึงธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติที่คน 2 คนพอรู้จักกันใหม่ๆ

    อะไรที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่เคยทำ ก็พยายามทำ พยายามเปลี่ยน หันแต่ด้านดีเข้าหากัน

    เพราะอยากให้อีกฝ่ายประทับใจมากที่สุด (ต้าเรียกว่าพฤติกรรมใหม่ชั่วคราว)

    คบกันใหม่ๆมีเรื่องราวมากมายอยากแชร์ ทุกอย่างดูจะลงตัวมีความสุขจนล้น

    แต่พอคบกันไปสักพักหรือเริ่มนานขึ้น รู้จักกันมากขึ้น ไม่มีอะไรให้น่าค้นหา ทุกอย่างเริ่มกลับมาปกติ

    ผู้ชายจะคิดว่าตัวเองไม่ได้เปลี่ยน ยังเหมือนเดิม แต่อาจไม่ได้คุยมากเหมือนแต่ก่อน

    แต่ผู้หญิงมักจะจดจำเรื่องราวครั้งแรกที่ถูกปฎิบัติ เช่น แต่ก่อนเคยบอก เคยไลน์ตลอด

    แต่ทำไมทุกวันนี้ไม่เหมือนเดิม?? เปลี่ยนไป ไปไหนทำไม่ไม่บอกเหมือนแต่ก่อน?

    น้อยคนมากที่จะเสมอต้นเสมอปลายเหมือนครั้งแรกๆที่คบกัน

    ทีนี้พออยู่ไกลคนละประเทศ การที่พฤติกรรมเริ่มไม่เหมือนเดิม มักทำให้อีกฝ่ายคิดมาก

    บางคนเครียดเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องส่วนตัว แต่เรื่องบางเรื่องก็บอกเราไม่ได้จริงๆ

    นี่คือข้อเสียของรักทางทางไกล เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังทำหรือคิดอะไรหรือเปลี่ยนไปจริงๆ

    สิ่งที่ทำได้คืออดทนและพยายามปรับเข้าหากัน อาจแย้งว่า ทำไมเราปรับแค่ฝ่ายเดียว?

    ทำไม่เขาไปยอมปรับเข้าหาเรา? ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้วว่า ถ้าเขายังอยากรักษาความสัมพันธ์ไว้

    เขาก็ต้องทำอะไรสักอย่างหรือเลือกที่จะปล่อยเราไปแล้วเขาก็เป็นเขาอยู่แบบนั้น

    ลองจินตนาการตามต้านะ ........

    -->มีความสัมพันธ์ใหม่ --> เริ่มพฤติกรรมใหม่ (ชั่วคราว) เพื่อดึงดูดคนใหม่

    --> เวลาผ่านไป --> กลับไปเป็นเหมือนเดิม (นิสัยเดิม)

    ก็จะวนเวียนอยู่แบบนี้ พอเป็นคนต่างชาติ นอกจากนิสัยส่วนตัว จะมีสังคม

    วัฒนธรรม ความเชื่อ เข้ามาประกอบอีกครึ่ง หล่อหลอมเป็นคนนั้นๆขึ้นมา

    อาจเคยได้ยินว่าที่เขาว่า....ชีวิตคู่ยิ่งอยู่ด้วยกันไปนานๆ ยิ่งเห็นธาตุแท้กัน


    คนเรารักกัน เดินจับมือไปด้วยกัน ถ้าอีกฝ่ายรักมากเลยกุมมือแน่นเกินไป

    ทำให้อีกฝ่ายเจ็บและอึดอัดและอยากปล่อยมือออกในที่สุด


    เพราะรักมากเลยไม่อยากให้อะไรเปลี่ยนไป = ทำให้เราเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้มาก

    ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีอะไรมั่นคงถาวรและอยู่ตลอดไป

    นั่นคือกฎธรรมชาติ นั่นคือเรื่องจริงและเป็นเรื่องธรรดา

    ที่มันไม่ธรรมดาจนเราทำให้เราเป็นทุกข์ เพราะเราไปยึดถือไว้

    ว่าต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ ทุกอย่างต้องไม่เปลี่ยน พอทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวัง

    เลยทำให้เราเป็นทุกข์เพราะคาดหวังไว้มากนั่นเอง................

    ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้ อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับหรือเลือกทางเดินอื่น


    ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ (^___^)
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    koiki
    koiki
    Offline
    Saturday, December 03 2016, 01:29 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เคย คบๆ เลิกๆ มา สอง สาม คนแล้ว คะ ถ้าพูดถึงแค่ กับคนญี่ปุ่นนะ 555

    สมัยสาวๆ วันไนท์ ก็มีประปรายย แบบ พาร์ทเนอร์ไรงี้ (อย่าเพิ่งสะพรึงนะคะ ผู้หญิงญี่ปุ่นน่ากลัวกว่าเยอะ)

    ตอนนี้อยู่ตัวแล้วคะ

    บอกก่อนเลยนะคะ

    ว่าการ คบกัน มีแผนจะคบกันในระยะยาว จะมั่งคิดเอาเอง พิจารณาเอาเองไม่ได้หรอกคะ

    นี่ไม่ใช่การแต่งนิยายแจ่มใสนะคะ

    ผู้ชายทุกชาติ ก็เหมือนกันเหละคะ ติดแค่ว่า วัฒนธรรม ความคิด พื้นฐานครอบครัว นิสัยส่วนตัว ทำไห้เค้าต่างกัน

    จะมารอไห้เค้ายอมรับตัวเราได้ทั้งหมดในสิ่งที่เราเป็นไม่ได้นะคะ ถ้าอยากจะอยู่กันนานๆ แล้วจะมานั่งพิจารณา ฝ่ายชาย ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะ

    ต่างคนต่างต้องปรับตัวเข้าหากันคะ ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือ รอไห้เค้ารับได้ทุกสิ่งอย่าง

    แต่ไม่ได้บอกไห้ ใส่หน้ากาก ไห้ fake นะคะ แต่ไห้เรียนรู้เค้าแล้วปรับหาความสมดุลคะ ไม่จำเป็นต้อง fake เพราะถ้าเค้าชอบเราแบบนั้น

    แสดงว่าเค้าไม่ได้ชอบอะไรที่เป็นเลย เค้าแค่เราในแบบที่เราแสดงไห้เค้าดู พอแสดงจนเป็นนิสัยมันจะติดนะคะ จนคิดว่าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ

    แต่จะเหนื่อย ยิ่งพยายาม ยิ่งเหนื่อย พอมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจะเสียใจมากกว่าคนทั่วไปนะคะ เพราะลึกๆจะรู้สึกว่าชั้นพยายามมากเหลือเกิน

    สิ่งที่เราเป็นจริงๆ ถึงตอนนี้จะรับได้ วันไหนเค้าเจอคนที่เค้าชอบแบบที่ไม่ต้องยอมรับอะไร เพราะคนนั้นเป็นคนแบบที่เค้าต้องการอยู่แล้ว

    ระวัง เค้าจะไปแบบไม่ทันตั้งตัวนะคะ

    ถ้าคิดว่าตอนนี้เจ็บ ตอนนี้จาง ตอนนี้มันเปลี่ยนไป นี่เป็นเวลาที่ต้องถามใจตัวเองนะคะว่า

    ถ้าเค้ายังคงทำสถานการณ์ขึ้นๆลงๆ แบบนี้ เราจะไหวมั้ย ช่วงที่เค้าดี เรามีความสุข

    ช่วงที่เค้าเจือจางไป เราก็มานั่งทรมานแบบนี้อยู่คนเดียว ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แบบไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

    เราจะรับได้จริงๆมั้ย? ใช้เวลานี้ คุยกับตัวเองคะ ว่า จริงๆ แล้ว แบบนี้มันทำไห้เรามีความสุข จริงรึเปล่า?

    หรือแค่หลอกตัวเองไปวันๆ ช่วงมโน ใครๆ ก็มีคะ เราก็เคยมี แต่เลิกแล้ว เพราะมันไม่ช่วยอะไร เสียเวลา

    ถ้าจะลองปรับความเข้าใจกัน ลองถามเค้าดูนะคะ ว่า เป็นแบบนี้บ่อย ๆ เราเจ็บนะ เราไม่โอเค มีอะไรก็บอกกัน

    ช่วงที่เครียด มีปัญหา ไม่อยากคุยกับใคร อยากอยู่คนเดียว ก็บอกมาตรงๆ ไม่ใช่หายไปเฉยๆ อย่าคิดเองเออเองว่าเราเข้าใจเค้าด้วยนะคะ

    แต่ถ้าเค้าบอก ตรงๆ แล้วเรา เข้มแข็งพอจะเชื่อใจเค้ามั้ย? นี่เป็นปัญหาที่แท้จริงคะ

    ถ้าคุยกันแล้ว เค้าปรับตัวเองไห้เข้ากับเราไม่ได้ หรือไม่แม้แต่จะพยายาม

    ก็ต้องถามตัวเองนะคะ ว่าแบบนี้ ดีจริงๆหรอ?
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Sunday, December 04 2016, 03:04 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    Lost Princessเขียน:

    ก่อนอื่นขอขอบคุณที่ติดตามบล๊อกที่ต้าเขียนมาตลอดนะคะ (^____^)

    สิ่งที่ต้าเขียนเป็นภาพกว้างและจากประสบการณ์ที่ต้าและคนรอบข้างเคยเจอ

    ต้าจะบอกว่าเสมอว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่นทุกคนจะเป็นแบบนั้นแบบนี้หรือแบบที่ต้าเขียนลงไปทุกคนเสมอ

    ดีเทลปลีกย่อยลงไป นิสัยส่วนบุคคลจริงๆ ต้องคบและใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ไปคนๆค่ะ

    ทีนี้มาเรื่องของคุณ Sneaker ^^

    อย่างที่คำตอบข้างบนตอบไว้ การที่คน 2 คน คบกัน ลองตัดเชื้อชาติ ศาสนา ตัดทุกอย่างออก

    มองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เรากำลังศึกษาและเรียนรู้เขา

    จากนั้นมองถึงธรรมชาติ เป็นเรื่องปกติที่คน 2 คนพอรู้จักกันใหม่ๆ

    อะไรที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่เคยทำ ก็พยายามทำ พยายามเปลี่ยน หันแต่ด้านดีเข้าหากัน

    เพราะอยากให้อีกฝ่ายประทับใจมากที่สุด (ต้าเรียกว่าพฤติกรรมใหม่ชั่วคราว)

    คบกันใหม่ๆมีเรื่องราวมากมายอยากแชร์ ทุกอย่างดูจะลงตัวมีความสุขจนล้น

    แต่พอคบกันไปสักพักหรือเริ่มนานขึ้น รู้จักกันมากขึ้น ไม่มีอะไรให้น่าค้นหา ทุกอย่างเริ่มกลับมาปกติ

    ผู้ชายจะคิดว่าตัวเองไม่ได้เปลี่ยน ยังเหมือนเดิม แต่อาจไม่ได้คุยมากเหมือนแต่ก่อน

    แต่ผู้หญิงมักจะจดจำเรื่องราวครั้งแรกที่ถูกปฎิบัติ เช่น แต่ก่อนเคยบอก เคยไลน์ตลอด

    แต่ทำไมทุกวันนี้ไม่เหมือนเดิม?? เปลี่ยนไป ไปไหนทำไม่ไม่บอกเหมือนแต่ก่อน?

    น้อยคนมากที่จะเสมอต้นเสมอปลายเหมือนครั้งแรกๆที่คบกัน

    ทีนี้พออยู่ไกลคนละประเทศ การที่พฤติกรรมเริ่มไม่เหมือนเดิม มักทำให้อีกฝ่ายคิดมาก

    บางคนเครียดเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องส่วนตัว แต่เรื่องบางเรื่องก็บอกเราไม่ได้จริงๆ

    นี่คือข้อเสียของรักทางทางไกล เพราะเราไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังทำหรือคิดอะไรหรือเปลี่ยนไปจริงๆ

    สิ่งที่ทำได้คืออดทนและพยายามปรับเข้าหากัน อาจแย้งว่า ทำไมเราปรับแค่ฝ่ายเดียว?

    ทำไม่เขาไปยอมปรับเข้าหาเรา? ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้วว่า ถ้าเขายังอยากรักษาความสัมพันธ์ไว้

    เขาก็ต้องทำอะไรสักอย่างหรือเลือกที่จะปล่อยเราไปแล้วเขาก็เป็นเขาอยู่แบบนั้น

    ลองจินตนาการตามต้านะ ........

    -->มีความสัมพันธ์ใหม่ --> เริ่มพฤติกรรมใหม่ (ชั่วคราว) เพื่อดึงดูดคนใหม่

    --> เวลาผ่านไป --> กลับไปเป็นเหมือนเดิม (นิสัยเดิม)

    ก็จะวนเวียนอยู่แบบนี้ พอเป็นคนต่างชาติ นอกจากนิสัยส่วนตัว จะมีสังคม

    วัฒนธรรม ความเชื่อ เข้ามาประกอบอีกครึ่ง หล่อหลอมเป็นคนนั้นๆขึ้นมา

    อาจเคยได้ยินว่าที่เขาว่า....ชีวิตคู่ยิ่งอยู่ด้วยกันไปนานๆ ยิ่งเห็นธาตุแท้กัน


    คนเรารักกัน เดินจับมือไปด้วยกัน ถ้าอีกฝ่ายรักมากเลยกุมมือแน่นเกินไป

    ทำให้อีกฝ่ายเจ็บและอึดอัดและอยากปล่อยมือออกในที่สุด


    เพราะรักมากเลยไม่อยากให้อะไรเปลี่ยนไป = ทำให้เราเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้มาก

    ทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีอะไรมั่นคงถาวรและอยู่ตลอดไป

    นั่นคือกฎธรรมชาติ นั่นคือเรื่องจริงและเป็นเรื่องธรรดา

    ที่มันไม่ธรรมดาจนเราทำให้เราเป็นทุกข์ เพราะเราไปยึดถือไว้

    ว่าต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ ทุกอย่างต้องไม่เปลี่ยน พอทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เราคาดหวัง

    เลยทำให้เราเป็นทุกข์เพราะคาดหวังไว้มากนั่นเอง................

    ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้ อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับหรือเลือกทางเดินอื่น


    ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ (^___^)


    ขอบคุณคุณต้ามากนะคะ มันเป็นจริงตามที่คุณต้ากล่าวมาทั้งหมดเลยค่ะ

    แต่เรากลับมองว่า เราคงตัดเรื่องเชื้อชาติ วัฒนธรรม ออกไปไม่ได้ เพราะมันเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสำคัญในการเข้าใจกัน

    ผู้หญิงไทยมักเคยชินกับนิสัยของผู้ชายไทย เคยชินกับสิ่งที่แฟนคนไทยเคยทำ

    ซึ่งถ้าเราตัดเรื่องพวกนี้ไป ผู้ชายญี่ปุ่นจะเป็นผู้ชายที่ทำให้เรา งง กับการกระทำได้ตลอดเวลา และมันจะมาพร้อมความไม่เข้าใจกัน

    ได้อ่านบล๊อคตอนล่าสุดที่คุณต้าเขียน ก็จริงตามนั้นแหละค๊า 55555

    ปัญหาของคู่เรา น่าจะเป็นเรื่อง เค้าไม่ค่อยบอกค่อยเล่า ว่าตอนนี้เค้าเครียด เค้าเหนื่อยยังไง

    หลังจากเค้าไปเที่ยวมา เค้าก็กลับมาคุยปกติ ระหว่างไปเที่ยวก็ส่งรูปมาให้ดู

    เลยคิดว่า สิ่งที่หมดที่เกิดขึ้นมันน่าจะเป็นความเครียด ความเหนื่อย ที่เค้าเลือกจะจัดการของคนเดียว

    เราจะสู้ต่อไป เย้ :)
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Tuesday, December 06 2016, 06:30 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ดีใจจุงที่คุณ Sneakers คิดแบบนี้ เราเห็นด้วยมากๆค่า เชื้อชาติ วัฒนธรรม เกี่ยวมากๆ ยังไง สู้ต่อไปนะคะ ไม่เข้าใจกันบ้างก้อถือว่าเรียนรู้กันไป

    ของเรา ก็นอยบ่อยที่นางหาย แต่มารู้ทีหลังตลอดว่างานหนัก พองานเสร็จ ก็กลับมาเหมือนเดิม

    เป็นกำลังใจให้ค่า : )
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Kumako
    Kumako
    Offline
    Friday, December 23 2016, 02:16 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ไม่ได้เข้ามาดูซะนาน เจอคอมเมนต์คุณKoikiแล้วชอบมากค่ะ หลุดจากทุ่งลาเวนเดอร์ แซ่บเวอร์เผ็ดส์มากก ประสบการณ์แท้ แม่มาเอง
    เราว่าคู่จขกทถือว่าคุยกันบ่อยออกนะคะ ของเราถ้าเวลางานแทบจะไม่คุยกันเลย เลิกงานแล้วถึงจะคุยกันจนหลับ
    เราเข้าใจจขกทนะคะ เราก็เคยมึนๆกะเค้าอยู่เหมือนกัน พอเข้าเว็บนี้มาเลยถึงบางอ้อว่าอ๋ออออผชญปเค้าจะประหลาดๆแบบนี้555
    แต่!!! เราก็คิดแบบหัวข้อกระทู้นั่นแหละค่ะถึงขนาดเห็นหัวข้อกระทู้แล้วต้องกดเข้ามาดู มาคอมเมนต์ทั้งที่ตลาดวายไปแล้ว
    สำหรับเรามันไม่มีข้อยกเว้นว่าชาติไหนทั้งนั้น เวลามีอะไรขุ่นหมอง ไม่เข้าใจ เราจะพูดตรงๆ ถ้ารับได้ก็คบกันต่อ แต่ถ้าไม่โอเคก็let it goค่ะ
    โกรธก็แสดงออกโลด ถามเค้าไปเลยแบบมึนๆว่าคนญปเป็นแบบนี้หรอ ชั้นไทย คนไทยเป็นแบบนี้นะยูวววว
    ซึ่งนางก็มึนๆกับความไทยของอิชั้นเหมือนกัน แต่เราทั้งคู่ก็โอเคๆไม่เป็นไร ช่วยกันปรับไป

    รู้สึกไม่โอเคอะไรคุยกันไปเลยค่ะ คิดเองเออเองอยู่คนเดียวเครียดตายพอดี
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
Your Reply