boo moon
boo moon
Offline
Resolved
0 votes
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด และพบกับหนุ่มญี่ปุ่น ขอเรียกว่า J นะคะ

J เด็กกว่าเรา ทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่น เขามาเที่ยวคนเดียวแบบแบ็คแพคเกอร์ เรารู้จักกัน เพราะเราพักโฮสเทลที่เดียวกัน ในคืนนั้นเราจึงได้รู้จักกัน ทักทายกันธรรมดา พูดเรื่องการท่องเที่ยวที่ผ่านมาของแต่ละคน และแผนการท่องเที่ยวในอนาคต J เคยไปเที่ยวต่างประเทศโซนยุโรปหลายที่ ส่วนเราเคยเที่ยวแค่ในไทย J จึงขอถ่ายรูปกับเรา เราไม่ได้คิดอะไร เพราะเราก็มักจะถ่ายรูปกับเพื่อนใหม่เสมอ พร้อมกับแอด fb ของกันและกัน

เราอยู่ห้องเดียวกัน แต่ต้องการให้แต่ละฝ่ายมีเวลาส่วนตัว ต่างแยกย้ายไปที่เตียงของตัวเอง พอเที่ยงคืน J ทักเรามาว่านอนรึยัง เราจึงตอบกลับไปว่า ยังไม่นอน J ขออนุญาตมาหาเราที่เตียง เราก็ไม่ได้คิดอะไรอีกเช่นกัน เพราะคิดว่า J คงนอนไม่หลับ อยากมีเพื่อนคุย เราจึงตอบตกลงไป คุยไปคุยมา J ก็ลูบแขนบ่อย เราก็คิดว่า ยุงคงกัด ด้วยความเป็นห่วง จึงจับแขน J ตุ่มเยอะมาก ยุงกัด J เยอะมาก

ด้วยความเงียบ อยู่ด้วยกันสองต่อสอง .... อยู่ดีๆ J จุ๊บที่ปากเรา เราตกใจมาก 0_0 งงกับเหตุการณ์ เรารีบผละ J ออก แล้วถามว่าทำแบบนี้ทำไม มันไม่ถูกต้อง เราไม่ได้เป็นแฟนกัน J บอกขอโทษเรา พร้อมกับบอกว่า เธอน่ารัก ฉันจึงทำแบบนั้นลงไป พร้อมกับมองมาทางเราด้วยสายตาอ่อนโยน สื่อเป็นนัยว่า ขอโทษจริงๆ ทันใดนั้น อยู่ดีๆเพื่อนร่วมห้องก็เข้ามาที่ห้อง และนอนข้างๆเตียงที่เราอยู่ เราสองคนตกใจมาก ต่างคนต่างเงียบ ไม่กระดุกกระดิกตัว กลัวมีคนรู้ J บอกว่า เราต้องย้ายไปอีกเตียงที่ไกลจากตรงนี้ เขาอยากคุยกับเราต่อ ซึ่งตอนนั้นตี 1 กว่าแล้วค่ะ คิดในใจตูง่วงมาก แต่ก็ไม่รู้ทำไม ถึงตอบตกลง และย้ายไปคุยกันอีกเตียงนึง ที่ไกลจากตรงนี้ เราคุยกันนิดหน่อย เพราะเราก็คุยภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยเท่านั้น อาศัยพี่ google ช่วยแปลให้

J ก็นอนข้างๆเรา เขาบอกว่า เขาอยากอยู่แบบนี้นานๆ ด้วยความที่เราไม่ค่อยคิดมาก เราก็ปล่อยให้เขานอน จะรอให้เขาหลับสนิท แล้วค่อยย้ายไปนอนที่เตียงตัวเอง สุดท้ายคือ เราเผลอหลับตอนไหน ไม่รู้ เราจึงนอนข้างกันตลอดคืน กลางดีกเขาแอบจับมือเรา แต่ก็ไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้ เพราะถ้าทำ ตูตะโกนสุดเสียงแน่ 55

DAY 1 เช้าวันต่อมา เราก็ทักทายตอนเช้าปกติ เราจึงถาม J ว่า วันนี้ไปเที่ยวไหนหรอ J ตอบเรามา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เดียวกันที่เราจะไป J จึงชวนเราเที่ยวกัน เราจึงตอบตกลง อย่างน้อยเราก็มีเพื่อนเที่ยวเพิ่มมา
ระหว่างที่ไปเที่ยว เราทำตัวเหมือนแฟนกัน เดินจับมือกัน ถ่ายรูปคู่ร่วมกันแบบใกล้ชิด J สุภาพบุรุษมาก ใส่ใจเราทุกอย่าง ถามตลอดว่า เหนื่อยไหม กินน้ำไหม หิวไหม เราเที่ยวด้วยกันทั้งวัน

และความสนุกก็ใกล้หมดลง เรากลับไปที่โฮสเทล เพื่อไปเอากระเป๋าของ J เราอาสาไป J ที่สนามบิน เรานั่งรถเมล์ไปด้วยกัน เราจับมือกันตลอดเวลา เราไม่ค่อยคุยกัน ความเงียบเข้าครอบงำ มันรู้สึกแย่ที่ต้องจากกัน
ปกติเราก็เที่ยวคนเดียวบ่อยนะ รู้จักเพื่อนชาวต่างชาติใหม่ๆก็เยอะ แต่กับ J มันไม่ใช่

J เช็คอินเรียบร้อย แต่ยังไม่ถึงเวลาเข้า gate เราจึงไปนั่งคุยกัน เราจับมือกันตลอดเวลา ด้วยความที่อยากรู้และอยากให้มั่นใจ จึงถามไปว่า เมื่อคืนที่ J บอกเราว่า J โสด ไม่มีใคร มันคือเรื่องจริงไหม J ตอบกลับว่า แน่นอน ฉันโสด เชื่อฉันนะ ถ้าฉันมีแฟน ฉันจะไม่ชวนเธอไปเที่ยวด้วยกัน ... หลังจากประโยคนี้จบลง ใจเต้นแรงมาก มันหยุดไม่อยู่แล้ว ฟินอ่ะ คือดีอ่ะ สักพักมีน้ำตกไหลข้างเราค่ะ น้ำกระเด็นโดนไหล่อย่างต่อเนื่อง
น้ำตกที่ว่า มันก็คือ น้ำตาของ J นั่นเอง J บอกว่า ไม่อยากกลับญี่ปุ่นเลย เราถามไปว่า ทำไมล่ะ J ตอบเราว่า มันมีหลายเหตุผลนะ แต่เธอ คือหนึ่งในเหตุผลนั้น แอร๊ยยย คืออารายยย ฟินดอกที่สอง

J สัญญาว่า ถ้าเขามาไทยครั้งต่อไป เขาจะโทรหาเรา เพื่อนัดเจอกัน และถ้าเราไปญี่ปุ่น ช่วยบอกเขาด้วย ผมเฝ้ารอเวลาที่เราจะได้เจอกันอีกครั้ง อยากให้เธอไปญี่ปุ่นเร็วๆจัง แอร๊ยยย คืออารายยย ฟินดอกที่สาม

ได้เวลาที่เราจากกันจริงๆ J เดินเข้าไปใน gate เรารู้สึกจุกอก แน่นพูดไม่ออก และแล้วน้ำมันก็ไหลออกมา J ส่งข้อความมาหาเรา ขอบคุณที่มาส่ง ขอบคุณมากๆสำหรับทุกสิ่ง เธอกลับที่พักได้แล้ว และเดินทางไปที่พักด้วยความปลอดภัย ฉันจะไม่ลืมเรื่องราวที่เกี่ยวกับเธอ ประโยคที่พีค กรี๊ดแตก ที่สุด『Destiny come across each other some day.』 That word is so important for us.

กลับมาที่ห้องพัก มันเหงามาก เพื่อนร่วมห้องค่อนข้างเยอะในคืนนี้ แต่ทำไมรู้สึกโดดเดี่ยว เดียวดาย เราจะเที่ยวคนเดียวต่อยังไงดี ต้องอยู่ที่นี่อีกหลายคืน เอาน่า เที่ยวคนเดียวมาบ่อย แค่นี้จิ๊บๆ

DAY 2 เช้าวันต่อมา เป็นวันแรกที่เราจากกัน มีข้อความจากไลน์ เขาถึงญี่ปุ่นแล้วนะ เราเห็น J โพสรูปที่เที่ยวด้วยกัน พร้อมกับแคปชั่น “タイ人とデート” ด้วยความที่ไม่รู้ ภาษาญี่ปุ่นสักนิดเดียว จึงต้องใช้พี่ google ช่วยแปล มันแปลว่า เดทกับไทย แอบดีใจอยู่ลึกๆ แต่ตะโกนลั่นห้อง 555 เราก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ จึงถาม J ว่าคำนั้นแปลว่า อะไร J จึงตอบกลับมา เข้าทางเราสิ 555 เราจึงถามต่อเลยว่า เคยเดทกับใครไหมก่อนหน้านี้
J บอกว่า ฉันเคยเดทกับผู้หญิงที่ญี่ปุ่น แต่ที่เมืองไทย นี่เป็นครั้งแรกของฉัน เราบอก J ว่า ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเรา เธอสามารถถามเราได้นะ J จึงถามกลับมาว่า แล้วเธอล่ะ เคยเดทกับใครไหม เราตอบไปว่า เคย แต่ตอนนี้เราโสด แอบหยอดไปว่า ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงตกหลุมรักเธอ ฉันไม่ได้ชอบคนที่ภายนอก แต่ฉันชอบในสิ่งที่เขาเป็น แม้ว่าเป็นช่วเวลาแสนสั้นและรวดเร็ว J ตอบกลับว่า แต่ฉันคิดว่า ที่ฉันออกไปเที่ยวกับเธอ มันค่อนข้างยาวนาน เราหยอดต่อว่า ฉันเห็นเธอมีความสุข ฉันก็มีความสุข เราก็คุยกันเรื่อยๆ เป็นช่วงๆ ก็ถามทั่วไป ทำอะไรหรอ กินไรรึยัง

ในช่วงค่ำ เขาส่งรูปมาให้ดู เขากินข้าวนอกบ้าน มีดื่มนิดหน่อย และเราได้โทรหากันผ่านไลน์ครั้งแรก และตอนนี้ก็คิดว่า เมื่อไหร่จะมีครั้งที่สอง ผ่านมาหลายวันแล้วนะ วันนี้เป็นวันที่เราคุยกันเยอะ และนานที่สุดตั้งแต่จากกัน และแล้วบทสนทนาหวานๆ จึงเกิดขึ้น บอกก่อนนะคะ เราไม่เก่งภาษาอังกฤษ อาจพิมพ์แบบผิดบ้างถูกบ้าง
ME : I fall in love with Japanese man. I must to learn japan language more.
J : who’s japanese man ?
ME : if you open your mind. I’ll love you forever. Maybe I will go to japan as soon as possible.
J : I’ll get back to you.
ME : I don’t know how you feel. When I said I love you or I miss you. But I believe in destiny and true love always
J : I’m sad that you’re not here, but I said 『Destiny come across each other some day.』. I have mixed feelings

DAY 3 เราทักทายไปหา J ก่อน ซึ่งมันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เลยถาม J ว่า วันนี้มีแผนทำอะไรหรอ J ตอบมาว่า ฉันต้องไปซ้อมกีฬาและและมีแข่งกีฬา พอแข่งเสร็จ J ทักมาว่า เขาแข่งเสร็จแล้วนะ ได้ที่ 1 ด้วย
ตอนนั้นเขายังไม่เข้าบ้าน เราไม่อยากเซ้าซี้ จึงบอกว่า ถ้าถึงบ้านโทรหาฉันด้วยนะ เรารอ รอ รอ และรอ จนถึงค่ำ จนมันถึงเวลาเที่ยงคืนของญี่ปุ่น เขาก็ยังเงียบ ไม่อ่าน ข้อความของเรา

DAY 4 เขาขอโทษเราตั้งแต่เช้า บอกว่า เขาหลับ เราก็ไม่ว่าอะไร เพราะคงเหนื่อยจากแข่งกีฬา วันนี้เขาต้องทำงาน เราก็ไม่ทักอะไรไป เราไม่รู้ว่าที่ญี่ปุ่นเขาทำงานตั้งแต่กี่โมง และเลิกกี่โมง จึงกะเวลาประมาณ 6 โมงเย็นของที่นู่น โดยทักเขาไปว่า วันนี้ไปออกกำลังกายไหม เขาไม่ได้ตอบเราทันที แต่ก็ตอบมาว่า เพิ่งเลิกงาน เราจึงพิมพ์ไปหาว่า
ME : miss u และรูปหัวใจเล็กๆ
J : me toooo พร้อมกับรูปหัวใจ
เราจึงเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องการเดินทางไปญี่ปุ่น เรากะจะไปก.ค ที่จะถึงนี้ แต่ J มีแผนไปพักผ่อน vacation ที่ xxx แล้วบอกให้เราเลื่อนการเดินทาง เราถาม J ไปว่า เธออยากให้ฉันไปหาช่วงปีใหม่ไหม เจตอบมาว่า ขอโทษนะ ฉันต้องเดินทางไปที่xxx กับครอบครัวของฉัน เราถามว่า ฉันโทรหาได้ไหม เขาตอบมาว่า ขอโทษนะ รอแปบแล้ว J ก็หายไปเลยค่ะ หายไปทั้งคืน (อีกแล้ว)

DAY 5 เราเป็นฝ่ายทักไปก่อนอีกแล้ว เรากลับมาทำงานตามปกติ เพราะวันหยุดยาวของเราหมดแล้ว เราส่งรูปให้เขาดู
ME : fight on
J : fighting each other!
เราทักหา J อีกครั้งในช่วงเลิกงาน คุยเรื่องที่เที่ยวในเมืองxxx แล้วบอกเค้า โทรหาฉันถ้าคุณว่าง เราก็รอ รอ และรอ จนสี่ทุ่มกว่าของทางนู้น เขายังไม่ทักมา เราอีกแล้ว ที่ทักไป เราตอบเรามาสั้นๆ tired แล้วก็หายไป

DAY 6 วันนี้ เราอัดคลิปเสียงทักทายตอนเช้าเป็นภาษาญี่ปุ่นไปหา J พร้อมกับสนทนายาวๆ ซึ่งเขาไม่ตอบอะไรเราเลย ซึ่งเราบอกไปว่าถ้ามีอะไรที่ทำแล้ว มันทำให้เธอรู้สึกแย่ บอกแันได้นะ ฉันจะทำทุกอย่างให้เธอรู้สึกดี ที่ฉันคุยทุกวัน ฉันแค่อยากรู้ว่า เธอสบายดี และจบท้ายด้วยประโยค i love u

ตอนนี้เรางง และสับสนกับ J มาก
1. ผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่นิสัยส่วนตัวยังไงคะ
2. ผู้ชายญี่ปุ่นเขาแสดงความรักต่อคนรักแบบไหนหรอ
3. J คิดยังไงกับเรากันแน่
4. เราควรจะทำยังไงต่อ ควรคุยต่อไหม ต้องวางตัวยังไง
5. เราควรจะทัก J น้อยลงใช่ไหม เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรอ ให้ J ทักมาดีหรือเปล่า เรากลัวเขาหายไปน่ะ เขาอาจคิดว่าเราหายไป เพราะไม่อยากคุยกับเขา เขาก็เลยไม่กล้าทักมา สรุปต่างคนต่างถอยห่างออกไป
6. เราศึกษามาว่า โดยส่วนใหญ่ผู้ชายจะขี้อาย ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกของตัวเอง จริงจังกับงาน และคู่รักมักไม่ค่อยโทรหากันในแต่ละวัน มันจริงไหม


รบกวนช่วยแนะนำเราหน่อยนะ เราเครียดมากเลย ถ้ารู้สึกไม่เหมือนกัน เราจะได้รีบตัดใจ
สงสารเราเถอะ เราอายุจะเข้าเลข 3 ละ TT

ปล.ก่อนหน้านี้ไม่เคยสนใจชาวต่างชาติมาก่อน ไม่รู้จักวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างลึกซึ้ง แต่ก็ดูสารคดีเกี่ยวกับญี่ปุ่นบ้าง บางสิ่งที่ทำ คนญี่ปุ่นอาจไม่ชอบ หรือมีความแตกต่างกับคนไทย ค่อนข้างมาก

การอยู่ไกลกัน ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเรานะ แค่ต่างคนต่างต้องเข้าใจและเชื่อใจกัน เราแค่อยากเข้าใจในตัวเขามากขึ้น เพื่อที่จะได้ปรับตัว เพราะโดยส่วนใหญ่คนไทยมักคุยกับแฟนบ่อยๆ หรืออย่างน้อยก็คุยทุกวัน แต่คนญี่ปุ่นไม่ได้เป็นแบบนั้น

ยิ่งเราต่างคนต่างเป็นคนทำงาน เราก็ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ เราเข้าใจและสามารถแยกแยะเวลาได้ ว่า เวลาไหนเป็นเวลางาน และเวลาที่ต้องการความเป็นตัวส่วนตัว ไม่งอแง ไม่งี่เง่า ไม่งอแง ไม่เอาแต่ใจ ชอบง้อมากกว่างอน

เราแค่อยากอยู่กับเขาตลอดไป ดูแลเขาตลอดไป

ขอบคุณที่อ่านนะคะ ^^
Wednesday, May 11 2016, 10:31 PM
Share this post:
Responses (1)
  • Accepted Answer

    Ging KT
    Ging KT
    Offline
    Sunday, May 15 2016, 10:59 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ที่คะยกันอยู่ ก็ไม่ค่อยตอบไลคะ เพราะว่ายุ่งอยู่แต่ก็เข้าใจที่อ่านมาหลายๆกระทู้ส่วนใหญ่จะบอกว่าผช.ญี่ปุ่นไม่ค่อยแสดงความรักกันมากเพราะอาย ขี้อายมากๆๆๆ แต่ต้องเข้าใจเค้าด้วย แต่ก็ทักไปก็ไม่ตอบนะคะ555 แต่เค้าก็พยายมหาเวลาว่างมาคุยด้วย แต่อย่าทักไปมากจะดีกว่าหมายความว่าทักไปได้แต่อย่าให้มากหรืออ
    ยาวเหินไป
    ขอให้สมหวังนะคะสู้ๆ

    Location [ View Larger Map ]

    The reply is currently minimized Show
Your Reply