e เรื่องทั่วไป

ตำนานปีศาจแมวแห่งญี่ปุ่น ตอนที่ 1
ปีศาจแมวจำแลงปรากฏกาย

ตำนานปีศาจแมวแห่งญี่ปุ่น ตอนที่ 1
ปีศาจแมวจำแลงปรากฏกาย

By , Saturday, 13 August 2016

​                สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับเรื่องสยองจากแดนอาทิตย์อุทัยกันอีกครั้ง ในทุกๆ วันเสาร์นะคะ

เนื่องจากในเดือนสิงหาคมนี้ มีวันพิเศษที่เกี่ยวข้องกับเรื่องหลอนๆ สยองขวัญของเรา นั้นก็คือ "วันแมวโลก" ในทุกวันที่ 8 สิงหาคมของทุกปี ทางมูลนิธิ International Fund for Animal Welfare (IFAW) ได้กำหนดให้เป็น World Cat Day ซึ่งวันสำคัญน่ารักๆ แบบนี้ได้เริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2002 โดยความร่วมมือของกลุ่มมูลนิธิ IFAQ และรวมถึงหน่วยงานอื่นๆ


                น้องแมวของเรามีบทบาทและความสำคัญต่อมนุษย์ทุกชนชาติ ไม่เว้นแม้กระทั้งชาวญี่ปุ่นเองก็มี "วันแมว" เหมือนกัน ชื่อในภาษาญี่ปุ่น คือ猫の日 (Neko no hi) ถ้าแปลตรงตัวเลยก็คือ "วันของแมว" ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ของทุกปี ทำไมต้องเป็น วันที่ 22 เดือน 2 สาเหตุคือ เสียงร้อง คนญี่ปุ่นได้ยินเสียงร้องของแมวไม่เหมือนคนไทยค่ะ คนไทยเราได้ยินเสียงแมวร้อง เมี้ยวๆ แต่คนญี่ปุ่นเขาได้ยินเป็น เนียๆ ニャー ニャー (อ่านว่านิยะ ลากเสียงยาว จึงออกเป็น เนีย) จะเห็นได้ว่า ตัวคันจิในเสียงนั้น มีความหมายเดียวกับ 2 เหมือนเรียงกันจึงเป็น 22 จึงกลายเป็น เดือน 2 วันที่ 22 ที่มาน่ารักจนคาดไม่ถึงจริงๆ และวันแมวของญี่ปุ่นนี้มีมานานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 จนถึงวันนี้ก็ครบ 29 ปีแล้วค่ะ

               ที่กล่าวมานั้นเป็นความผูกพันธ์ระหว่างมนุษย์และสัตว์สี่เท้าน่ารักอย่างแมวในช่วงยุคปัจจุบัน แต่ในอีกห้วงเวลาหนึ่งของอดีตกาล แมว ได้กลับเป็นปีศาจร้ายที่สร้างความหวาดกลัวพรั่นพรึงให้แก่มนุษย์อย่างยิ่ง จากนี้ต่อไป ขอเชิญทุกท่านพบกับตำนานอันดำมืดของปีศาจแมวญี่ปุ่นกันได้แล้วค่ะ



" กลางดึกสงัดในคืนเดือนดับ ชายผู้หนึ่งจำต้องเดินทางกลับเพียงลำพังไปตามท้องถนนอันแสนเงียบเชียบ ท่ามกลางความมืดและความความกลัวที่กำลังรายล้อมรอบตัว พลันเขาเห็นหญิงงามนางหนึ่งเดินสวนมา ท่วงท่าของเธอนั้นสง่างาม สะกดสายตาให้จ้องมองแค่เพียงนาง . . .

ขณะที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ แสงไฟจากโคมไฟกระดาษของเขาสาดแสงตกกระทบไปยังเรือนร่างของเธอ ทำให้บังเกิดเงาเลือนๆ ขึ้น แต่ทว่าเงานั้นมิได้มีรูปร่างเช่นตัวคน กลับเป็นเงาของแมว เธอ คือ ปีศาจแมวจำแลงกายมา! "

ส่วนหนึ่งจากบทประพันธ์โบราณที่กล่าวอ้างถึงปีศาจแมวในสมัยเอโดะ ชาวญี่ปุ่นมีตำนานความเชื่อเกี่ยวกับแมวมาเป็นเวลาช้านาน จนกลายเป็นสัตว์ที่สำคัญในชีวิตของผู้คนไปโดยปริยาย ซึ่งตำนานแมวนี้มีทั้ง แมวที่ดีนำมาซึ่งโชคลาภ ความรุ่งเรือง ตลอดจนถึงปีศาจแมวที่กัดกินมนุษย์


               ต้นกำเนิดของความหวาดกลัวนี้ อาจกล่าวได้ว่าเริ่มต้นจากอาหารการกินอย่างปลา ทำไมถึงเกี่ยวกับปลา เพราะในสมัยโบราณแมวถูกนำมาเลี้ยงในฐานะของสัตว์ใช้งานมากกว่าสัตว์สวยงาม คนนิยมเลี้ยงแมวเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการจับหนู ศัตรูตัวฉกาจของชาวสวนชาวไร่ พวกมันมักทำลายพืชผลทางการเกษตร อันเป็นวิถีชีวิตที่แสนสำคัญดั่งทองของผู้คนในยุคสมัยนั้น


น้องแมวมักจะได้รับอาหารเป็นแค่ของเหลือๆ จากมนุษย์ ทำให้มันได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ทำให้หิวโหยจนต้องออกหาอาหารเพิ่มในยามค่ำคืน สิ่งที่แมวบ้านหาได้คือ น้ำมันตะเกียง ที่ทำมาจากน้ำมันปลาและไขปลาวาฬ แมวทั้งหลายจะแอบต่อตัวยืนบนหลังของเจ้าของที่กำลังหลับใหล เพราะเหนื่อยจากการทำงานอย่างหนักยามกลางวัน เพื่อให้แตะถึงขอบตะเกียงที่ตั้งสูง คล้ายตู้น้ำมันตะเกียงตามวัดไทยในปัจจุบัน


ขณะที่กำลังเอร็ดอร่อยกับน้ำมันปลากลิ่นหอมยั่วใจ แสงไฟได้สาดสะท้อนเงาของแมวในท่ายืน ทำให้ดูคล้ายกับเงาของคน ทำให้เจ้าของที่สะดุ้งตื่นมาพบกลางดึกตกใจหลับ อีกทั้งมีความเชื่อดั้งเดิมว่า แมวสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ โดยอาศัยการเรียนเสียงบ้างคำพูดอย่างคน จนเป็นที่มาของการเรียกขาน ปีศาจแมว


บาเกะเนะโกะ (Bakeneko) เป็นชื่อที่ใช้เรียกปีศาจแมวจำแลง คำว่า Bake บาเกะ แปลว่า การเปลี่ยนร่าง ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า Transform ส่วนคำว่า Neko เนโกะ ในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า แมว มีตำนานเกี่ยวกับ

บาเกะเนโกะเป็นจำนวนมาก แต่เรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จนถูกรังสรรค์ออกมาในผลงานจิตรกรรม และบทละครคาบูกิของญี่ปุ่น มีอยู่สองเรื่อง ดังต่อไปนี้


ปีศาจแมวแห่งนาเบะชิม่า เรื่องมีอยู่ว่าในสมัยเอโดะตอนต้น ช่วงปีค.ศ. 1632 – 1700 ช่วงการปกคอรงของ ไดเมียวนาเบะชิม่า มิซุชิเกะ ที่จังหวัดซางาในยุคปัจจุบัน ชายผู้หนึ่งนามว่า ริโซจิ มาตาชิฉิ ทหารรับใช้รับหน้าที่เป็นทัพหน้าบุกตะลุยฝ่าข้าศึก ทำผลงานอย่างมาก แต่แล้วมาวันหนึ่งเขาถูกฆ่าตายอย่างปริศนา แม่ของเขาเสียใจแทบเสียสติ ออกทวงถามถึงความเป็นธรรมที่ไร้คำตอบ ไม่มีใครเหลียวแลนางและลูกชายที่ตายจากไป

นางโศกเศร้าจมปักกับการสูญเสียลูกชายสุดที่รักของตน นางมักสาปแช่งและระบายความแค้นเคืองใจกับแมวที่เลี้ยงไว้วันแล้ววันเล่า จนในที่สุดนางทนกับความทุกข์ระทมนี้ต่อไปไม่ไหว นางจึงฆ่าตัวตายด้วยมีด เลือดสีแดงฉาดไหลนองทั่วห้อง แมวที่เลี้ยงไว้ได้มาเลียเลือดของเจ้านาย แล้วหายตัวไป

หลังจากที่นางตายไปได้ไม่นาน ทุกคนที่ปราสาทนาเบะชิม่า ไดเมียวผู้เพิกเฉยกับการตายของริโซจิ ต้องอยู่กันอย่างอกสั่นขวัญแขวน ทุกคืนจะมีปีศาจแมวบุกเข้าไปภายในปราสาท มันอาละวาดทำลายข้าวของ ทำร้ายและไล่ฆ่าทุกคนที่ขว้างหน้า ฝันร้ายดำเนินขึ้นคืนแล้วคืนเล่าผ่านไป ถึงจะฝันร้ายสุดจะบรรยายสักเพียงใด ฝันนั้นย่อมจบลง คำสาปแช่งของนางปีศาจแมวถูกสยบลงโดย โคโมริ ฮันซามอน ทหารรับใช้ซามูไรผู้ภักดี ได้ต่อสู้กับปีศาจตนนี้ และสามารถปราบมันได้สำเร็จ ทุกคนในตระกูลนาเบะชิม่าจึงปลอดภัย และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้ง


เรื่องเล่านี้โด่งดังและเป็นที่กล่าวขานกันอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ถูกนำเอาเนื้อเรื่องไปดัดแปลงเป็นละครคาบูกิที่โรงละครนากามูระ ในช่วงปีค.ศ. 1840มีชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษว่า "The History of the Stone Monument of the Demon Cat of Saga" หรือชื่อไทยว่า ตำนานอนุสาวรีย์ปีศาจแมวแห่งซางา

สาเหตุที่โด่งดังเพราะว่า เนื้อเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของแมว ที่เป็นส่วนน้อยมากที่จะนำเสนอเรื่องราวของแมวในแง่มุมนี้ ซึ่งผิดกันกับสุนัขที่ขึ้นชื่อความซื่อสัตย์ภักดีต่อเจ้านาย และแรงแค้นที่สามารถผันแปรไปอยู่ในตัวแมว จนกลายเป็นปีศาจ และเป็นเรื่องจริงที่มีหลักฐานกล่าวอ้างว่า เกิดขึ้นจริงกับตระกูลนาเบะชิม่า


โปรดติดตามตอนต่อไป ในวันเสาร์หน้านะคะ ว่าเจ้าาแมวน้อยเหล่านี้จะหลายเป็นปีศาจที่น่ากลัวได้สักเพียงไร 

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับน้องแมวที่เลี้ยงกันนะคะ


ขอบคุณที่ติดตาม


Agarij

(เอการิ)


ติดตามรับข่าวสารเกี่ยวกับญี่ปุ่น

YouTube: www.youtube.com/ilovejapanth/

Facebook: www.facebook.com/ILoveJapan.th/

Twitter: https://twitter.com/ILOVEJAPANTH

Instagram: www.instagram.com/ilovejapanth/

TikTok: https://www.tiktok.com/@ilovejapanth

ทดลองเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟรี 3 วันได้ที่ www.ilovejapanschool.com