e เรื่องทั่วไป

เล่าตำนานหลอนที่ปราสาท Himeji

เล่าตำนานหลอนที่ปราสาท Himeji

By , Sunday, 20 October 2019

​ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นก็กำลังจะเข้าสู่เทศกาลฮาโลวีนแล้วนะครับ พูดถึงฮาโลวีน เราก็ต้องนึกถึงแต่ "ผี" กันเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของเทศกาลนี้ โอทารุก็เลยถือโอกาสมาเล่าเรื่องหลอนๆของปราสาท Himeji ซึ่งเป็นปราสาทชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นเสียหน่อย ว่าแล้วก็อย่ารอช้า เลื่อนจอลงมาอ่านกันได้เลยครับ!!

​ก่อนอื่นขอสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับปราสาทหลังนี้ว่า ปราสาท Himeji นั้น สร้างมาหลายร้อยปีแล้วล่ะครับ ส่วนที่เก่าที่สุดสามารถย้อนไปได้ถึงปี ค.ศ 1333 กันเลย ส่วนปราสาทหลังงามที่เราเห็นทุกวันนี้เป็นส่วนที่สร้างใหม่ตั้งแต่ปี 1581 และก็ยืนยงมาได้ยาวนานจนถึงปัจจุบันนั่นเอง! ปัจจุบันถือเป็นปราสาทที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดของญี่ปุ่นและก็มักจะได้รับการจัดอันดับให้เป็นเบอร์ 1 ของปราสาทญี่ปุ่นในเรื่องของการท่องเที่ยวเสมอๆ อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความสวยงามของปราสาทหลังนี้....ก็มีตำนานด้านมืดที่เล่าขานกันอยู่และก็ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนานที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันดีเสียด้วย นั่นก็คือเรื่องของ "ผีนับจาน" ซึ่งขอบอกว่าเรื่องนี้ในญี่ปุ่นฮิตกันมากจนเอาไปเขียนเป็นหนังสือ ไปทำละครหุ่นเชิด หรือแม้กระทั่งเอามาเป็นภาพวาดก็มีครับ.....เอาล่ะ มาฟังเรื่องราวของผีนับจานกันได้แล้วดีกว่าาาาาา....

​ปราสาทหลังนี้ในสมัยซามูไรครองเมืองนั้น มีข้าทาสบริวารมากมายทั้งชายและหญิง หนึ่งในนั้นก็คือ โอคิคุ (แปลตรงตัวว่า ดอกเก๊กฮวย) เธอเป็นหญิงสาวที่หน้าตาดีและมีหน้าที่ดูแลงานบ้านทุกอย่างภายในปราสาท Himeji ปรากฎว่าความงดงามของเธอนั้นทำให้มีชายหนุ่มมากมายมาติดพันเธอ รวมทั้งซามูไรของไดเมียวผู้ครองปราสาทคนหนึ่งนามว่า อาโอยาม่า ซึ่งก็หมายปองเธอและเข้าหาเป็นประจำ ทว่า โอคิคุไม่เคยสนใจในตัวชายใดรวมทั้งอาโอยาม่าเองด้วย

อาโอยาม่าพยายามเข้าหาอยู่หลายครั้งแต่ก็ได้รับการปฏิเสธรักจากโอคิคุทุกครั้งไป ในที่สุดอาโอยาม่าจึงคิดแผนการที่จะครอบครองตัวโอคิคุ โดยแผนการที่เขาวางไว้นั้นก็คือ ในปราสาท Himeji จะมีชุดจานที่สวยงามและแพงมากอยู่ทั้งหมดสิบชุด แต่เขาจะแอบขโมยมาเก็บไว้ชุดหนึ่งให้เหลือเก้าชุดและจะฟ้องไดเมียวซึ่งเป็นเจ้านายว่าโอคิคุขโมยไป แต่ถ้าโอคิคุรับปากว่าจะยอมเป็นภรรยาก็จะไม่เอาความเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้านาย

อาโอยาม่าคิดได้ดังนี้แล้ว วันหนึ่งที่ได้จังหวะก็แอบไปขโมยจานที่ว่าออกมาหนึ่งใบแล้วก็เรียกโอคิคุเข้ามาหาและกล่าวว่า "หัวหน้าของข้าตรวจพบว่าจานอันล้ำค่าของท่านไดเมียวหายไปหนึ่งใบและให้ทุกคนสืบเสาะดู ตัวข้าเองก็สงสัยว่าเจ้าจะต้องเป็นคนแอบขโมยไปเป็นแน่" เมื่อโอคิคุได้ยินดังนั้นก็ตกใจกลัวมาก เพราะในสมัยนั้นหากของอันล้ำค่าของเจ้านายหายไปก็เท่ากับว่าผู้ดูแลอาจต้องรับโทษถึงตาย....โอคิคุจึงขอนับจานทั้งหมดเอง แล้วเธอก็นับไปพร้อมกับพูดไปเรื่อยๆว่า "หนึงใบ สองใบ สามใบ สี่ใบ ห้าใบ หกใบ เจ็ดใบ แปดใบ เก้าใบ..." วนไปมาหลายครั้งและกังวลใจเป็นอย่างมาก 

อาโอยาม่าเห็นโอคิคุกังวลใจก็ได้ทีจึงพูดปลอบใจว่า "ข้าเห็นใจและเสียดายในความสวยของเจ้ายิ่งนัก เอาอย่างนี้ไหม หากเจ้ายอมเป็นภรรยาของข้า ข้าขอรับปากว่าจะไปเรียนหัวหน้าว่า เจ้าไม่ได้เป็นคนขโมยจานไป แล้วเจ้าก็จะไม่ต้องรับโทษ" ปรากฎว่าโอคิคุแม้จะกลัวการรับโทษแต่ก็ปฏิเสธอาโอยาม่าอย่างแข็งขัน ในที่สุดอาโอยาม่าก็หมดความอดทน จึงสั่งให้คนรับใช้มัดตัวเธอแล้วทุบตีเธอด้วยดาบไม้ให้สารภาพความจริง จากนั้นก็ลากตัวเธอไปที่บ่อน้ำในปราสาทและก็จับเธอมัดด้วยเชือกพร้อมกับทรมานเธอด้วยการยกตัวเธอลงไปในบ่อให้จมน้ำแล้วก็ยกขึ้นมาทุบตีเธอสลับกันเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

หลังจากจับโอคิคุไปลงโทษที่บ่อน้ำไม่นานนัก อาโอยาม่าก็ถามโอคิคุอีกว่า "นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว หากเจ้ายอมเป็นภรรยาของข้า ข้าจะไม่เอาเรื่องเจ้า" แต่โอคิคุก็ไม่ยอมรับข้อเสนออันน่าชังเช่นนี้ สุดท้ายเมื่ออาโอยาม่าได้รับคำตอบแบบเดิมก็โกรธมากพร้อมกับฆ่าเธอและทิ้งศพของเธอลงในบ่อน้ำของปราสาท Himeji นั่นเอง... 

​หลังจากโอคิคุถูกฆ่าแล้ว ไม่ช้าคนที่อาศัยอยู่ในปราสาทต่างก็เล่าลือต่อๆกันว่า ช่วงกลางดึกมีคนเห็นวิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่ง เดินไปมารอบปราสาทแล้วก็เข้าไปในส่วนของที่เก็บจานพรัอมกับมีเสียงนับจานไปด้วยว่า "หนึงใบ สองใบ สามใบ สี่ใบ ห้าใบ หกใบ เจ็ดใบ แปดใบ เก้าใบ..." ทว่า พอวิญญาณนั้นนับได้ถึงเก้าเท่านั้น เธอก็ส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าสยดสยองภายในปราสาทและผู้คนในนั้นก็ได้ยินกันทั่วกันหมดรวมทั้งอาโอยาม่าด้วย มีเรื่องเล่าเสริมอีกว่าผู้ที่ได้ยินเสียงร้องของโอคิคุนั้น หากได้ยินเสียงของเธอนับจานเล็กน้อย ก็จะเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ใครก็ตามที่ได้ยินเสียงของเธอนับจานตั้งแต่ใบที่หนึ่งจนกรีดร้องก็จะได้พบกับความตายในเร็ววัน

ต่อมาไดเมียวทราบเรื่องนี้เข้า จึงเห็นว่าหากปล่อยให้วิญญาณนี้หลอกหลอนปราสาทและคนในปราสาทต่อไปคงไม่ดีแน่ จึงสั่งการให้ลูกน้องอัญเชิญนักบวชมาทำพิธีปัดรังควานและทำบุญให้กับโอคิคุเพื่อจะได้ไปสู่สุคติเสียที 

ด้านนักบวชเมื่อทราบเรื่องแล้วก็เดินทางมาที่ปราสาทพร้อมกับทำพิธีที่เกี่ยวข้องจากนั้นก็คอยท่าวิญญาณของโอคิคุที่บริเวณบ่อน้ำพร้อมกับสวดมนต์ไปจนถึงดึกดื่น ไม่นานนัก วิญญาณของโอคิคุก็ปรากฏกายออกมาจากบ่อน้ำที่ร่างของเธอถูกฆ่าตายอย่างอนาถพร้อมกับส่งเสียงนับจานเช่นเดิม "หนึงใบ สองใบ สามใบ สี่ใบ ห้าใบ หกใบ เจ็ดใบ แปดใบ เก้าใบ..." จากนั้นก่อนที่เธอจะกรีดร้องออกมาเหมือนเช่นเคย นักบวชที่ท่องคาถาอยู่ก็ตะโกนออกไปว่า "สิบใบ" และสวดมนต์ต่อ เมื่อวิญญาณของโอคิคุได้ยินว่ามีจานครบสิบใบแล้วก็เหมือนกับคลายกังวลที่พบจานใบที่สิบได้สักที แล้วร่างของเธอหายไปและไปสู่สุขคติ จากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่มีใครได้ยินเสียงนับจานของเธอในตอนดึกอีกเลย.....(จบเรื่อง)

​ปัจจุบันนี้บ่อน้ำที่ว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำที่วิญญาณของโอคิคุปรากฏตัวนั้น ยังคงตั้งอยู่ในปราสาท Himeji โดยชื่อภาษาอังกฤษก็คือ Okiku Well ส่วนภาษาญี่ปุ่นคือ 姫路城 お菊井戸 (มีใน Google Map ด้วยนะครับ) อย่างไรก็ตาม ตัวบ่อน้ำได้มีการติดตั้งเหล็กดัดเพื่อป้องกันอันตรายและมีผู้คนมาเยี่ยมชมกันไม่ขาด (บริเวณนี้ถือเป็นอีกจุดที่ชมซากุระได้สวยงามครับ) ทำให้ความน่ากลัวนั้นลดลงไปเยอะมากแล้ว ตัวผมเองก็ได้ไปชมมาแล้วสองครั้งเช่นกัน ถ้าไม่ได้อ่านเรื่องราวของโอคิคุมาก่อนจะไม่รู้สึกหลอนเลยครับ

และเรื่องราวหลอนๆของวิญญาณนับจานก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ สำหรับเพื่อนๆที่อยากอ่านรีวิวการชมปราสาท Himeji แบบละเอียดจุใจช่วงซากุระก็สามารถคลิกที่ตัวอักษรสีฟ้าได้ครับ ผมเขียนแยกไว้ให้อีกบล็อกนึงแล้ว สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนแล้วหากเพื่อนๆมีเรื่องผีญี่ปุ่นจะแชร์กันก็มาเล่าสู่กันฟังได้ที่เพจของ I Love Japan นะคร้าบบบบบ

หมายเหตุ : เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าแนวๆผีพื้นบ้าน การต่อเติมเสริมแต่งเนื้อหาจึงมีมากมายตามยุคสมัย แต่แก่นของทุก version ก็คือ วิญญาณที่ออกมาจากบ่อน้ำแล้วนับจานไปเรื่อยๆครับ ดังนั้น ถ้าใครไปอ่านเจอ version อื่นๆก็ไม่ต้องตกใจนะครับว่าทำไมไม่เหมือนกับที่ผมเล่า!

เนื้อหาบางส่วนจาก yokai.com

ภาพปกจาก kowabana

ภาพประกอบจาก wikipedia และ artelino

ภาพประกอบที่เหลือมีลายน้ำเป็นของโอทารุทั้งหมด ห้ามผู้ใดนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตนะครับ!