j ภาษาญี่ปุ่น

คำว่า "ฉัน" ในภาษาญี่ปุ่น

คำว่า "ฉัน" ในภาษาญี่ปุ่น

By , Tuesday, 15 October 2019

โดยปกติแล้วประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีคำเรียกแทนตัวเองหลากหลายคำ แต่ละคำก็มีระดับความสุภาพมากน้อยแตกต่างกัน บางคำอาจไม่สามารถแปลเป็นภาษาไทยได้ เนื่องจากไม่มีคำภาษาไทยที่ตรงตัว เพราะฉะนั้น ในการเรียนภาษาญี่ปุ่นจึงควรเรียนรู้ว่าคำไหนใช้ได้กับใคร และในโอกาสไหน

คำว่าฉันในภาษาญี่ปุ่นมีอยู่มากมาย เผลอๆ จะเยอะกว่าภาษาไทยเสียอีกค่ะ โดยแอดมินนำคำว่าฉันมายกตัวอย่างให้ดูทั้งคำว่า ฉัน ที่ใช้กันในปัจจุบัน และคำว่า ฉัน ที่ใช้กันในอดีตเลยล่ะค่ะ


คำว่า "วะตะชิ" น่าจะเป็นคำแทนตัวเองว่าฉันที่ไม่ว่าใครที่เรียนญี่ปุ่นก็น่าจะคุ้นเคยที่สุด เพราะคำๆ นี้ถือว่าเป็นคำแทนตัวที่ใช้ได้ง่าย และแทบไม่มีข้อระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษเนื่องจากว่าสามารถใช้ได้ในทุกโอกาส ใช้ได้ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง อีกทั้งยังสามารถใช้กับใครก็ได้ไม่มีข้อห้าม หากนึกไม่ออกว่าจะแทนตัวเองว่าอะไรดี เลือกใช้คำๆ นี้คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด


คำว่า "วะตะคุชิ" มีความหมายและวิธีใช้เหมือนกับ "วะตะชิ" หรือจะพูดอีกอย่างก็คือเป็นคำแบบเต็มยศของคำว่าวะตะชินั่นเอง คำๆ นี้มักจะถูกใช้แทนตัวในโอกาสที่เป็นทางการต่างๆเช่น การพูดปราศรัย ในรายการประกาศข่าว เวลานักการเมืองหาเสียง เป็นต้น เป็นคำที่สุภาพและไม่ค่อยใช้กันในชีวิตประจำวันทั่วไปค่ะ


คำว่า "โบะคุ" เป็นคำแทนตัวที่ผู้ชายมักจะใช้เป็นส่วนใหญ่ ในบางครั้งมักได้ยินว่าคำๆ นี้มีความหมายว่า "ผม" แต่อันที่จริงแล้วก็ไม่ตรงเสียทีเดียว เนื่องจากคำว่าผมในภาษาไทยสามารถใช้ได้แทบจะทุกโอกาสกระทั่งโอกาสที่เป็นทางการ และมีความหมายสุภาพกว่าคำว่า ฉัน แต่ในภาษาญี่ปุ่นนั้น คำว่าโบะคุไม่ได้มีความหมายสุภาพถึงขนาดนั้น มักจะใช้เพื่อแสดงความสนิทสนมกับคู่สนทนาระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ควรใช้กับคนที่ไม่สนิทด้วย หรือในโอกาสที่เป็นทางการต่างๆ โอกาสเหล่านั้นใช้คำว่า วะตะชิ จะดีกว่าค่ะ



คำว่า "โอะเระ" มีความหมายเกือบเทียบเท่าคำว่า กู ในภาษาไทย แต่จะเรียกว่าเป็นคำหยาบก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เนื่องจากเป็นเหมือนคำแทนตัวของผู้ชายในกลุ่มเพื่อนเสียมากกว่า และจะต้องเป็นกลุ่มเพื่อนที่สนิทกัน "มาก" ระดับหนึ่ง จึงจะสามารถใช้คำนี้ได้ค่ะ และคำว่าโอะเระนั้นแทบจะไม่ถูกใช้กับประโยคที่เป็นรูปสุภาพเลย เมื่อจะใช้จึงต้องระวังสักนิดนะคะ



ถ้าหากคำว่า "วะตะคุชิ" เป็นคำเต็มของคำว่า "วะตะชิ" คำว่า "อะตะชิ" ก็เรียกได้ว่าเป็นคำย่อของคำว่าวะตะชิคล้ายกับเวลาบางคนออกเสียงดิฉันเพี้ยนเป็นเดี๊ยนนั่นเองค่ะ นอกจากนั้น คำๆ นี้ยังเป็นคำแทนตัวที่ไม่มีคันจิและไม่เป็นทางการอีกด้วยค่ะ บางครั้งอาจมีความหมายคล้ายกับคำว่า หนู ในภาษาไทย เนื่องจากเด็กเล็กๆ เมื่อจะพูดว่าวะตะชิยังไม่สามารถพูดอย่างชัดเจนได้ค่ะ


 
คำว่า "วะกะไฮ" เป็นคำที่ใช้กันในหมู่ผู้ชายเท่านั้น เป็นคำโบราณที่มีความหมายคล้ายกับคำว่า "ข้า" ในภาษาไทยค่ะ คนที่ใช้มักจะมีศักดิ์สูงกว่าคู่สนทนา ในปัจจุบันนี้บางทีอาจจะเห็นตัวละครในการ์ตูนหรือนิยายใช้บ้าง แต่ที่โด่งดังก็คือชื่อนิยายของ นัตสึเมะ โซเซกิ ที่มีชื่อว่า วะกะไฮ วะ เนะโกะ เดะอะรุ นั่นเองค่ะ



คำนี้อาจจะไม่คุ้นหูกันมากเท่าไร แต่คำว่า "เซชชะ" เป็นคำแทนตัวของเหล่าซามูไรในอดีต ซึ่งความหมายของมันก็เข้ากับนิสัยชอบถ่อมตนของคนญี่ปุ่นเสียเหลือเกิน เนื่องจากคำๆ นี้มีความหมายว่า "คนซุ่มซ่าม" และที่แทนตัวอย่างนี้ ก็เพื่อเป็นการพูดถ่อมตัวว่าตนไม่ได้มีฝีมือดีเท่าไรนั่นเองค่ะ


"วะระวะ" อาจเป็นคำที่ฟังดูแล้วแปลกใหม่สำหรับหลายๆ คน แต่คำๆ นี้นั้นเป็นคำที่ใช้แทนตัวเองของผู้ที่เป็นภรรยาของซามูไร ใช้แทนตัวเพื่อแสดงความถ่อมตัวต่อผู้อื่นค่ะ โดยตัวคันจิของคำว่าวะระวะ มีความหมายว่า ภรรยาน้อย ค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจากเพจ I love japanese


-----------------------------------------------------------

ติดตามรับข่าวสารเกี่ยวกับญี่ปุ่น
Twitter: https://twitter.com/ILOVEJAPANTH
Instagram: www.instagram.com/ilovejapanth/
Facebook: www.facebook.com/ILoveJapan.th/
YouTube: www.youtube.com/ilovejapanth/

 ทดลองเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟรี 3 วันได้ที่ www.ilovejapanschool.com