l ชีวิตในญี่ปุ่น

ไปอยู่ญี่ปุ่น ใช้เงินเท่าไหร่

ไปอยู่ญี่ปุ่น ใช้เงินเท่าไหร่

By , Wednesday, 09 November 2016


สวัสดีค่ะ คราวนี้เราจะมาว่าด้วยเรื่องค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่นกัน

ก่อนจะมาญี่ปุ่นได้ยินมามากว่า เป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูงมาก 

ค่อนข้างจะไกลเกินเอื้อม แต่พอมาลองอยู่จริงๆ ก็รู้สึกว่า 

ถ้าประหยัดๆ ทำอาหารทานเอง รู้แหล่งของถูก 

ค่าครองชีพในญี่ปุ่นก็ไม่ได้สูงมากอะไรขนาดนั้น


ส่วนตัวเราใช้ชีวิตที่ โอซาก้าในตัวเมืองมาปีครึ่ง และโตเกียว ทั้งในเมือง 

และนอกเมืองมา 7 ปี อยู่แบบธรรมดาไม่หรูหราอะไรมากมาย 

แต่ก็ไม่ประหยัดจนทรมานตัวเอง หวังว่าจะบล็อกนี้จะเป็นประโยชน์

สำหรับเพื่อนๆที่จะมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น หรือจะมาทำงานที่ญี่ปุ่นนะคะ


เครดิต http://www.re-photo.net


1) ที่พักอาศัย  30,000 - 150,000 เยน ต่อเดือนโดยประมาณ (สำหรับห้องพักเดี่ยว)

ก่อนอื่นเลย เอาจริงๆค่าครองชีพในญี่ปุ่นที่หนักที่สุดก็คือ 

ค่าเช่าบ้านนี่แหละค่ะ จ่ายครั้งหนึ่งจนกันไปเลยทีเดียว ค่าเช่าบ้านแต่ละเขต แต่ละเมืองก็ราคาต่างกันไป

ซึ่งแต่ละเมือง แต่ละเขตก็ราคาไม่เท่ากัน 

สำหรับโตเกียว ถ้าในเมืองใกล้รถไฟฟ้าสถานีใหญ่ๆ แมนชั่นห้องเดี่ยว 

จะราคาราวๆ 8 หมื่นเยนขึ้นไป แต่ถ้าเป็นชานเมืองไกลออกมาหน่อย 

ราคาจะราวๆ 6 หมื่นเยนขึ้นไป 


ถ้าเป็นอะพาร์ตเมนต์ที่เก่าๆหน่อย ราคาก็จะถูกลงมาอีก ห้องละ 4 หมื่นเยนก็มีค่ะ

อันนี้ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์ของแต่ละคนเลยค่ะว่าเราจะสู้ค่าเช่าระดับไหนได้

สำหรับเรื่องการเช่าห้องในญี่ปุ่นนั้น เราเคยเขียนลงรายละเอียดไปแล้ว


เช่าห้องในญี่ปุ่นต้องเจออะไรบ้าง 


และสำหรับเพื่อนๆที่มาเรียนต่อ บางสถานศึกษาก็จะมีหอพักสำหรับนักเรียนค่ะ 

แน่นอนว่าราคาจะถูกกว่า ห้องพักธรรมดา


สมัยเป็นนักเรียนภาษาที่โอซาก้า เราอยู่หอพักนักเรียนเป็นห้องสองคน ค่าเช่าเดือนละ 35,000 เยน

และพอเข้าโรงเรียนเซมมง ที่โรงเรียน เราอยู่หอนักเรียนห้องเดี่ยว ราคา 65,000 เยนต่อเดือน 

มีอาหารเช้าและเย็นให้


สำหรับรายละเอียดเรื่องหอพักนักเรียนที่ญี่ปุ่น อ่านได้ที่นี่เลยค่ะ

เมื่อฉันเป็นเด็กหอที่ญี่ปุ่น


เครดิต http://www.photo-ac.com/

2) ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส อินเทอร์เน็ต 12,000 - 20,000 เยน โดยประมาณ


สำหรับคนที่เช่าห้องเอง ยังไงก็หนีค่าพวกนี้ไปไม่ได้ค่ะ 

ค่าน้ำ 

ปกติเขาจะเก็บสองเดือนครั้ง สำหรับตัวเรา อาบน้ำเช้าเย็น และใช้น้ำดื่ม เสียค่าน้ำประมาณ 3,800 เยนค่ะ


ค่าไฟ 

แต่ละฤดูจะไม่เท่ากัน เพราะตัวแปรที่สำคัญที่สุดคือ แอร์ นั่นเอง 

ช่วงปกติที่ไม่ได้เปิดแอร์ ค่าไฟเราจะราวๆ 2,000 เยน 

แต่หน้าร้อนใช้แอร์เยอะ ค่าไฟก็จะ พุ่งไปที่ 4,000 เยนโดยประมาณ (ส่วนใครที่อยากประหยัด ก็เปิดหน้าต่างเปิดพัดลมแทน ก็จะช่วยประหยัดขึ้นมาหน่อยค่ะ)

และหน้าหนาวใช้ฮีทเตอร์ ก็จะราวๆ 5,000 เยน 


ค่าแก๊ส 

สำหรับค่าแก๊สในญี่ปุ่นนั้น ไม่ใช่แค่แก๊สที่ใช้ทำอาหารอย่างเดียว 

แต่น้ำร้อนที่เราใช้ ส่วนใหญ่ก็มาจากแก๊สค่ะไม่ใช้ไฟฟ้า เพราะฉะนั้น 

ในหน้าร้อนนั้น ค่าแก๊สจะประมาณ 2,000 - 3000 เยน แต่หน้าหนาว จะพุ่งไปถึง 4,000 - 5,000 เยน เลยทีเดียว


ค่าอินเทอร์เน็ต 

ที่ญี่ปุ่นมีอินเทอร์เน็ตหลายค่าย หลายโปรฯให้เลือก

ราคาจะประมาณ 3,000 - 5,000 เยน ต่อเดือน

เครดิต http://www.photo-ac.com/


​3) ค่าโทรศัพท์มือถือ ค่าบริการ 2,000 - 12,000 เยน โดยประมาณ (ถ้าโทรออกก็แพงขึ้นไปอีก)


เป็นสิ่งที่ขาดแทบไม่ได้ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันเลยค่ะ 

สำหรับในญี่ปุ่นนั้น ค่ายโทรศัพท์มีหลายค่าย หลายโปรโมชัน และมีส่วนลดต่างๆมากมาย 

ราคาก็ต่างกันไป ลงลึกแล้วขอบอกว่ายาวมาก เลยขอกะราคาคร่าวๆนะคะ


ค่าโทรศัพท์แบบที่ไม่ใช่สมาร์ตโฟน ค่ารายเดือนขั้นต่ำก็ราวๆ 2,000 เยน 

ถ้าเป็น สมาร์ตโฟนค่าบริการขั้นต่ำจะประมาณ 4,000 เยน ขึ้นไป 

แล้วแต่โปรโมชันที่เราเลือก 


ส่วนตัวเรา เมื่อก่อนเคยใช้ไอโฟน 5 เจอค่าบริการรายเดือนไป เดือนละ 6,500 เยน 

และเมื่อหมดสัญญา ก็ย้ายมาอีกค่ายเป็นไอโฟน 6 ค่าบริการรายเดือน 5,000 เยน ค่ะ


​4) ค่าประกันสุขภาพ และภาษีต่างๆ 1,500 เยนขึ้นไป


สำหรับค่าประกันสุขภาพนั้น หากเป็นนักเรียนไม่มีรายได้จะอยู่ที่ 1,500 เยน ขึ้นไป ราคาขึ้นอยู่กับเขตและเมือง

ที่เราพัก และถ้าเราทำงานพิเศษมีรายได้ ค่าประกันสุขภาพก็จะมากขึ้นตามจำนวนรายได้ที่เราได้รับ


สำหรับคนที่ทำงานแล้ว บริษัทหลายแห่งมักจะหักค่าภาษีต่างๆและค่าประกันสุขภาพออกก่อนจะ

โอนเงินเดือนเข้าบัญชีเรา สำหรับคนทำงานแล้วจะโดนหักภาษีและค่าประกันไปประมาณ 20 % - 30%

ของเงินเดือนเลยทีเดียว 

สำหรับรายละเอียดเรื่องภาษีและค่าประกันสังคมต่างๆของคนที่ทำงานอ่านได้ที่นี่เลยค่ะ

เรื่องที่ควรรู้ก่อนทำงานที่ญี่ปุ่น - ว่าด้วยเรื่องสัญญาจ้าง และภาษี

เครดิต https://www.pakutaso.com/20160717210post-8505.html


5) ค่าอาหาร ประมาณ 10,000 เยน ถึง ไม่อาจจำกัดได้..

สำหรับค่าอาหารนั้นหากทำรับประทานเอง จะประหยัดกว่าซื้อทานมากๆ

และที่ญี่ปุ่น ราคาผักกับเนื้อมักจะไม่ค่อยเท่ากันค่ะ เขตชานเมืองราคาผักจะถูกกว่า

ยกตัวอย่างง่ายๆ ราคาผักโขมแถวบ้านเรา(ในเมือง)จะอยู่ที่แพ็กละ 198 เยน 

แต่แถวที่ทำงานเรา(นอกเมือง)จะอยู่ที่แพ็กละ 100 เยน ต่างกันเกือบเท่าเลยทีเดียว 


แค่นั้นไม่พอ ราคาผักผลไม้และเนื้อของแต่ละซูเปอร์มาร์เก็ตก็ยังไม่เท่ากันอีกด้วย 

แถวบ้านเรามีซูเปอร์มาร์เก็ต สามแห่ง ราคาไม่เท่ากันเลย เวลาจะซื้ออะไร

จะต้องทำตารางค่ะ ว่าอันนี้ซื้อที่ไหนถูกกว่า ประหยัดไปได้มากเลยทีเดียว

สำหรับเราจะซื้อผักและเนื้อ ประมาณ 2,000 - 3,000 

เยนในต้นสัปดาห์ 

เป็นอาหารทั้งอาทิตย์ค่ะ อาหารกลางวันเราจะทานพวกขนมปัง 

หรือซื้ออะไรแถวๆที่ทำงานทานประมาณวันละ 500 - 1,000 เยน 

จริงๆถ้าทำข้าวกล่องไปทานก็จะประหยัดไปได้อีกค่ะ 


ถ้าช่วงไหนจนสุดๆ แนะนำนี่เลย ถั่วงอกแพ็กละ 29 เยน เต้าหู้แพ็กละ 25 เยน 

และไข่ (10 ฟอง) แพ็กละ 198 เยน ทำผัดถั่วงอก อร่อยและมีประโยชน์


หากทานนอกบ้าน มื้อหนึ่งจะประมาณ 500 - 1,000 เยน หากไปดื่มกินเลี้ยงกับเพื่อน

ก็จะราวๆ 4,000 เยนต่อมื้อค่ะ


และสำหรับเพื่อนๆที่ทำอาหารไม่เป็น และไม่มีเงิน เราขอแนะนำนี่เลยค่ะ

รีวิวมาม่าคัพญี่ปุ่น ตอนที่ 1 คัพมาม่าที่หาได้ในร้านสะดวกซื้อ

รีวิวมาม่าคัพญี่ปุ่น ตอนที่ 2 คัพมาม่าแบบ Healthy สำหรับคนไดเอท

มาม่าซื้อตาม drug store หรือซูเปอร์มาร์เก็ต จะถูกกว่าซื้อที่ร้านสะดวกซื้อค่ะ

เครดิต http://www.photo-ac.com/

6) ค่าเดินทาง

ข้อนี้สำหรับคนที่ที่พักไกลจากโรงเรียนหรือที่ทำงาน ค่ารถไฟขั้นต่ำของญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 160 เยน

และแพงขึ้นเรื่อยๆตามระยะทาง สำหรับ นักเรียนนั้นสามารถทำเรื่องขอส่วนลดค่าเดินทางในการซื้อตั๋วเดือน

ได้ค่ะ (ตั๋วเดือนคือตั๋วที่สามารถเดินทางระหว่างสถานีที่พักไปสถานีใกล้สถานศึกษา กี่ครั้งก็ได้ในหนึ่งเดือน ) 

สำหรับคนทำงาน ปกติบริษัทจะออกค่าเดินทางให้ ไม่มีปัญหาค่ะ


7) ค่าของใช้ในชีวิตประจำวัน 1,500 - 10,000 เยน 

หมายถึงพวกสบู่ ยาสระผม น้ำยาล้างจาน น้ำยาซักผ้า และรวมถึงวิตามิน และเครื่องสำอางต่างๆ

ข้อนี้ หนุ่มๆอาจจะประหยัดกว่าสาวๆไปได้มาก สำหรับยาสระผมและสบู่อาบน่้ำ 

ราคาปกติ ก็จะราวๆขวดละ 300 - 500 เยนค่ะ ราคาก็แล้วแต่ร้านค้าเลย บางแห่งก็มีจัดโปรโมชัน 

ทำให้ราคาถูกไปอีกก็มีค่ะ 


สรุปแล้วในแต่ล่ะเดือนจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 เยน ขึ้นไปค่ะ อันนี้ตัวแปรอยู่ที่

ค่าเช่าห้องกับค่ากินล้วนๆเลย 


อย่างของเรา สมัยเป็นนักเรียนภาษาอยู่ที่โอซาก้า ใช้ชีวิตแบบประหยัดๆ

ค่าหอ (ห้องคู่) 35,000 เยน รวมค่าน้ำค่าอินเทอร์เน็ตและค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ตอนนั้นใช้

แบบถูกที่สุด (ไม่ใช่สมาร์ตโฟน) 2,000 เยน ค่าประกันสุขภาพประมาณ 1,600 เยน ค่ากินค่าใช้ซื้อของใช้

และเที่ยวประมาณอาทิตย์ละ 10,000 เยน ​รวมเป็น 78,600 เยน ต่อเดือน แต่ขอบอกชีวิตช่วงนั้น

แทบไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไปเพราะอยากประหยัดเงิน อาหารก็ทำทานเองหมด

เอาจริงๆแอบเสียดายเวลาชีวิตในตอนนั้นมากๆ 


และต่อมาพอย้ายเข้าโตเกียว เรียนเซมมง ค่าหอ 65,000 เยนต่อเดือน รวมค่าน้ำค่าไฟ (แต่ถ้าใช้เกิน

กำหนดต้องจ่ายเพิ่มส่วนใหญ่จะโดนประมาณเดือนละ 500 เยน) ค่าหอรวมอาหารเช้าเย็น ก็มีค่าใช้จ่ายคือ

ค่าอินเทอร์เน็ตประมาณ 3,000 เยน ค่าโทรศัพท์ (ไม่ใช่สมาร์ตโฟน) 2,000 เยน ค่าประกันสุขภาพ รู้สึกจะ 2,000เยน (ย้ายเขต

แพงขึ้น) และค่าใช้จ่ายประจำวัน (ค่าอาหาร กลางวัน และค่าอาหารในวันหยุด) รวมค่าพวกอุปกรณ์การเรียนด้วย 

ประมาณเดือนละ 60,000 เยน รวมเป็น132,500 เยนต่อเดือน ตอนนั้นเริ่มมีเพื่อนไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างชีวิตไม่ตึง

จนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยอะไรมากค่ะ


หลังจากพูดถึงแต่รายจ่ายมาแล้ว คราวนี้ขอพูดถึงรายรับกันบ้างนะคะ 
สำหรับชีวิตนักเรียนในญี่ปุ่นนั้น สามารถทำงานพิเศษหารายได้เสริมได้ค่ะ
ค่าแรงจะได้ ประมาณ 800 - 1,000 เยนต่อชั่วโมง ทำได้ไม่เกิน 28 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
แต่ต้องขอใบอนุญาตก่อนนะคะ สำหรับบางเมือง ต้องใช้เวลา 1 เดือน หรือ 3 เดือนในการขอ

แต่บางเมืองก็ขอได้ทันทีค่ะ 


มาญี่ปุ่นใหม่ๆ ภาษาญี่ปุ่นอาจจะยังไม่ได้มาก สามารถหางานแนวโรงงาน หรือ 

ทำงานทำความสะอาดโรงแรมได้ค่ะ 


ส่วนตัวเรา เราเคยทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านเนื้อย่างเกาหลี ร้านอาหารไทย

และพนักงานขายบริษัทอินเทอร์เน็ต และงานทำความสะอาดหอ(ที่เราอยู่) 

ที่กล่าวนี่ คือ ทำทีละอย่างนะคะ ไม่ได้ทำรวดเดียวทุกอย่าง ><


จะบอกว่า งานร้านอาหารดีงามมากค่ะ! มีอาหารให้ ร้านอาหารไทยที่เราเคยทำ พี่ในครัว

ห่อข้าวให้กลับมาทานที่บ้านด้วยค่ะ ประหยัดค่าอาหารไปได้เยอะมาก แนะนำจริงๆค่ะ 

แถมสมัยที่ทำงานพิเศษนั้น รายได้ประมาณ 70,000 - 80,000 เยนต่อเดือน!

(ตอนนั้นแทบไม่ได้ขอเงินที่บ้านเพิ่มเลย) เรียกว่าทำงานพิเศษก็กินสบาย เที่ยวเล่น จนกระทั่งสามารถ

เก็บเงินซื้อแล็ปท็อปเครื่องใหม่ได้ด้วยค่ะ 


เป็นยังไงบ้างคะสำหรับบล็อกนี้ พอจะเป็นไอเดียให้เพื่อนๆที่กำลังตัดสินใจจะมา

เรียนต่อหรือทำงานที่ญี่ปุ่นได้ไหมคะ


ส่วนตัวเราคิดว่าถึงค่าครองชีพจะสูง แต่ช่องทางหารายได้ก็มีนะคะ ทำงานพิเศษ

พอประมาณไม่เบียดเบียนเวลาเรียน และเกินชั่วโมงที่เขากำหนดให้ทำ

เราก็สามารถมีรายได้พอค่ากินอยู่ของตัวเองแบบไม่ต้องรบกวนทางบ้านเท่าไหร่

ยิ่งถ้าทำงานในร้านอาหาร จะประหยัดค่าอาหารไปได้อีกด้วย 


แล้วพบกันใหม่นะคะ ^^


สำหรับคนที่สนใจอยากไปเรียนภาษาที่ประเทศญี่ปุ่น เรามีหลายโรงเรียนมาแนะนำเลย ลองเข้าไปดูรายละเอียดแต่ละโรงเรียนได้ที่ http://www.ilovejapanese.org/ 


ขอบคุณภาพจาก เว็บ free Material

http://www.photo-ac.com/

https://www.pakutaso.com/


Page เรื่อยเปื่อย ในญี่ปุ่น กับ afternoon silent