jpkrguys

​ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสหนุ่มต่างชาติในไทยนี่มาแรงสุดๆ โดยเฉพาะสายญี่ปุ่น และสายเกาหลีอย่างโอปป้า ไหนใครอยู่ทีมไหนยกมือขึ้น! วันนี้เราเลยจะมาแชร์ และเมาท์มอยประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเองที่เคยคบทั้งหนุ่มเกาหลี และหนุ่มญี่ปุ่นมาก่อน ซึ่งต้องบอกเลยว่าหนุ่ม 2 ชาตินี้นี่มีอะไรหลายๆ เรื่องที่ทั้งคล้าย และแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง! ต้องขอบอกก่อนนะคะว่า นี่เป็นเพียงความคิดเห็นจากมุมมองของตัวเองที่เจอมา ไม่ได้หมายความคนทั้งประเทศจะเป็นแบบนี้ทุกคน ป็อปคอร์นพร้อมกันแล้วใช่มั้ยคะ เราไปดูกันเลย!

1. การตอบข้อความ

อย่างที่ใครหลายๆ คนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าส่วนใหญ่แล้วหนุ่มญี่ปุ่นเนี่ยตอบข้อความช้ามากกกก สาวๆ คนไหนที่เพิ่งเคยคบกับหนุ่มญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก อาจจะกระวนกระวายว่า "ไอ้หมอนี่ต้องแอบไปมีกิ๊กแน่ๆ" ช้าก่อนค่ะ! ก่อนอื่นสาวๆ ต้องทำความเข้าใจถึงวัฒนธรรมต่างก่อน หากดูจากสถิติต่างๆ จะเห็นได้ว่าคนไทยเป็นชาติที่ค่อนข้างติดโซเชียล ไลน์ปุ๊ปตอบปั๊ป แต่สำหรับที่ญี่ปุ่นนี่ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวสุดๆ ต่อให้เป็นแฟนกัน บางทีถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่ไลน์หากันพร่ำเพรื่อก็มี บางคนจะไลน์เป็นเวลาเช่นตอนเช้ากับก่อนนอน ระหว่างทำงานต่อให้จับโทรศัพท์ก็ไม่ตอบไลน์ อะไรประมาณนี้ ตอนแรกที่เราคบกับหนุ่มญี่ปุ่นก็หงุดหงิดมากค่ะ แต่พออยู่ญี่ปุ่นไปนานๆ ก็เริ่มชิน แล้วตัวเองก็เริ่มติดนิสัยตอบไลน์ช้าเหมือนกัน 5555

ในทางกลับกัน ฝั่งเกาหลีนี่จะตอบแชทเร็วมากกก คือส่งข้อความไปปุ๊ปตอบปั๊ป เหมือนสแตนบายด์หน้าจอตลอดเวลา แต่คนเกาหลีส่วนใหญ่จะไม่นิยมเล่นไลน์ จะเล่น Kakao Talk กันค่ะ ข้อนี้วัยรุ่นเกาหลีส่วนใหญ่จะคล้ายกับวัยรุ่นไทยคือนิยมแชท​ คุยสัพเพเหระ เรื่อยเปื่อยได้ แถมยังมีฟีลคุยมุ้งมิ้งกุ๊งกิ๊งให้กระชุ่มกระชวยอีกด้วย แฟนของเราที่เป็นคนเกาหลีนี่ก็สาย 3 ช่า หยอดมุขตลอดเวลา แป้กไม่สนขอแค่ได้เล่น (เอิ่มมม...) สรุปคือ ใครที่ติดแชทกับแฟนตลอดเวลา ทีมโอปป้าชนะค่ะ!

2. การแสดงความรู้สึก

มาเริ่มกับที่ชาติที่ได้ชื่อว่าขี้อายอย่างหนุ่มญี่ปุ่นกันก่อนดีกว่า สาวๆ ทราบมั้ยคะว่าที่จริงแล้วหนุ่มญี่ปุ่นก็ไม่ได้ขี้อายไปทั้งประเทศนะ ที่ประเทศนี้เค้ามีการแบ่งประเภทผู้ชายด้วยล่ะ ตั้งแต่ผู้ชายกินเนื้อ หรือเรียกอีกอย่างว่าสายรุก สายลุย แมนๆ ไปจนถึงผู้ชายกินพืช คือสายที่ดูหงิมๆ ไม่ค่อยกล้ารุกสาวเท่าไหร่ ฝั่งญี่ปุ่นมักจะไม่ค่อยบอกรักตรงๆ ค่ะ มีอะไรก็อ้อมข้ามโลก ขนาดฟีลโรแมนติกๆ ก็ต้องมาตีความเองอีกว่า "อ้าวเมื่อกี้แกบอกรักชั้นหรอ" แต่การสกินชิพในที่สาธารณะสำหรับประเทศญี่ปุ่น เช่น จับมือ เป็นเรื่องปกติมากๆ ค่ะ เห็นแล้วอิจฉาอยากจะไปผ่ากลาง 5555

สำหรับฝั่งเกาหลีนี่จะแอดวานซ์ไปอีกระดับ คือสกินชิพในที่สาธารณะบ่อยมากกก และทุกคนจะมองเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากใครเคยไปเกาหลีคงนึกภาพออกกันใช่มั้ยคะ โอบไหล่ โอบเอว ยืนกอด จูบกันกลางถนนก็มี เรียกได้ว่าโรแมนติกไม่แคร์สื่อ สำหรับกุลสตรีไทยใจงามอย่างเราไม่ค่อยชินอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ขอเทใจให้ฝั่งสกินชิพน่ารักๆ พองามอย่างญี่ปุ่นดีกว่าค่ะ ​เราเคยเจอวัยรุ่นญี่ปุ่นยืนจูบดูดดื่มกันกลางสถานี ก็มีสายตามองแรงจากคนญี่ปุ่นที่เดินผ่านไปผ่านมาเหมือนกัน

อีกเรื่องที่เห็นได้ชัดของทางฝั่งเกาหลีคือ วัฒนธรรมเสื้อคู่ค่ะ ที่เกาหลีถือเป็นเรื่องธรรมดามากที่คู่รักจะแต่งตัวเหมือนกัน เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็นแฟนกัน แต่สำหรับที่ญี่ปุ่นนี่หายากมากๆ เพราะคนญี่ปุ่นค่อนข้างขี้อาย และมองว่ามันดูเชยที่แต่งตัวเหมือนกัน ดังนั้น ทางฝั่งคู่รักญี่ปุ่นจะนิยมเป็นใส่เสื้อผ้าสีโทนเดียวกันมากกว่าค่ะ เก๋ไปอีกแบบ


3. การดูแลตัวเอง และห่วงภาพลักษณ์

สำหรับข้อนี้เรียกว่ากินกันไม่ลงเลยล่ะค่ะทั้งฝั่งเกาหลีและฝั่งญี่ปุ่น เพราะหนุ่มๆ 2 ชาตินี้ส่วนใหญ่เป็นชาติที่ห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองสุดๆ ตั้งแต่เสื้อผ้า หน้า ผม แต่งตัวแต่ละครั้งจะต้องแมทช์สีเสื้อและกางเกงให้เข้ากัน พร็อบหมวกต้องพร้อม บางคนนี่ถึงขั้นพกบีบีสำหรับผู้ชายด้วยนะ โอ้ยจะเป็นลม ชะนีไทยยอมไม่ได้ค่ะ! สำหรับแฟนเก่าคนญี่ปุ่นที่เราเคยคบค่อนข้างติดแบรนด์เนม เจอกันวันไหนจะต้องเจอของแบรนด์เนมซักชิ้นบนร่างกายของเค้า เพราะเค้าบอกพอมีของแบรนด์แล้วรู้สึกมั่นใจตัวเองมากขึ้น 

สำหรับฝั่งเกาหลี คนนี้ไม่ติดแบรนด์เนมก็จริง แต่ด้วยความที่วัฒนธรรมของประเทศนี้ค่อนข้างแคร์ในเรื่องรูปลักษณ์ และการแต่งตัวสุดๆ จึงใช้เวลานานมากกว่าจะเสด็จออกจากบ้านค่ะ เพราะฮีแกจะถ่ายรูปแล้วส่งมาให้ดูถามว่าวันนี้ใส่ตัวนี้คู่กับอะไรดี พอเราบอกไปตรงๆ ชุดนี้ไม่เข้ากัน มีการงอนใส่อีก อ้าว! ผิดเฉยเลยตรู

4. การเทคแคร์เอาใจใส่

มีผู้หญิงส่วนใหญ่มักพูดกันว่าผู้ชายญี่ปุ่นไม่ค่อยเทคแคร์ เราขอบอกว่า "ไม่เสมอไปค่ะ" ความจริงผู้ชายญี่ปุ่นส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ชินกับวัฒนธรรมต่างชาติที่ต้องดูแลผู้หญิงเท่าไหร่ สาเหตุมาจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศนี้ที่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายดูแลผู้ชาย ดูได้จากหนังหรือซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่มักจะเห็นฉากภรรยาดูแลงานในบ้าน โดยที่สามีไม่ช่วยอะไรเลย เพราะเค้ามองว่าหน้าที่ใครหน้าที่มัน

เราเคยไปกินข้าวกับเพื่อนคนญี่ปุ่นแล้วตักกับข้าวให้ สำหรับบ้านเราเป็นเรื่องธรรมดาใช่มั้ยล่ะคะ แต่ตอนนั้นพวกเค้าอึ้งกันมากบอกใจดีจังเลย (เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ!) กรณีแฟนเก่าเราซึ่งเคยอยู่อเมริกามาก่อน จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับวัฒนธรรม Lady First ต่อให้เป็นพวกปากแข็ง ไม่พูดจาหวานๆ เท่าไหร่ แต่การกระทำเค้าคือเทคแคร์ค่อนข้างดีมากค่ะ สรุปคือ มีผู้ชายญี่ปุ่นหลายคนที่ยินดีเปย์ให้ผู้หญิงนะ ต่อให้ไม่ต้องเลี้ยงเราทุกมื้อ แค่เวลาหารกันแล้วเค้าเสนอว่าจะออกมากกว่าเรา เพียงแค่นี้ก็เกิด First Impression ดีๆ ได้แล้วค่ะ

ไปดูกันที่ฝั่งเกาหลีซึ่งได้ชื่อว่าดูแลเทคแคร์แฟนแบบสุดๆ อันนี้เรื่องจริงค่ะ ยกตัวอย่างเช่น การเสนอตัวไปช็อปปิ้งเป็นเพื่อนเราโดยไม่ต้องขอ (แต่ไปแล้วฮีก็บ่นอุบอิบตามประสา) อยากไปไหนไปกัน เวลาไปไหนมาไหนทำอะไรจะถ่ายรูปส่งมาให้ดู หรือรายงานเราตลอด ฟีลเหมือนหลุดออกมาจากซีรี่ส์เลยล่ะค่ะ แต่แฟนเก่าคนเกาหลีที่เราคบไม่ใช่สายเปย์เท่าไหร่นะ 5555

5. เวลาทะเลาะกัน

คนเกาหลีส่วนใหญ่มักมีอุปนิสัยเชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง อีโก้ค่อนข้างสูง และที่สำคัญขี้งอนเก่งมากค่ะ เราตอบข้อความช้า หรือหายไปทำอะไรโดยไม่บอกเค้าก็จะงอนตุ๊บป่อง พาลทะเลาะกันก็มี เวลาทะเลาะกันทีไรก็จะค่อนข้างแรงกันทั้งคู่ เถียงกันไปเถียงกันมา แต่เรียกได้ว่าเป็นความสัมพันธ์แบบโกรธง่ายหายเร็วค่ะ ถ้าเราเป็นฝ่ายผิด เราก็ควรขอโทษไปตรงๆ รอให้ทั้ง 2 ฝ่ายเย็นก่อนแล้วปรับความเข้าใจด้วยเหตุผล ไม่ควรปล่อยให้เงียบข้ามวันเด็ดขาด​

ในทางตรงกันข้าม เรากับแฟนเก่าคนญี่ปุ่นเวลาทะเลาะกันทีไร เราจะใช้ภาษาญี่ปุ่นกากๆ นี่ล่ะค่ะเข้าสู้ ต่อให้ภาษาสู้เจ้าของไม่ได้ก็เถอะ 555 หรือถ้าเหลืออดจริงๆ เราด่าเป็นภาษาไทยนี่ล่ะ แต่สำหรับฝ่ายนี้ ถ้าทะเลาะกันเค้าจะชอบเล่นมุขหรือกวน Teen ใส่ให้เราหายโกรธ เพื่อไม่ให้เถียงกันยืดยาวค่ะ ยกตัวอย่าง เราเคยโกรธแฟนมากๆ เลยไลน์เป็นภาษาไทยตอบกลับไป ปรากฎว่าฮีเอาข้อความเราไปแปลใส่กูเกิ้ล แล้วแคปหน้าจอที่แปลส่งกลับมาพร้อมกับคำว่า "ごめん!" เจอแบบนี้อินี่อึ้งสิคะ จากโกรธๆ อยู่กลายเป็นฮาแตกหายโกรธไปเลย


6. ความตรงต่อเวลา

​หนุ่มเกาหลีเป็นชาติที่ตรงต่อเวลาสุดๆ เลทอย่างมากไม่เกิน 10-15 นาที ใครที่อยากคบกับคนเกาหลีต้องเป็นคนรักษาเวลานิดนึงนะคะ เพราะถ้านัดกันแล้วไปสายโดยไม่แจ้งเค้าล่วงหน้า เค้าอาจชิ่งกลับเลยโดยไม่บอกเราก็มี ฉะนั้นสาวๆ คนไหนที่มีแฟนเป็นสายโอปป้าล่ะก็ไม่ต้องกลัวว่าจะแต่งตัวสวยไปรอแฟนเก้อเลยล่ะค่ะ 

แต่ในทางกลับกัน! ชาติญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าตรงต่อเวลานี่ขอค้านสุดๆ ค่ะ โดยเฉพาะพวกวัยรุ่นญี่ปุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยรักษาเวลาเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่นัดสำคัญเหมือนสัมภาษณ์งานจริงๆ เพราะคนรอบตัวเราไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือแฟนนี่สายตลอดดดด! นัดเวลานี้กว่าจะมาถึงเลทเกือบครึ่งชั่วโมงเป็นประจำ ดังนั้นเราจะแก้เผ็ดด้วยวิธีแบบคนไทยค่ะ คือนัดล่วงหน้าไปก่อนแล้วค่อยไปเลทบ้าง จะได้มาถึงเวลาพร้อมๆ กัน 5555


7. วัฒนธรรมการจีบ

วัฒนธรรมการจีบของ 2 ชาตินี้อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย สำหรับฝั่งเกาหลี อันนี้คงไม่ต้องพูดมากเพราะคาดว่าหลายๆ คนคงรู้กันอยู่แล้ว เป็นชาติที่ชัดเจนมากค่ะ พูดตรงๆ ชอบบอกชอบ จีบบอกจีบ ทำให้เราวางตัวถูก นับถือในความชัดเจนและตรงไปตรงมาของโอปป้าสุดๆ ความสัมพันธ์จึงค่อนข้างพัฒนาได้ไวกว่า 

สำหรับสายญี่ปุ่นคือจะเป็นแนวน้ำซึมบ่อทราย ถ้าไม่รุกหรือถามไปตรงๆ ก็จะไม่รู้สถานะของตัวเอง และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะที่เดทกับแฟนคนนี้มาตั้งหลายครั้ง แต่ก็ได้แต่ตั้งคำถามว่า "ระหว่างเราคืออะไร" ซึ่งช่วงจีบๆ กันนั่นล่ะชะนีไทยใจร้อน วัดดวงกับคำถามตรงๆ ต่อหน้าไปเลยว่า "นี่เรากำลังคุยๆ กันอยู่รึเปล่า" (ถ้าตอบไม่ใช่นี่หน้าแตกโพล๊ะบอกเลย 55555) แต่โชคดีที่อีกฝ่ายนิ่งไปซักพักก่อนจะพยักหน้าตอบกลับมา ความสัมพันธ์ถึงได้พัฒนาชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ


8. Social Media

​อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้นว่าญี่ปุ่นเป็นชาติที่ค่อนข้างหวงเรื่องความเป็นส่วนตัวมากที่สุด จึงไม่แปลกใจเลยค่ะที่เค้าคบกับเรา แต่เค้าไม่ยอมอัพรูปเราในโซเชียล เพราะคนชาตินี้ส่วนใหญ่จะแคร์สายตาคนรอบข้างมาก ไม่อยากโดนหาว่าอวดแฟน และบางคนมองว่าการอัพรูปแฟนลงช่องทางโซเชียลของตัวเอง เช่น Facebook, Instagram ส่วนใหญ่ไม่เท่เลย และวัยรุ่นญี่ปุ่นบางคนที่ไม่เล่น Instagram, Facebook นี่ถือเป็นเรื่องปกติมากค่ะ ดังนั้น การที่เค้าไม่อวดเราในโลกออนไลน์ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะมีผู้หญิงคนอื่นนะคะ ใครที่คบกับหนุ่มญี่ปุ่นแล้วเจอปัญหานี้อยู่ขอให้สบายใจได้เลย

แต่สำหรับชาติเกาหลีที่ติดโซเชียลสุดๆ ไม่ต่างอะไรกับชาวไทย ส่วนใหญ่เค้าจะไม่อายที่จะโชว์แฟนตัวเองลงช่องทางโซเชียลของเค้าค่ะ โดยเฉพาะช่องทาง Instagram กลับกันฝั่งนี้มองว่าการมีรูปแฟนในโซเชียลเป็นเรื่องดีเสียอีก แสดงว่าหนุ่มคนนี้ไม่ได้ขี้เหร่ ขายออกค่ะ 5555 และข้อดีอีกอย่างคือ วัยรุ่นเกาหลีส่วนใหญ่จะถ่ายรูปสวยมากกกถ้าเทียบกับหนุ่มญี่ปุ่น เพราะส่วนใหญ่จะรู้มุม รู้องศา ถ่ายยังไงให้ตัวเองดูสูงขายาว หลอกดาวสุดๆ ใครที่อยากมีรูปสวยๆ พร้อมกับมีฟีลแบบซีรี่ส์เกาหลีก็ลองควงโอปป้ากันดูมั้ยล่ะคะ อิอิ


เป็นอย่างไรบ้างคะจากประสบการณ์ความแตกต่างของหนุ่มเกาหลี และหนุ่มญี่ปุ่นผ่านมุมมองของเรา คาดว่าสาวๆ หลายคนที่อ่านอยู่คงต้องคิดในใจ "เออ เหมือนกันเลย" อยู่ใช่มั้ยล่ะคะ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าใครก็มีข้อดีและข้อเสียกันทั้งนั้นค่ะ แน่นอนว่านิสัยก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล...แล้วหนุ่มๆ ของคุณล่ะคะ เป็นแนวไหนกันบ้างเอ่ย (^^)

ขอขอบคุณรูปภาพประกอบเพิ่มเติมจาก

  • https://weheartit.com/entry/305989439
  • https://in.pinterest.com/pin/814236807607893099/
  • https://www.wsj.com/articles/maker-of-korean-chat-app-to-ignore-legal-demands-for-users-messages-1413202926
  • https://koreanups.blogspot.com/2017/07/korean-couple-look.html
  • https://www.cbc.ca/news/canada/british-columbia/sfu-flex-n-feel-gloves-long-distance-relationships-1.3981258
  • https://www.elitedaily.com/dating/boyfriend-criticizes-me-breakup/2029587
  • https://savvytokyo.com/is-japans-younger-generation-bound-to-change-the-nations-problem-with-adultery/young-japanese-couple-spending-time-together-in-tokyo-2/



ติดตามรับข่าวสารเกี่ยวกับญี่ปุ่น

YouTube: www.youtube.com/ilovejapanth/

Facebook: www.facebook.com/ILoveJapan.th/

Twitter: https://twitter.com/ILOVEJAPANTH

Instagram: www.instagram.com/ilovejapanth/

TikTok: https://www.tiktok.com/@ilovejapanth

ทดลองเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟรี 3 วันได้ที่ www.ilovejapanschool.com