t ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

5 สถานที่เที่ยว และ กิจกรรม ห้ามพลาดในจ.อาคิตะ

5 สถานที่เที่ยว และ กิจกรรม ห้ามพลาดในจ.อาคิตะ

By , Tuesday, 15 October 2019

สวัสดีค่ะ! เมื่อสัปดาห์ก่อนมายไปเที่ยวที่จังหวัดอาคิตะมา

เลยอยากจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกใจให้ทุกคนรู้จักค่ะ

เมื่อพูดถึงจังหวัด "อาคิตะ" หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึง เจ้าหมาพันธุ์อาคิตะกันใช่ม้า

แต่จริง ๆ แล้วจังหวัดอาคิตะ มีหลายอย่างที่ขึ้นชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว, เหล้าสาเก, สาวงาม และที่สำคัญธรรมชาติที่สวยงามมากมาย

พร้อมแล้วเรามาดูกันเลยค่ะ ^^


1."ออนเซ็นโคลน" ที่ Goshogake Onsen

2. ป่าดาเคะได

3. ลองกินราเมงเนื้อม้า

4. เช่าชุดสไตล์ยุโรปโบราณใส่ที่ Kosaka Mine Office

5. ขึ้นกระเช้าชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูเขา Moriyoshisan

----------------------------------------------------------------


1. "ออนเซ็นโคลน" ที่ Goshogake Onsen 

โกโชกะเคะ ออนเซ็น (後生掛温泉, Goshōgake Onsen)

เป็นออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในภูเขา Hachimantai ซึ่งเป็นภูเขาไฟ ทำให้เกิดออนเซ็นโคลนแห่งนี้ขึ้น
อุณหภูมิของออนเซ็นจะอยู่ที่ประมาณ 98℃ เพราะฉะนั้นจะแช่ที่นี่ไม่ได้นะคะ
ใครอยากแช่ ข้าง ๆ มีเรียวกังที่อยู่ติดกับป่าเลยให้แช่ได้ เดี๋ยวจะมารีวิวด้านล่างอีกทีค่ะ


รูปด้านบน เป็นทางขึ้นภูเขาไฟที่จะไปชมออนเซ็นโคลนตามจุดต่าง ๆ 

พร้อมคุณ Watanabe ที่เป็นไกด์พาเดินชมในครั้งนี้ คุณ Watanabe 

บอกว่าเขาชอบเขาลูกนี้มาก เดินขึ้นเขาทุกวันเลย แข็งแรงมาก อายุ 70 ปีแล้ว

​ระหว่างทางเข้ามีห้องน้ำ แต่ที่หน้าห้องน้ำมีเจ้าปี๊บนี้ด้วย เอาไว้ตีก่อนเข้าห้องน้ำ

ถามว่าตีทำไม? เอาไว้ไล่หมีค่ะ ที่ภูเขาแห่งนี้มีหมีด้วย จังหวัดนี้นอกจากหมาแล้ว 

ยังมีหมีเยอะพอ ๆ กัน

ก่อนเข้าห้องน้ำ ถ้าเราตีปี๊บอันนี้ เจ้าหมีที่อยู่ในห้องน้ำ ได้ยินจะได้วิ่งหนีออกจากห้องน้ำ 

เพราะเขาว่ากันว่าหมีไม่ชอบเสียง

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่คนที่กลัวหมีอย่างเดียว หมีที่บ้านนอกเองก็กลัวคนเหมือนกัน 

เพราะฉะนั้น เวลาเดินป่า คนญี่ปุ่นมักจะแขวนกระดิ่งไว้ตรงไม้เท้าเพื่อให้มีเสียงตลอดเวลา 

หมีได้ยินจะได้ไม่เข้าใกล้

(ขออนุญาตเสริมความรู้รอบตัวเล็กน้อย555) ตรงปี๊บ มีภาษาญี่ปุ่นเขียนอยู่ว่า 熊よけ kuma yoke แปลว่า กันหมี ค่ะ

ระยะทาง เดินไม่ไกลมากก็เจอบ่อออนเซ็นโคลนแล้วค่ะ 

ช่วงที่มายไปเป็นช่วงกลางเดือนตุลาคม ใบไม้เริ่มเปลียนสีแล้ว

เราจึงสามารถถ่ายรูปคู่กับใบไม้เปลี่ยนสีได้ระหว่างทาง

อากาศบริสุทธิ์ดีมาก แต่ก่อนไม่เข้าใจว่าทำไมคนญี่ปุ่นชอบเดินป่า ตอนนี้เข้าใจแล้ว


​เดินมาสักพักจะเจอร้านขาย "ไข่ดำ"  ว่ากันว่า ถ้ากินไข่ดำใบนี้แล้วจะสวยขึ้น

จริงรึเปล่าไม่รู้ แต่มายซื้อมากินแล้ว 1 ใบ

เขาบอกว่าไข่นี้ต้มมาจากออนเซ็นโคลนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

ใครที่ได้มาแวะมาที่นี่ ลองซื้อมากินดูนะคะ 


​เอาล่ะ มาดูบรรยากาศรอบๆกัน

เส้นทางในการเดินภูเขานี้ไม่ยาวมาก ดูวนแค่ประมาณ 2 กิโลเมตรเท่านั้น 

เพราะฉะนั้นใครที่ไม่ชอบเดินทางไกล แนะนำว่าให้ลองมาสักครั้งจะติดใจค่ะ

ฤดูหนาวก็สวยเช่นกัน 

จะเป็นการเดินป่าท่ามกลางหิมะ จะสวยไปอีกแบบค่ะ 

นอกจากนี้ ข้าง ๆ มีเรียวกังที่มีออนเซ็นโคลนให้ลองอาบด้วยนะคะ มีทั้งแบบค้างแรมและไป-กลับ

ออนเซ็นที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องรักษาโรคต่าง ๆ ทำให้มีคนญี่ปุ่นหลายคนมาพักที่นี่แบบรายเดือน 

(แบบหอพัก ไม่มีอาหารให้ ต้องเข้าครัวทำอาหารเอง) เพื่อที่จะได้มาแช่ออนเซ็นทุกวัน

เข้าป่าเข้าฟรีนะคะ แต่ถ้าอยากลงออนเซ็นโคลน แบบไม่ค้างคืน 

จะมีค่าลงอออนเซ็น 600 เยน อีกหนึ่งไฮไลท์ในออนเซ็นคือซาวน่าแบบเป็นกล่องไม้

คือ เราสามารถเข้าไปอบซาวน่าในกล่องไม้นั้นเฉพาะตัว แต่หัวโผล่ออกมาข้างนอก

เสียดายที่เขาไม่ให้ถ่ายรูป เลยอดเอารูปมาให้เพื่อนๆดูกัน

อย่างไรก็ตาม ต้องนำผ้าเช็ดตัวมาเองนะคะ สำหรับใครที่ไม่มีผ้าเช็ดตัว 

ที่เคาน์เตอร์ก็มีขายเช่นกันค่ะ


วิธีการเดินทาง: เนื่องจากอยู่ในภูเขา สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง 

เพราะฉะนั้นจึงไม่มีรถไฟเข้าถึงค่ะ ต้องเช่ารถ หรือซื้อทัวร์ท้องถิ่นไป 

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.goshougake.com/


2. ป่าดาเคะได (岳岱 Dakedai forest)

​ป่าดะเคะได (岳岱 Dakedai ) ตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขา Shirokamisanchi (白神山地) 

ได้รับยกย่องเป็น "มรดกโลกแห่งแรก" ในประเทศญี่ปุ่น 

เทือกเขานี้ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดอาคิตะและจังหวัดอะโอโมริ

เป็นเทือกเขาที่ยังคงความเป็นธรรมชาติแบบดั้งเดิมอยู่มาก 

ผิดจากมรดกแห่งอื่นที่รัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้องและมีการบูรณะ

ตั้งร้านขายของต่าง ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นที่นี่จึงเหมาะมาก 

สำหรับใครที่ชอบธรรมชาติมากแบบธรรมชาติจริง ๆ และยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว

ครั้งนี้ มายได้ไกด์ที่เก่งที่สุดในจังหวัดมาทำหน้าที่นำทางเดินป่า 

ชื่อคุณไซโต้ เขาเติบโตที่ภูเขาแห่งนี้และก็รักที่นี่มาก ๆ

ปีนี้เขาอายุ 70 ปีแล้วแต่ยังแข็งแรงมาก ๆ เป็นที่รักและรู้จักของคนในท้องถิ่นมากเลยทีเดียว

ป่าแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องต้นบีชมาก ๆ มีต้นบีชสวย ๆ มากมาย ต้นไม้เขียวชะอุ่ม

ช่วงฤดูหนาวก็จะมีหิมะปกคลุมขาวโพลนสวยไปอีกแบบ

ยิ่งไปกว่านั้น ป่าแห่งนี้ยังถูกหยิบยกไปเป็นซีนในการ์ตูนชื่อดังเรื่อง 

The Momonoke Princess ในเครือ Ghibli อีกด้วย


สำหรับการเดินทาง เนื่องจากที่นี่เป็นป่าที่เป็นมรดกโลกและยังคงเป็นความเป็นธรรมชาติ

ไว้อยู่มาก จึงต้องเดินทางโดยรถยนต์ และแนะนำให้จ้างไกด์ค่ะ 

สำหรับการจ้างไกด์ เขาจะพาชมประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งไม่ใช่แค่ป่า Dakedai เท่านั้น 

แต่จะมีป่าอื่น ๆ ในเทือกเขา Shirokamasanchi ด้วย


 3. ลองกินราเมงเนื้อม้า

เดินป่ามาพอละ เรามาแวะกินอาหารขึ้นชื่ออย่างนึงของจังหวัดอาคิตะ นอกเหนือจาก คิริทัมโปะ กันบ้าง

นั่นก็คือ  "ราเมงเนื้อม้า" (Baniku Ramen) นั่นเอง

เนื้อม้านี้เป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองคิตะ อาคิตะเลย เพราะว่าที่เมืองนี้มีม้าเยอะ 

และเลี้ยงม้าเอาไว้รับประทานกัน เพราะฉะนั้น เนื้อม้าจึงมีราคาถูกมาก

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้มายมาลองกินราเมงเนื้อม้าที่ร้าน Kogumatei (こぐま亭)

ร้านอยู่ในสถานีรถไฟ Ani-ai (阿仁合)

ราคาชามละ 980 เยนเท่านั้น

บรรยากาศสถานีน่ารัก คล้าย ๆ คาเฟ่ นอกจากราเมงเนื้อม้าแล้ว ยังมีสตูว์เนื้อม้าอีกด้วย

สำหรับคนที่ไม่อยากรับประทานเนื้อม้า เขาก็มีเมนูอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เนื้อม้าเหมือนกันค่ะ เช่น สเต็กไก่ แซนวิช กาแฟ ฯลฯ

​พิกัด : Aniai Station 

Shimoshinmachi Aniginzan, Kitaakita, Akita 018-4613, Japan


4. เช่าชุดสไตล์ยุโรปโบราณใส่ที่ Kosaka Mine Office

​Kosakakozan (小坂鉱山) หรือสำนักงานเหมืองแร่ 

ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1905 

ซึ่งเป็นยุคที่เหมืองแร่บูมมากในประเทศญี่ปุ่น มีทั้งหมดสามชั้น ภายในอาคารทำด้วยไม้

พอเข้าไปจะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในบ้านยุโรป เนื่องจากสร้างตามสไตล์เรอเนซองส์ (Renaissance)


เอาล่ะ! มาถึงกิจกรรมไฮไลท์ของที่นี่กันแล้ว นั่นก็คือ การเช่าชุดสไตล์ยุโรปใส่ 

หรือในภาษาญี่ปุ่นจะเรียนว่าモダン衣裳 (modan ishou) 

ในร้านมีชุดให้เลือกมากมาย หลากสี มีทั้งชุดสไตล์เจ้าหญิง เจ้าชาย เจ้าสาว ฯลฯ นอกจากนี้ ชุดของเด็กก็มีนะ

สามารถเช่าได้ในราคา 720 เยน (ประมาณ 200-300 บาท) เท่านั้น!! (ถูกมากกกก)

ระยะเวลาในการเช่าคือ 30 นาที สามารถใส่เดินถ่ายรูปสวย ๆ 

นตามตัวอาคารที่เป็นแนวยุโรปได้ ไม่ได้ถ่ายในสตูดิโอเหมือนร้านถ่ายรูปทั่วไป 

เลยทำให้ดูเป็นธรรมชาติ 

(เขาไม่มีตากล้องให้นะคะ ต้องถ่ายเองหรือพาเพื่อนมาช่วยถ่ายให้เรา)

เรามาดูกันดีกว่าว่ามีชุดอะไรบ้าง

​ชุดมีให้เลือกเยอะมากจนเลือกไม่ถูกเลย

สรุปก็เลยเลือกชุดสีแดงไปละกัน ใช้เวลาแต่งตัว 5 นาที

รูปด้านบนนี้ใช้กล้องดิจิทัลธรรมดาถ่ายค่ะ ^^

สำหรับใครที่สนใจหรืออยากจองล่วงหน้าสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 

http://kosaka-mco.com/publics/index/93/ ค่ะ

5. ขึ้นกระเช้าชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูเขา Moriyoshisan

 สำหรับใครที่อยากชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวย ๆ จากที่สูง แนะนำที่นี่เลยค่ะ

ตอนนั่งกระเช้ามองลงมาจะเห็นวิวภูเขาเป็นใบไม้เปลี่ยนสีเป็นลูก ๆ สวยมาก ๆ เลย

โดยกระเช้าจะขึ้นไปยอดเขาใช้เวลาประมาณ 20 นาที ขากลับอีก 20 นาที

ตอนที่ไปถึงข้างบนภูเขา เราสามารถปีนเขาชมวิวต่อได้ เพราะกระเช้าที่พาขึ้นไปนั้นยังพาไปไม่ถึงยอดเขา

แต่สำหรับผู้สูงอายุจะไม่ค่อยแนะนำให้ปีนสักเท่าไหร่ อาจขึ้นกระเช้าไปชมวิว และลงมาก็พอค่ะ

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหน้าหนาว ที่นี่ก็สวยมากเช่นกัน เพราะเราจะได้เห็นวิวหิมะขาวโพลนปกคลุมไปทั่ว

และยังเปิดให้เป็นสกีรีสอร์ตอีกด้วย ใครที่ชอบเล่นสกีไม่ควรพลาดที่นี่ค่ะ

ราคาค่าขึ้นกระเช้า

                      ผู้ใหญ่                   เด็กประถม

เที่ยวเดียว       1200 เยน             500 เยน

ไป-กลับ          1800 เยน             800 เยน


วิธีการเดินทาง

นั่งรถไฟของ Akita Nairiku Jukan Railway ไปลงที่สถานี  Aniai
จากนั้นนั่งแท็กซี่ไปประมาณ 20 นาที (ควรจองแท็กซี่ก่อนล่วงหน้า 30 นาที)

ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.aniski.jp/



เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ^^ 

คิดว่าใครที่ชื่นชอบธรรมชาติ น่าจะชอบจังหวัดอาคิตะมาก ๆ 

จริง ๆ แล้ว จังหวัดนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ไว้โอกาสหน้ามายจะมารีวิวอีกนะคะ

ป.ล. รูปด้านล่างสุด มายถ่ายรูปกับโปสเตอร์สาวงามที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของจ. อาคิตะ 

ผู้หญิงคนนี้ถ้ายังมีชีวิตอยู่ น่าจะอายุประมาณ 100 กว่าปีค่ะ สวยมากเลย

======================

IG: ilovejapanth

IG ส่วนตัว: myneeracha

twitter: ilovejapanth

Youtube: www.youtube.com/ilovejapanth

บทความล่าสุด