เชื่อว่าคงมีหลายๆคนที่ครั้งหนึ่งในชีวิตมีความฝันว่าอยากเป็นนักบิน หรืออย่างน้อยก็อยากจะลองเป็นนักบินดูสักครั้ง
ตอนนี้ฝันของคุณอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้วค่ะ !!
เพราะที่ "พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์การบิน" หรือ Musuem of Aeronautical Science (航空科学博物館) ที่อยู่ใกล้ๆกับสนามบินนาริตะ เขามีเปิดเราได้ลองใส่ชุดกัปตัน เข้าชมข้างในเครื่องบินจำลอง และได้ลองขับเครื่องบินแบบซิมูเลเตอร์ดูกันแล้วค่ะ
ถ้าอยากรู้เรื่องราวต่างๆว่าเดินทางอย่างไร ทำยังไง ก็ตามมายมาชมกันเลยค่ะ!
ก่อนอื่น เราต้องซื้อตั๋วกันก่อน ราคาค่าเข้าตามด้านล่างนี้ค่ะ
ผู้ใหญ่ 500 เยน (ประมาณ 150 บาท)
เด็กมัธยม 300 เยน (ประมาณ 100 บาท)
เด็กตั้งแต่ 4 ขวบขึ้นไป 200 เยน (ประมาณ 60-70 บาท)
เรียกว่าถูกมากเลยค่ะ (เมื่อเทียบกับพิพิธภัณฑ์ทั่วไปของญี่ปุ่น) เพราะนอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังสนุกและได้ถ่ายภาพสวยๆเป็นที่ระลึกอีกมากมาย
ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีทั้งหมด 5 ชั้น โดยชั้นแรก ที่เป็นชั้นหลัก จะเป็นพิพิธภัณฑ์ รวมทั้งซิมูเลเตอร์ให้ลองขับเครื่องบิน โมเดลเครื่องบินจำลอง โมเดลเครื่องจักรต่างๆ และร้านขายของที่ระลึก เกม ฯลฯ
ส่วนชั้นบนๆ ก็จะมีร้านอาหาร พร้อมกับมีที่ที่ชมวิวเครื่องบิน (ของจริง) ที่กำลังจะลงจอดที่สนามบินนาริตะในระยะใกล้ด้วยนะคะ (ในส่วนนี้เดี๋ยวจะมาพูดถึงกันอีกทีตอนท้ายๆค่ะ) ^^
ต่อไป เราจะไปชมโมเดลเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 747 กัน ขอบอกว่าเท่มาก! แต่เขาจะเปิดเป็นรอบๆให้เข้าชม สามารถดูตารางเวลาได้ที่หน้าเคาน์เตอร์ทางเข้า
ถ้าจะไปดูเฉยๆไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ แต่ถ้าอยากได้ไกด์พาชมข้างในเครื่องด้วยจะต้องเสียเงินคนละ 500 เยนค่ะ ทั้งนี้ช่วงเวลาที่จะเปิดให้คนเข้าไปดูนั้น ถ้าเป็นวันเสาร์ - อาทิตย์จะเปิดรอบ(เกือบ)ทุกๆหนึ่งชั่วโมงเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าเป็นวันธรรมดา รอบก็อาจจะน้อยลงมาหน่อยค่ะ
ไกด์ของเราบอกว่า เครื่องบินจำลองรุ่นนี้ (โบอิ้ง 747) ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นเลิกใช้ไปแล้วนะคะ จะเป็นรุ่นใหม่แทน (จำชื่อรุ่นไม่ได้ ขอโทษด้วยค่า ^^;)
สมัยก่อนสายการบิน Japan Airlines ก็เคยใช้รุ่นนี้เหมือนกันค่ะ
เอาล่ะ! เรามาดูข้างในกันบ้างดีกว่าว่าเป็นยังไง
ภาพด้านบนนี้คือด้านในเครื่องบินค่ะ สังเกตตามภาพจะเห็นว่าภายในจะถูกแบ่งเป็นสองโซน คือ ฝั่งขวา ซึ่งเป็นโซนที่ผู้โดยสารนั่งแบบที่เราเห็นๆกันทั่วไปเวลานั่งเครื่องบิน ส่วนโซนฝั่งซ้าย คือ โซนที่แสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วส่วนประกอบของเครื่องบินมีอะไรกันบ้าง
ตอนที่มายยืนชมอยู่ที่ฝั่งขวา ก็มองไปด้านบน ปรากฎว่าเห็นสายไฟเส้นใหญ่ๆพร้อมกับสายโลหะเต็มไปหมด ก็เกิดความสงสัย ไกด์ที่นี่ก็บอกว่า เป็นสายที่เอาไว้บังคับเครื่องบิน
และด้านบนคือห้องขับเครื่องบิน หรือที่รู้จักกันในชื่อ Cockpit นั่นเองค่ะ
และแล้ว... ก็ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปชมห้องขับเครื่องบินกันแล้วววว เย่!!!!
ที่นี่เขามีชุดกัปตันพร้อมหมวกให้ยืมใส่ด้วยค่ะ (เพื่อความสมจริง) พอได้ลองนั่งเครื่องบินที่จำลองห้องคนขับแล้วจะรู้สึกว่าเหมือนของจริงเป๊ะๆ! คือ มายรู้สึกว่ามันอลังฯมากๆเลยค่ะ ข้างบนมีปุ่มมากมายเต็มหมด เป็นนักบินนี่สุดยอดไปเลยนะคะ คนธรรมดาอย่างเราเข้าไปนั่งถึงกับงงว่าปุ่มไหนคือปุ่มไหน
แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ ไม่ใช่ใครก็เป็นนักบินได้ เพราะการเป็นนักบินจะต้องผ่านการทดสอบและฝึกฝนมากมาย
ปล. เครื่องบินรุ่นนี้ ในห้องcockpit จะมีคนอยู่ 3 คน คือกัปตัน (pilot) ผู้ช่วยกัปตัน (co-pilot) และวิศวกรเครื่องบิน (engineer)
ที่นั่งฝั่งซ้าย จะเป็นกัปตัน (วันนี้มายได้เป็นกัปตันเลยค่า 555) ฝั่งขวาจะเป็นผู้ช่วยกัปตัน และที่นั่งด้านหลังผู้ช่วยกัปตันจะเป็นวิศวกรค่ะ
ได้ภาพเท่ๆกันไปแล้ว ขอวกกลับไปเข้ากลับโซนการศึกษานิดหนึ่งก่อนไปลองขับเครื่องบิน
(ยังไม่จบนะคะ อย่าเพิ่งหนีหายกันไปไหน ^^)
ต่อไป...มาถึงช่วงลองขับเครื่องบินกันแล้วค่ะ! เมื่อกี้เราไปถ่ายรูปเป็นนักบิน ได้ภาพสวยๆเหมือนจริงกันไปแล้ว
ทีนี้เรามาลองหัดขับเครื่องบินแบบจริงจังกันบ้าง! แต่ขอเตือนก่อนนะคะว่า ไม่ใช่อยู่ดีๆแล้วเรานึกอยากจะเข้าไปขับก็ได้ ทางพิพิธภัณฑ์เขาจะมีกำหนดเป็นรอบๆค่ะ ยังไงขอแนะนำให้คนที่สนใจ สอบถามที่หน้าเคาน์เตอร์ชั้น 1 ก่อนว่า วันนี้มีรอบไหนบ้าง หรือถ้าไม่รู้ก็ถามเจ้าหน้าที่แถวๆนั้นก็ได้ค่ะ ^^
ส่วนที่ทุกคนอยากรู้ก็ คือ ค่าลองหัดขับเครื่องบินจะอยู่ที่ 100 เยนต่อคนเท่านั้น !!! กรี๊ดดดดด ถูกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ก็คิดดูสิคะว่า จะมีที่ไหนบ้างที่เปิดโอกาสให้คนธรรมด๊าธรรมดาอย่างเราลองขับเครื่องบินในราคา 100 เยน (แค่ 30 กว่าบาท ถูกกว่าข้าวจานหนึ่งที่บ้านเราอีกค่ะ สุดยอดจริงๆ)
และแน่นอนว่าการลองขับครั้งแรก เราก็ไม่รู้ว่าปุ่มไหนคืออะไร จะเอาเครื่องขึ้นเครื่องลงยังก็ยังไม่รู้ใช่ม้าาาา? .... แต่! ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะเพราะว่าที่นี่เขาจะมี instructor (ครูผู้สอน) มาคอยบอกวิธีขับให้อย่างใกล้ชิดค่ะ
สังเกตจากในรูปด้านบนดูนะคะว่า การลองขับเครื่องบิน (simulator) ของที่นี่จะต่างจากที่อื่นคือ วิวที่มองข้างหน้าไม่ใช่วิวหรือภาพจากคอมพิวเตอร์
แต่เป็นเครื่องบินลำใหญ่ข้างหน้าเราจริงๆเลยค่ะ เครื่องบินลำนั้นจะขยับตามทิศทางที่เราบังคับ เช่น ถ้าเรายกคันเร่งขึ้น เครื่องบินก็จะทะยานขึ้น ถ้าเราเลี้ยวขวา เครื่องบินก็จะเอนขวาตามค่ะ ครั้งนี้ลองมาขับครั้งแรกก็ยังงงๆกับการบังคับทิศทางอยู่ มีเบี้ยวไปเบี้ยวมา 555 แต่ก็สนุกดีค่ะ
ที่แน่ๆ ทำให้เราได้รู้ว่าเลยว่า "การขับเครื่องบินนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย" มายนับถือทุกคนที่มีโอกาสฝึกฝนจนสำเร็จเป็นนักบินมากจริงๆค่ะ เก่งมากๆเลยค่ะ ^__^
และหลังจากลองขับเครื่องบินกันแล้ว ต่อไปก็จะเป็นการพาไปดูวิวเครื่องบิน(ของจริง) ลงจอดระยะใกล้กันบ้าง!!
สำหรับจุดชมวิวของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีอยู่ 2 ชั้น คือชั้น 3 กับชั้น 5 โดยชั้น 3 จะเป็นจุดชมวิวกลางแจ้ง (ใครมีกล้องซูมยาวๆ พกมาได้ค่ะ ได้ฝึกฝนฝีมือแน่นอน) ส่วนชั้น 5 จะเป็นแบบ Indoor ค่ะ
แต่บังเอิญว่าวันที่มายไป ลมแรงมาก! เราเลยไปดูกันแค่ชั้น 5 (เพราะตัวอาจจะปลิวไปตามสายลมได้ เวลาลมแรงที่ญี่ปุ่นนี่ แรงจริงจังนะคะ แรงขนาดทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัวได้เหมือนกันค่ะ อย่าไปคิดว่าเหมือนลมเแรงแบบบ้านเรานะคะ)
จะว่าไปก็ขอกระซิบนิดหนึ่งว่า มีคนที่คลั่งไคล้เครื่องบินหลายคน วันๆไม่ทำอะไร มานั่งดูเครื่องบินที่นี่ หรือนักถ่ายรูปบางคนก็เอากล้องหรือเลนส์ราคาแพงมาเก็บรูปเครื่องบินลงจอดที่นี่ด้วยค่ะ เพราะนอกจากจะถ่ายได้มุมที่ดีแล้ว สนามบินนาริตะมีเครื่องบินทำการลงจอดถี่มากทุกๆ 2-3 นาที (เพราะตรงนี้เป็นจุดที่เครื่องบินจะลงรันเวย์พอดี) ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นช่างกล้อง คนที่รักการถ่ายภาพ หรือใครอยากฝึกปรือฝีมือ แนะนำจริงๆค่ะ เพราะมาตอนไหนก็เห็นเครื่องบินลงได้ค่ะ!
และแล้วก็มาถึง โซนสุดท้ายของวันนี้ นั่นก็คือโซนจัดโชว์เครื่องบินกลางแจ้ง ก็จะมีการจัดวางเครื่องบินรุ่นต่างๆของจริง ที่เคยถูกใช้งานมาแล้วให้เราได้ชมกัน ทว่าตอนนี้ทุกลำไม่ได้ถูกใช้งานแล้วค่ะ แต่ก็หลากหลายมากเพราะไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินลำเล็ก เฮลิคอปเตอร์ของหน่วยกู้ภัย มีให้เราดูทั้งนั้นเลย ขอบอกเลยว่าเท่ทุกลำค่ะ
และทั้งหมดนี้ก็คือ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสต์การบินแห่งเมือง Shibayama ค่ะ^^ บอกตามตรงเลยนะคะ ว่าจริงๆแล้วเป็นคนที่ไม่ค่อยอินกับพวกพิพิธภัณฑ์สักเท่าไหร่
แต่มาที่นี่ รู้สึกชอบมาก! คิดว่าถ้าใครพาเด็กมาก็สนุก ผู้ใหญ่มาก็ต้องชอบแน่นอนเลยค่ะ เพราะของจริงมันได้ความรู้สึกแบบ "ว้าว!!!" จริงๆ
สำหรับใครที่สนใจ อยากจะมาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ไม่ยากเลยค่ะ ถ้ามาจากสนามบินนาริตะยิ่งง่าย เพราะว่าใกล้กันมากๆ
การเดินทาง
จากสนามบินนานาชาตินาริตะ Terminal 1 (ชั้น 1 ป้ายรถเมล์เบอร์ 30) และ Terminal 2 (ชั้น 3 ป้ายรถเมล์เบอร์ 5) สามารถโดยสารรถบัสของสนามบินนาริตะได้ค่ะ ใช้เวลา 15 นาที ค่ารถ 210 เยน (รถบัสบริการวันละ 4 รอบ)
ส่วนพิพิธภัณฑ์เปิดให้บริการตั้งแต่ 10:00 - 17:00 น. ค่ะ
***สำหรับใครที่ไม่สะดวก กลัวจะหลง แนะนำว่าให้ลองใช้บริการ Narita Transit Program ที่สนามบินนาริตะดูค่ะ เพราะว่าโปรแกรมนี้จะมีไกด์อาสาสมัครชาวญี่ปุ่นที่พูดภาษาอังกฤษและจีนได้พาเที่ยว ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ
จะมีก็แต่ค่ารถของตัวเอง 210 เยนและค่าเข้า 500 เยนของตัวเอง (ของไกด์ไม่ต้องออกให้ค่ะ)
สำหรับเคาน์เตอร์ของ Narita Transit Program ก็หาไม่ยากเพราะตั้งอยู่ใกล้ๆกับทางออกที่รับกระเป๋าค่ะ
Terminal 1 เคาน์เตอร์จะอยู่ใกล้กับ Central Exit
Terminal 2 เคาน์เตอร์จะอยู่ใกล้กับ Exit A
สังเกตง่ายๆว่าเจ้าหน้าที่จะใส่เสื้อกั๊กสีชมพูแปร๊ด ข้างหลังเขียนว่า "Narita Transit Program" ค่ะ
บริการนี้จะเปิดตั้งแต่เวลา 09:00 ถึง 12:00 น. เท่านั้น เพราะฉะนั้นหากเพื่อนๆที่ต้องการวางแผนจะใช้บริการนี้ก็ต้องจัดตารางเวลากันให้ดีๆนะคะ ^^
ยิ่งไปกว่านี้ ใครที่แวะไปใช้บริการ Narita Transit Program นอกจากจะมีไกด์อาสาสมัครพาเที่ยวฟรีแล้ว
เขายังแจกน้ำ 1 ขวด และสมุดลายน่ารักๆอีก 1 เล่มด้วยค่ะ ใจดีมากเลย!! ^^
หลายคนอาจจะสงสัยว่าโปรแกรมนี้ Narita ได้อะไร? มีแต่ให้!
จริงๆแล้วโปรแกรมนี้ ทางสนามบินนาริตะตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนที่แวะมาเปลี่ยนเครื่องที่นาริตะ หรือคนที่มีเวลาเที่ยวจำกัดได้แค่แถวๆสนามบินนาริตะไม่นาน ก็จะได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวรอบๆ มีกิจกรรมทำและไม่เซ็งด้วย ส่วนไกด์อาสาสมัครที่มาช่วย ทุกคนก็อยากสนับสนุนการท่องเที่ยวของเมืองของเขา ก็เลยจัดโปรแกรมนี้ขึ้นมา
ฉะนั้น ใครที่มาลงที่สนามบินนาริตะ หากมีโอกาสก็อย่าลืมลองมาใช้บริการที่มายว่านี้ดูนะคะ ^^
รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่
I LOVE JAPAN GROUP CO.,LTD
Park Ploenchit
61/7 Sukhumvit 1 Road Khongtoey Nua
Wattana Bangkok, Thailand, 10110
info@ilovejapan.co.th