t ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

รีวิว Hotel New Century : ถ้าฟ้าเป็นใจก็สามารถเห็นฟูจิจากในห้องได้ทันที!

รีวิว Hotel New Century : ถ้าฟ้าเป็นใจก็สามารถเห็นฟูจิจากในห้องได้ทันที!

By , Sunday, 22 September 2019

​สวัสดีครับ ห่างหายไปนานกับการรีวิวที่พักโดยเฉพาะเมืองหลักหรือเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ดังนั้นในสัปดาห์นี้โอทารุจึงขอพาเพื่อนๆไปอ่านเอาความรู้กับการพาไปพักที่โรงแรมระดับ 3 ดาวชื่อดังที่สุดแห่งหนึ่งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่ทะเลสาบ Kawaguchiko กัน ซึ่งโรงแรมที่ผมจะพาไปรีวิวครั้งนี้ก็คือ Hotel New Century ครับ!

​สำหรับ Kawaguchiko ชื่อนี้คงไม่ต้องสาธยายอะไรกันมาก เพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยรู้จักกันดีมากกกกกกและถือเป็น "ไฮไลต์" ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่มาท่องเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกก็มักจะต้องเดินทางมาที่ทะเลสาบแห่งนี้เพื่อนอนในเรียวกังหรือยลโฉมฟูจิซังแบบเต็มๆตาสักครั้งหนึ่งครับ ส่วนมือเก่าที่ติดใจในธรรมชาติหรือความงามของฟูจิรวมไปถึงคู่ฮันนีมูนก็เลือกสถานที่นี้มาเป็นสถานที่พักผ่อนหรือเพิ่มความโรแมนติกกันอย่างแพร่หลายด้วยล่ะครับ ยิ่งปัจจุบันการเดินทางก็สะดวกมากๆ เพราะมีรถไฟด่วนให้บริการที่สถานีรถไฟหลักของญี่ปุ่นรวมไปถึงสนามบินนาริตะด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังมีรถบัสที่ให้บริการจากย่านหลักๆ อย่างชิบูย่าหรือชินจุกุอีก ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ "คึกคัก" โดยแท้จริงครับ

โรงแรมที่ผมจะมารีวิวในวันนี้ บอกกันก่อนว่า ผมเดินทางไปในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ฟูจิซังมีหิมะเหลืออยู่น้อยมากๆแล้วครับ จะว่าเป็น "Low Season" ก็ว่าได้และนั่นก็คือปัจจัยที่ทำให้ผมและเพื่อนๆเดินทางมาพักผ่อนที่นี่เพราะค่าห้องก็จะถูกลงนั่นเอง ส่วนอยากเห็นฟูจิซังไหมก็อยากเห็นครับ แต่ก็ต้องลุ้นกันหน่อย!

​เริ่มต้นที่สถานีรถไฟ Kawaguchiko กันนะครับ ผมจับรถไฟด่วนพิเศษจากชินจุกุุมาถึงปลายทางที่นี่ จากนั้นก็เดินไปโบก Taxi พร้อมกับบอกให้ไปส่งที่โรงแรมแห่งนี้ครับ ค่ารถ Taxi ก็ไม่แพงครับ ไม่ถึง 1,000 เยน นั่งมากันสี่คนนี่ก็ถือว่าคุ้มมากๆ (ถ้ามาคนเดียวอาจจะลากกระเป๋าเอา ถ้าเดินไปโรงแรมก็ราวๆครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ 555)

อันนี้คือรูปหน้าตาด้านนอกของโรงแรมครับ

​เมื่อเข้ามาแล้ว ทางโรงแรมจะเขียนชื่อผู้จองไว้ที่บอร์ดจากนั้นก็ให้ติดต่อ Front ที่อยู่ตรงหน้าเราครับ พนักงานที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ในระดับที่โอเคเลยครับ ยิ่งปัจจุบันนี้นะ นักท่องเที่ยวต่างชาติมาพักโรงแรมนี้กันเยอะมากทั้งคนไทย คนจีน ฝรั่งก็มีบ้าง ดังนั้นไม่ต้องกังวลครับว่าเจ้าหน้าที่จะมองเราแบบแปลกๆแน่นอน

หลังจากเช็กอินแล้ว ห้องที่ผมและเพื่อนๆได้รับมาเป็นห้อง A205 อยู่ชั้น 2 ครับ สำหรับประเภทห้องที่จองมานั้นก็จะเป็น Japanese Style Room ซึ่งบอกตรงๆว่า "ในเว็บหน้าตาดูดีมากๆ" แต่พอเปิดมาแล้วก็ก็โอเคนะ "ตรงปก" พื้นก็เป็นเสื่อตาตามิและก็มีหน้าต่างบานเบ้อเริ่มที่สามารถมองออกไปเห็นทะเลสาบและฟูจิซังด้วยครับ (ถ้าอากาศดี) อ่ะ ชมภาพห้องของเว็บไซต์โรงแรมและไปถ่ายเองก่อนครับ แอบต่างกันเยอะมาก 555 

ในห้องนั้น บนโต๊ะจะมีคุกกี้ฟูจิซังแจกให้ด้วยนะครับ นอกจากนี้เราก็สามารถชงน้ำชาดื่มได้เลย ทว่า.....น่าเสียดายที่วันที่มานั้น "ฟ้าปิด" ฟูจิซังโดนเมฆบังหมดเลย ก็เลยบอกเพื่อนๆว่าสงสัยต้องไปลุ้นวันพรุ่งนี้เช้าเอาอีกที ฮืออออออ

​ในห้องที่จองมานี้ บอกก่อนว่ามีพื้นที่ทั้งหมด 20 ตารางเมตรครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่นะ เพราะมากันสี่คน แต่ห้องน้ำในห้องพักจะมีห้องเดียวนะครับ เตือนก่อน มากันเยอะยังงี้ต้องตกลงกับเพื่อนให้ดีว่าใครจะใช้ก่อนหลัง ไม่งั้นถ้า "ธุระด่วน" ก็ต้องวิ่งลงไปเข้าที่ Lobby หรือในออนเซนแทน

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องนี้ก็ถือว่าไม่มากไม่น้อยครับ คือ มีแอร์+ฮีทเตอร์ ตู้เย็น ทีวี ตู้เซฟ กาต้มน้ำ โทรศัพท์ ราวตากผ้าและระเบียงสไตล์ญี่ปุ่น แล้วก็มีชุดยูกาตะให้เราใส่ด้วย เป็นสีเขียวครับ เราสามารถใส่ไปรับประทานอาหารเช้า/เย็น หรือใส่รอบๆบริเวณโรงแรมได้

​ในส่วนของห้องพักนั้น เพื่อนๆมือใหม่อาจจะสงสัยว่า อ้าวมีแต่พื้นแล้วจะนอนกันยังไง คำตอบง่ายมากครับ ก็นอนบนฟูกไงล่ะ คือ ตอนช่วงบ่ายที่เรามาเช็กอินนั้น ตรงกลางห้องจะยังเป็นเก้าอี้อยู่ แต่พอช่วงเย็นหรือค่ำเจ้าหน้าที่จะเข้ามาในห้องของเราแล้วจัดการยกโต๊ะ+ปูฟูกแบบญี่ปุ่นให้ครับ ซึ่งจุดนี้โรงแรมจะถามเราก่อนว่าจะให้เข้ามาปูตอนกี่โมง เราก็บอกเขาไป---> ผมเข้าใจว่าหลายคนอาจจะกังวลที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาในห้องหรือกลัวของหาย แต่ผมก็แนะนำว่า ของมีค่าก็ใส่เซฟหรือเก็บใส่กระเป๋าเดินทางแล้วล็อกกุญแจซะ ก็น่าจะช่วยได้เยอะครับ 

ทีมของผมเองนั้น เมื่อวางของและล้างหน้าหล้างตาแล้วก็ออกไปเดินเล่นรอบทะเลสาบ+ขึ้นกระเช้าที่ภูเขา Kachikachi จากนั้นก็ไปหาอาหารเย็นทานกัน (จองมาแบบไม่รวมอาหารเย็นน่ะครับ แต่รวมอาหารเช้านะ) 

น่าเสียดายจริงๆที่ขึ้นกระเช้าแล้วแต่ฟ้าก็ยังปิดอยู่ วันนี้ไม่ใช่วันของพวกเราแน่ๆเลย แอบเสียใจครับ T_T

เมื่ออิ่มหนำกับอาหารมื้อเย็นแล้ว ก็ถึงเวลาไป "ออนเซน" กันแล้ว!!! ที่โรงแรมนี้นะครับ จะมีออนเซนอยู่สองบ่อให้เลือกแช่ โดยบ่อแรกจะอยู่ที่ชั้น 7 ของ ตึก A ชื่อ Fuji-View Onsen (ถ้าฟ้าเปิดก็มองเห็นฟูจิได้ด้วย) ส่วนอีกบ่อหนึ่งจะอยู่ที่ตึก B ชื่อ Lava Onsen ทั้งนี้ทั้งสองบ่อจะเป็นแบบ "แยกเพศ" นะครับ คือ ชายกับหญิงห้ามเข้าพร้อมกันและเขาจะแบ่งช่วงเวลาให้แต่ละเพศเข้าไปใช้บริการตามที่โรงแรมกำหนด (ตอนเช็กอิน เจ้าหน้าที่จะให้แผ่นพับที่บอกเวลามาด้วยครับ ดูอ่านเวลาที่ให้บริการในนั้นได้)

แน่นอนว่าด้านในออนเซน "ห้ามถ่ายรูป" ผมก็ขออนุญาตเอาภาพจากเว็บไซต์ของโรงแรมเอามาลงให้เพื่อนๆดูกันนะครับ (ภาพแรก เป็น Fuji-View Onsen ภาพต่อมาคือ Lava Onsen ส่วนภาพสุดท้ายคือแผ่นพับที่ผมได้จากโรงแรมครับ)

​คืนนี้ Lava Onsen เป็นของผู้ชายก็เลยเข้าไปแช่ซะหน่อย บ่อนี้ก็ไม่ใหญ่มากครับ แต่ร้อนใช้ได้เลย พอแช่ไปได้สักสิบห้านาทีก็ออกมานั่งพักแล้วก็ดื่มนม (มีตู้กดน้ำให้เลือกจิ้มด้วย ไม่ฟรีนะ) ดับร้อนครับ หรือใครจะดื่มเบียร์ก็ได้นะ ไม่ผิดกติกาครับ 555 จากนั้นผมก็ไปนั่งเก้าอี้นวดเป็นการปิดท้ายก็ทำให้เกือบหลับคาเก้าอี้เหมือนกัน สบายมากๆครับ

จากนั้นเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็กลับไปที่ห้อง ก็จะเป็นการปูฟุตองแบบญี่ปุ่นไว้รอทุกคนแล้วครับ คืนนี้ก็อุณหภูมิราวๆ 20 องศาแต่ก็เปิดแอร์นอนกันไปด้วยครับ และผมก็ขอราตรีสวัสดิ์ทุกคนไปตรงนี้ก่อนนะครับ!

เมื่อยามเช้ามาถึง เวลาประมาณตีสี่กว่าๆ พระอาทิตย์ก็แยงตาผมและเพื่อนๆแล้วล่ะครับ (หน้าร้อนที่ญี่ปุ่น พระอาทิตย์ขึ้นไวมาก) แน่นอนว่าหลายคนอาจจะงัวเงียแล้วหลับต่อ แต่ผมรีบลุกขึ้นมาแล้วใส่เสื้อแจ็กเกตบางพร้อมกับเปิดหน้าต่างทันทีเพื่อหวังว่าจะได้เจอกับ.....Fujisan!!

ผ่ามมมมมมม เมื่อเปิดหน้าต่างออกไป แทบเป็นลมแล้วอยากจะร้องไห้ครับ เพราะ "เมฆบังฟูจิซังไปเกินครึ่งซีก" อ๊ากกกกกก คิดว่าเช้านี้เปิดหน้าต่างมาจะฟินซะอีก หมดกัน T_T ฮืออออออออออออออออออ แต่ผมยังไม่ยอมแพ้นะครับ เฝ้าอยู่ตรงหน้าต่างได้สักพักก็ เอาวะ ลงทุนเดินออกมาตรงท่าเรือหน้าโรงแรมเลยละกัน เผื่อลุ้น 555 ปรากฎว่า ภาพที่ได้เห็นก็ตามด้านล่างครับ ไม่ได้เห็นฟูจิซังแบบเต็มๆตา ก็ต้องยอมรับไป เฮ้ออออออออ ต้องมาใหม่ใช่ไหมเนี่ยยยยยยยยย!!! 

​ถ่ายรูปได้สักพักก็กลับมางีบต่ออีกแป็บนึง เพื่อนๆที่เหลือก็ทยอยตื่นกันแล้วก็เลยตื่นตามกัน จากนั้นก็หอบร่างแต่ละคนขึ้นไปกินอาหารเช้าที่ชั้น 3 ครับ ลักษณะห้องนี่จะคล้ายๆห้องจัดเลี้ยงนะครับ ครั้งนี้ไม่ได้ลงไปกินที่ร้านอาหารแบบโรงแรมทั่วไป สำหรับอาหารเช้านั้น จะมาเป็นแบบจัดชุดดูน่ารับประทานมากๆครับ แต่ส่วนประกอบหลักๆของอาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นก็คือ ข้าวสวย ปลาแซลมอนย่าง ซุป สลัดผัก ไข่หวาน สาหร่ายแล้วก็ผักดองครับ 

เอารูปไปดูกันครับว่าสวยงามน่ารับประทานถูกใจเราไหม ^^

หลังจากซัดข้าวเช้าแล้วยังมีเวลาเหลืออยู่นิดหน่อยก่อนได้เวลาเช็กเอาท์ ก็เลยบอกเพื่อนๆว่า ไม่ต้องแย่งกันอาบน้ำในห้องนะ ไปอาบที่ Fuji View Onsen เลยดีกว่าเพราะรอบเช้าเขาเปิดให้ผู้ชายเข้าเว้ยยยยย!!! ที่ออนเซนก็ไม่มีแขกคนอื่นเลยครับ มีแค่พวกผมเท่านั้น งานนี้สบายเลย อาบน้ำกันไปเพลินๆ เสียอย่างเดียวจริงๆคือ ฟูจิซังโดนเมฆบังหมดแล้วครับ โอเค ปลงละ ปลงละ จบ!

จากนั้นก็กลับไปเก็บกระเป๋าแล้วลงไปที่ Lobby เพื่อคืนกุญแจและทำการเช็กเอาท์ครับ อ้อ! ขากลับโรงแรมมี Shuttle Bus ไปส่งที่สถานีรถไฟ Kawaguchiko ด้วยนะครับ แต่เขาจะออกเป็นรอบๆ ดังนั้น ถ้าจะใช้ก็ต้องบอกที่ Front ก่อน ถ้ามีที่นั่งเหลือก็ขึ้นรถได้เลยครับ (ส่วนขามานั้น จริงๆโรงแรมบอกว่าก็มีไปรับที่สถานีรถไฟเหมือนกัน แต่ต้องติดต่อกับทางโรงแรมเอาเองว่าจะถึงสักกี่โมงและถ้ามาถึงค่ำๆ ก็ไม่มีรถให้บริการ)

เมื่อขึ้นรถบัสแล้ว เจ้าหน้าที่ของโรงแรมก็จะมาโค้งส่งแขกที่มาพักตามสไตล์ญี่ปุ่นและโบกมือบ๊ายบายจนรถลับตาครับ ก็เป็นความประทับใจแบบญี่ปุ่นที่น่าจะตราตรึงใจเพื่อนๆนักเดินทางกันนะครับ สำหรับรีวิวในบล็อกนี้ก็มีเท่านี้ครับ อ้อ! มีเรื่องสุดท้ายที่คิดว่าหลายๆคนอยากรู้ก็คือ "ราคา" ก็ต้องบอกก่อนว่า "เดี๋ยวนี้ Kawaguchiko แพงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ค่าห้องแถวนี้แอบแพงพอสมควร ถ้าอยากได้วิวดีๆ เปิดมาเห็นทะเลสาบเห็นฟูจิซังพร้อมกันก็ต้องเตรียมเงินมาเยอะหน่อย แถวนี้ห้องคืนละหมื่นกว่าบาทก็มีครับ"

สำหรับห้อง Japanese Style Room ที่ผมและเพื่อนๆ รวม 4 คนได้จ่ายไปนั้น ค่าห้องทั้งหมดอยู่ที่ 12,640 บาท รวมอาหารเช้า ไม่รวมอาหารเย็นนะครับ เฉลี่ยก็ตกคนละ 3,000 กว่าบาท ฟังดูอาจจะแพงสำหรับสายประหยัด แต่ถ้าคิดว่าแลกกับวิวสวยๆของทะเลสาบและฟูจิซัง (ถ้าฟ้าเปิด) ก็น่าจะพอรับกันได้ครับ อีกอย่างโรงแรมที่นี่ก็อาหารโอเคนะ มีออนเซนให้ลองแช่ด่วย ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทีเดียว ก็ลองไปพิจารณากันดูว่าถูกใจกับที่นี่ไหม ถ้าเห็นว่าที่นี่แพงไปก็ไม่ต้องกังวล ค่อยๆเลือกครับ แถวนี้ยังมีอีกหลายโรงแรมและหลายราคา เอาที่ถูกใจเราที่สุดนั่นแหละ และก็ขออวยพรให้เพื่อนๆทุกคนสนุกกับการเที่ยวญี่ปุ่นนะคร้าบบบบบ 

**หมายเหตุ : ราคาที่ผมได้รับเป็นราคา Low Season ถ้าใครที่สนใจอยากมาตอนซากุระบานหรือช่วงวันหยุดยาวแบบ High Season เท่าที่ผมสุ่มตรวจราคาประเภทห้องเดียวกัน (นอน 4 คน) จะพบว่าราคาจะอยู่ที่ประมาณ 15,000-24,000 บาทนะครับ ก็ไปชั่งใจชั่งเงินในกระเป๋าดูว่ารับกันได้หรือเปล่าครับ!

ภาพปกและข้อมูลของโรงแรมจากเว็บไซต์ของโรงแรม

ภาพที่เหลือมีลายน้ำเป็นของโอทารุถ่ายไว้ทั้งหมดครับ ห้ามผู้ใดนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตนะครับ! 

**เพื่อนๆที่สนใจทัวร์ส่วนตัวเที่ยวแถบโตเกียวก็สามารถใช้บริการของบริษัทไอเลิฟเจแปนทัวร์ได้นะครับ!

บทความล่าสุด