t ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

รีวิวนั่ง Night Bus จากโอซาก้าไปโตเกียวไม่ยากอย่างที่คิด!

รีวิวนั่ง Night Bus จากโอซาก้าไปโตเกียวไม่ยากอย่างที่คิด!

By , Friday, 24 February 2017

หลังจากที่บล็อกที่แล้วเราได้รีวิวโรงแรม Shin Imamiya ขวัญใจชาวไทยในแดนโอซาก้าไปแล้ว (สามารถอ่านย้อนหลังได้ที่ http://www.ilovejapan.co.th/travel/entry/review-shin-imamiya-hotel) วันนี้เราก็จะมาเล่าเรื่องราวต่อกันดีกว่าค่ะ ครั้งนี้เราจะพูดถึงการเดินทางจากโอซาก้าไปโตเกียว โดยการนั่ง Night Bus ค่ะ

ในครั้งนี้เราเลือกใช้บริการจองที่นั่งจากบริษัท Willer Express ค่ะ (สามารถเข้าได้จากที่นี่ https://willerexpress.com/en/) สำหรับบริษัท Willer Express มีเส้นทางรถบัสหลากหลายเส้นทางหลายภูมิภาค ทั้งระยะไกลและใกล้ ซึ่งเราสามารถเลือกดูได้ตามใจชอบ ข้อดี คือหน้าเว็บไซต์ดูง่าย มีที่นั่งหลากหลายชนิดให้เลือกซึ่งความสะดวกสบายนั้นก็แปรผันไปตามราคา ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคนที่ไม่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นก็สามารถจองเป็นภาษาอังกฤษได้ เช่นเดียวกัน

ปัจจัยสำหรับที่สุดสำหรับเราในการเดินทางระยะไกลคือ ปลั๊กไฟ ดังนั้น เราจึงไล่หารถบัสที่เวลาออกจากโอซาก้ากำลังดี ถึงโตเกียวไม่เช้าจนเกินไป และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่น่าสนใจ เช่น ปลั๊กไฟสำคัญมาก ในที่สุดเราก็มาสะดุดกับรถบัสชนิดที่นั่ง Beauty Ladies สะดุดตาตั้งแต่ชื่อ ว่าแล้วก็ขอกดเข้าไปดูรายละเอียดซะหน่อย

Beauty Ladies คือรถบัสสำหรับหญิงล้วน สำหรับราคาในรูปอยู่ที่ 10,000 เยนต่อคน แต่ตอนเรา จองล่วงหน้าประมาณ 3 เดือนได้มาในราคา 6,880 เยนค่ะ (ยิ่งจองล่วงหน้านานยิ่งถูกนะเออ) จ่ายโดยใช้บัตรไทยซึ่ง ตัดเงินทันทีที่จอง หรือใครอยู่ญี่ปุ่นสามารถจ่ายเงินได้ที่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป เช่น Family Mart โดยระบบจะส่งเลข Reservation Number มาให้และเราต้องไปจ่ายกับเครื่องอัตโนมัติในร้านสะดวกซื้อ 

สิ่งที่สำคัญเลยเวลาเลือกจองควรเช็คราคาและดูวันเวลาให้ชัดเจนก่อนนะคะ และเช็คด้วยว่ารถบัสคันนั้นเขียนว่า Women Only รึเปล่า เพื่อป้องกันการผิดพลาด เราสามารถเช็คดูรายละเอียดที่นั่งได้จาก Check the seat details ที่อยู่ด้านล่างราคาที่แสดง

จากรูปจะเห็นได้ว่าที่นั่งค่อนข้างกว้างพอสมควร มีที่วางขาสามารถปรับเอนเบาะได้ ผ้าห่มหมอนใบจิ๋ว มีม่านส่วนตัวให้บังแสง กระจก ที่สำคัญที่สุดคือมีปลั๊กให้ชาร์จแบต! ที่อยากจะให้ระมัดระวังอีกเรื่องคือควรเช็คให้ดีว่ารถบัสคันนั้น Luggage check-in available รึเปล่า เพราะบางคันก็จะระบุไว้เลยค่ะว่าไม่สามารถขนสัมภาระได้ ที่สำคัญในรถบัสคันนี้ไม่มีห้องน้ำค่ะ แต่เราเป็นคนเข้าห้องน้ำไม่บ่อยอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหาเรื่องนี้ ใครที่อยากนั่งรถบัสที่มีห้องน้ำในตัวให้สังเกต icon รูปโถส้วมดีๆ นะคะ

พอกด Reserve แล้วหน้าเว็บจะเด้งมาว่าจองในนามสมาชิกหรือ Guest (สมัครสมาชิกฟรี)​ สำหรับเราเดินทางเที่ยวญี่ปุ่นค่อนข้างบ่อยจึงสมัครสมาชิกไว้ค่ะ สำหรับใครที่ไม่สมัครให้เลือก Reserve as a Guest จากนั้นให้กรอกข้อมูลให้ครบ ระบบจะพาไปเลือกที่นั่ง และเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายคือวิธีชำระเงิน

จากราคาและสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างทำให้เราไม่รอช้ารีบกรอกข้อมูลจองทันที ซึ่งเราสามารถเลือกได้ว่าจะไปขึ้นรถที่ไหนและเลือกจุดหมายปลายทางที่ลงได้ ซึ่งเราเลือกต้นทางคือ Namba OCAT และปลายทางคือ Shinjuku Station (ตรงส่วนเบอร์โทรศัพท์ เราขอยืมเบอร์เพื่อนที่ญี่ปุ่นมาใช้ชั่วคราวค่ะ) 

จากรูปด้าบนจะเห็นว่าที่นั่งสีแดงคือที่นั่งที่มีคนจองแล้วค่ะ ตอนนั้นเราจองติดริมหน้าต่างแถวเกือบหลังสุดซึ่งสี่เบาะท้ายรถยังไม่มีคนจอง ถามว่าจองด้านหลังเพื่ออะไร...เพราะเวลาปรับเบาะเราจะได้เอนไปเลย ไม่ต้องเกรงใจคนด้านหลังค่ะ เมื่อจองเสร็จแล้วก็ได้อีเมลล์มายืนยันเป็นอันเสร็จพิธี

มาพูดถึงการเดินทางกันดีกว่าค่ะ OCAT (Osaka City Air Terminal) เป็นเทอร์มินอลรถบัสประจำทางขนาดใหญ่ที่สุดในแถบญี่ปุ่นตะวันตกที่เชื่อมต่อโดยตรงกับสถานี Namba​ สำหรับคนที่สัมภาระหนักและเยอะ แนะนำให้ไปขึ้นที่ Namba OCAT เพราะว่าท่ารถบัสอยู่ภายในสถานี Namba เลยตึกเดียวกัน คุณผู้อ่านอาจจะเดินทางมาแล้วเก็บกระเป๋าในล็อกเกอร์ตรงท่ารถบัสแล้วก็ไปเดินเที่ยวย่านนัมบะต่อแบบสวยๆ ได้ 

การเดินทางครั้งนี้เราไปโดย JR ค่ะจากสถานี Shinimamiya ตรงไปยัง JR Namba เลยเพราะว่าใกล้ Namba OCAT ที่สุด เมื่อมาถึงแล้วให้ขึ้นบันไดเลื่อนหรือขึ้นลิฟต์มาชั้น B1 และตรงไปยังทางออก ​พอตี๊ดบัตรออกก็เดินตามป้ายมาเลยค่ะ และขึ้นบันไดเลื่อน ท่ารถบัสจะอยู่ที่ชั้น 2​ และชั้นบนๆ จะเป็นร้านอาหาร มีทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารจีน ชาบูๆ และปิ้งย่าง เมื่อเทียบราคากับที่โตเกียวแล้วถือว่าค่อนข้างถูกกว่ามาก
พอตี๊ดบัตรออกมาเดินตรงมาเลี้ยวซ้ายจะเจอบันไดเลื่อน (เพื่อความชัวร์ดูควรป้ายประกอบ) สังเกตบล็อกเสาดีๆ ทางขึ้นอยู่เยื้องเสา A1

ขอบอกว่ารถบัสตรงเวลาสมกับเป็นญี่ปุ่นมากค่ะ ดังนั้น ควรมารอก่อนเวลารถออกประมาณ 20 นาที ซึ่งพอใกล้ถึงเวลาจะมีเจ้าหน้าที่มาคอยเรียก (หรือใครที่ไม่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นสามารถดูจากหน้าจอแสดงตารางรถแทนได้) 

ก่อนขึ้นไปก็จะมีการเช็คชื่อเล็กน้อยหลังจากฝากกระเป๋าไว้ใต้รถ นี่ก็อุตส่าห์ปริ้นท์ใบแสดงชื่อที่นั่งในเมลล์มากะจะโชว์ให้คนขับดู แต่พี่แกไม่ดูเลยค่ะ นี่ดูจากรายชื่อแล้วมีเราคนเดียวที่เป็นคนต่างชาติและใช้ชื่อภาษาอังกฤษ ตอนบอกชื่อไป คุณพี่คนขับก็เกรงจะอ่านชื่อเราผิดก็อึกอักๆ…กาลาๆ...เอ่อ...กะลาซามะนี่มันใครฟะ? นี่ก็สงสารคนญี่ปุ่นกว่าจะสะกดชื่อดิฉันได้เลยชี้หน้าให้จอแทน (=.,=)

(หน้าที่นั่งจะมีใบแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกที่นั่งด้วยค่ะ)

พอขึ้นไปในรถก็แอบตื่นตาตื่นใจเบาๆ เพราะสภาพรถค่อนข้างใหม่มากค่ะ โชคดีที่วันที่ไปมีคนขึ้นไม่กี่คนรู้สึกส่วนตัวสุดๆ พอรถเริ่มออกก็จะมีเสียงอัตโนมัติต้อนรับ และบอกกฎคร่าวๆ เช่น ห้ามเสียงดังรบกวนผู้อื่น ห้ามสูบบุหรี่ ซึ่งมีทั้งภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ เกาหลีและจีน (แต่ไม่มีภาษาไทย T^T) หลังจากนั้นก็จะตามด้วยเสียงคนขับค่ะ ซึ่งจะบอกจุดหมายปลายทาง ระยะทาง เวลาที่ใช้ มีจุดพักรถ 2 จุด แต่นี่ก็ไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่เพราะเสียงคนขับเวลาพูดทั้งเบาทั้งนุ่มชวนกล่อมให้หลับมาก 5555

เกร็ดความรู้เพิ่มเติมเล็กน้อย มารยาทในการนั่งรถบัสในประเทศญี่ปุ่น หากด้านหลังคุณมีคนนั่งอยู่และคุณต้องการจะปรับเบาะที่นั่ง ควรหันไปกล่าวขออนุญาตคนด้านหลังก่อนค่ะ (ถ้าเป็นบ้านเราคงปรับไปเลย แต่ที่ญี่ปุ่นค่อนข้างถือเรื่องมารยาทและให้ความเคารพสิทธิ์ผู้อื่นมาก) อาจพูดสั้นๆ ว่า Excuse Me หรือซุมิมาเซน ที่แปลว่า ขอโทษก็ได้ค่ะ (^_^)

พอตกดึกคนขับรถจะหรี่ไฟให้ค่ะ ด้วยความที่จุดพักรถค่อนข้างดึก ทำให้ไม่ค่อยมีใครลงไปเท่าไหร่ หากพูดถึงฝีมือการขับขอบอกว่าขับได้นิ่มมากค่ะ ไม่ได้กระชากเหมือนความรู้สึกตอนเล่นรถบั๊ม และถึงค่อนข้างตรงเวลา (อาจมีเลทบ้างไม่เกิน 5-10 นาทีเพราะรถติด) แต่ถึงแม้จะไม่มีผู้โดยสารลงไป ก่อนที่รถจะออก คนขับรถจะเดินมาเช็คจำนวนผู้โดยสารทุกครั้ง

ที่วางแขนด้านขวามือเป็นปุ่มสำหรับปรับพนักผิงและเก้าอี้วางขาค่ะ นี่ก็โง่งมหาปลั๊กชาร์จแบตตั้งนาน สรุปอยู่อีกฝั่ง (-.,-)
ไม่ต้องกลัวว่าหัวจะกระเซิง เพราะตื่นมามีกระจกส่วนตัวให้ส่องได้เลย
หมอนจิ๋วไม่ค่อยนุ่มเลยเอามากอดแก้ขัดเป็นหมอนข้างแทน

ขอสรุปสั้นๆ อีกครั้งสำหรับข้อดีและข้อเสียการนั่ง Night Bus

  • ข้อดี ประหยัดค่าโรงแรมไปได้ 1 คืน (เพราะนอนในรถ), รถส่วนใหญ่มาจอดที่สถานี Shinjuku ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาจากสนามบินต่อเข้าเมือง, ราคาไม่แพงเกินไป และมีหลายชนิดให้เลือกแล้วแต่ชอบอาจจะประหยัดค่าเดินทางไปได้บ้าง
  • ข้อเสีย เมื่อย ต่อให้ที่นั่งสบายแค่ไหน นั่งนานๆ ก็แอบเมื่อยค่ะ, ใช้เวลาค่อนข้างนาน เบื่อเล็กน้อยว่าเมื่อไหร่จะถึง แต่ยังดีที่เลือกรอบดึกทำให้หลับฆ่าเวลาได้

การนั่งรถบัสจากโอซาก้าไปโตเกียวนั้นใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงค่ะ ใครที่ไม่ชอบการนั่งนานๆ ขอแนะนำให้ใช้บริการเครื่องบินหรือชิงคันเซ็นจะดีกว่า สำหรับเราถือว่าโอเคเลยค่ะเพราะจองได้มาในราคาค่อนข้างถูก ถ้าเทียบกับคุณภาพรถนี่ประทับใจให้ 9/10 (ขอหักที่นาน) แต่ใครที่อยากประหยัดงบหรือขี้เกียจนั่งต่อรถไฟจากสนามบินนาริตะหรือฮาเนดะ การนั่งรถบัสก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน ที่สำคัญอย่าลืมพกเสื้อกันหนาวไปด้วยนะคะกลางคืนหนาวอยู่เหมือนกัน ยกเว้นช่วงฤดูหนาวจะเปลี่ยนเป็นเปิดฮีตเตอร์แทน อุ่นหลับสบายสุดๆ ไปเลยค่ะ

สำหรับสาวๆ นักเดินทางคนไหนอยากประหยัดงบเดินทาง รถบัส Beauty Ladies ก็เป็นตัวเลือกที่อยากแนะนำ เพราะนอกจากจะตรงเวลา ค่อนข้างสะดวกสบายแถมยังปลอดภัยอีกด้วย มั่นใจรับประกันค่ะ (^-^)

ขอขอบคุณรูปภาพเพิ่มเติมจาก

  • http://khaosan-tokyo.com/en/nambaaccessocat/
  • http://hkbusst.blog106.fc2.com/blog-entry-1298.html

รูปภาพบางส่วนถ่ายโดยเจ้าของบล็อก ห้ามนำออกไปใช้ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด

บทความล่าสุด