t ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

รีวิวที่พักขวัญใจชาวไทยในแดนโอซาก้า โรงแรม Shin-Imamiya

รีวิวที่พักขวัญใจชาวไทยในแดนโอซาก้า โรงแรม Shin-Imamiya

By , Saturday, 11 February 2017

หากคุณผู้อ่านมาเที่ยวโอซาก้า หลายๆคนคงหารีวิวที่พักราคาถูกจากในเน็ตแน่ๆ ซึ่งเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะที่ต้องการที่พักราคาถูก อยู่ในเมืองและติดสถานีรถไฟ แถมที่สำคัญต้องมีคนเคยรีวิวมาก่อนด้วย ดังนั้น Shin-Imamiya Hotel จึงเป็นตัวเลือกสุดท้ายให้เราในที่สุด

ย้อนไปเมื่อเดือนก่อน ทริปของเราเป็นทริปไปโอซาก้าคนเดียวครั้งแรก ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว เราได้ทำการจองโรงแรมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน ทำให้ได้ห้องราคาที่ไม่แพงจนเกินไป (คืนละ 4,400 เยน) โดยเราเลือกเป็นห้อง Japanese Room แบบ Non-Smoking สำหรับพักคนเดียว ซึ่งดูจากในรูปตามเว็บ Booking, Agoda แล้วถือว่าสภาพห้องใช้ได้เลยค่ะเมื่อเทียบกับราคา และได้ข่าวว่าที่นี่คนไทยเคยมาพักเยอะทำให้ค่อนข้างเบาใจ

แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ! เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าของจริงมันจะเหมือนในรูป แถมเข้าไปเว็บไหนก็ถ่ายมาหน้าตาเหมือนกันมีแค่ไม่กี่มุมทั้งนั้น ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาคุณผู้อ่านไปพิสูจน์ว่าห้อง Japanese Room ของโรงแรม Shin-Imamiya นั้นเป็นอย่างไร ไปชมพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ (>_<)

วันที่ 27 มกราคม 2017 เป็นวันที่เราได้เดินมาถึงโอซาก้าเวลาประมาณ 4 ทุ่มของญี่ปุ่น เราลงที่สนามบินคันไซค่ะ แม้จะเป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแต่สนามบินก็ยังมีผู้คนอยู่หนาแน่นที่เดินทางเข้ามาที่นี่ อากาศก็หนาวแตกต่างกับบ้านเราเหลือเกิน พอเดินออกมาจากสนามบินเจอลมเข้าไป น้ำมูกไหลกันเลยทีเดียว

สำหรับการเดินทางไปยังโรงแรม Shin-Imamiya จากสนามบินคันไซ ง่ายมากค่ะ เราสามารถนั่งรถไฟสาย Nankai Airport for Numba ตรงไปยังสถานี Shinimamiya ได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนสาย (ถ้านั่ง JR ราคาจะสูงกว่า)

ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าจาก สนามบิน Terminal 2 จะไปยังที่ขายตั๋ว Nankai อย่างไร...สำหรับที่จำหน่ายตั๋วรถไฟสายต่างๆ จะอยู่ชั้น 2 ค่ะซึ่งต้องเดินออกไปจากตึกเล็กน้อย ในตึกมีป้ายบอกทางอย่างชัดเจน

โชคร้ายสุดๆ ขณะที่กำลังเดินออกจากสนามบินจะไปยังทางเข้ารถไฟ Nankai ด้วยความที่อากาศเย็นจัดมากทำให้มือถือเราเกิดอาการรวนขึ้นมา แบตเตอรี่จาก 60% จู่ๆ ก็กลายเป็น 1% แล้วก็ดับไปต่อหน้าต่อตาแถมเปิดใหม่ไม่ติดอีกต่างหาก! เฮ้ยย! นี่ตรูพกไอโฟนเสินเจิ้นมารึเปล่าเนี่ยยย (=[]=)

ตอนนั้นเริ่มใจไม่ดีแล้วค่ะ เพราะไม่ได้ปรินท์แผนที่โรงแรมมาด้วย เลยกะว่าพอถึงสถานี Shinimamiya ค่อยไปถามนายสถานีเอา ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นคืนนี้ได้นอนใต้สะพานแน่ๆ

เราใช้เวลาประมาณ 40 นาทีค่ะ เมื่อมาถึงแล้วให้ ออกประตู West Exit (西口) อย่าเผลอไปออกผิดทางหล่ะ ไม่งั้นอ้อม ซึ่งสถานีค่อนข้างเล็กเลยทีเดียว และสภาพค่อนข้างเก่าถ้าเทียบกับสถานีต่างๆในโตเกียว (หรือมันสไตล์โอซาก้ากันแน่หว่า)  สำหรับทางเข้า-ออกรถไฟสาย Nankai จะอยู่ชั้น 2 ส่วน JR ชั้น 3

โชคดีมากๆที่โรงแรมติดสถานีเลย คือแบบติดจริงๆค่ะ! นายสถานีเองก็ใจดีมากช่วยเหลือทุกอย่าง ตอนแรกยืนเอ๋ออยู่หน้าทางออก พอหันหน้าไปทางขวาเท่านั้นล่ะเห็นป้ายโรงแรมอย่างชัดเจน (แต่ถ้าป้ายโรงแรมเพิ่มแสงสว่างกว่านี้หน่อยจะดีมาก) อยู่ติดกับโรงแรม Sunplaza  ส่วนด้านซ้ายมือจะมี Family Mart อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

สำหรับสถานี Shinimamiya นั้นขอบอกว่าค่อนข้างเปลี่ยวค่ะ บรรยากาศรอบข้างไม่ค่อยน่าพักเท่าไหร่นัก ถึงประเทศญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามดึกๆ ไม่ควรออกมาเดินเล่นคนเดียวนะคะยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย แถวนี้ Homeless ค่อนข้างเยอะจริงๆ (ถึงเค้าจะไม่ทำอะไรเราก็เถอะ) กลางคืนดึกๆ ก็ไม่ค่อยเห็นคนเดินไปเดินมาเท่าไหร่ด้วย

เมื่อมาถึงโรงแรมอันดับแรกเลยคือเข้าไปเช็กอินค่ะ สภาพโรงแรมสะอาดดูดีค่ะดูไม่ค่อยเก่าเท่าไหร่ ข้อดีของที่นี่สำหรับคนที่ไม่มีบัตรเครดิต สามารถจ่ายสดได้ที่พักเลยโดยไม่ต้องมัดจำล่วงหน้า สต๊าฟส่วนใหญ่เป็นคนจีน แต่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ดี เมื่อเช็กอินจ่ายเงินเสร็จแล้ว เราก็ได้กุญแจห้องมา ซึ่งห้องที่เราพักตอนนั้นเป็นห้อง 215 อันดับต่อไปเราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าสภาพห้องจะดีแค่ไหน (^O^)
(ถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ บรรยากาศหน้าโรงแรมน่านั่งมากค่ะ แต่ไปตอนฤดูหนาวเลยไม่มีใครมานั่งเลย)
(ภาพล็อบบี้นี้ถ่ายตอนกลางวันก่อนเช็กเอาท์ออกค่ะ นี่แอบจิ๊กนามบัตรมาด้วยใบนึง แหะๆ)

สภาพห้องค่อนข้างสะอาดค่ะ แม้จะเล็กไปหน่อยแบบเปิดประตูมาเจอเตียงเลย แต่อยู่คนเดียวก็พอถูไถได้ เพราะมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบครัน ทั้งทีวี กาต้มน้ำ ตู้เย็นเปล่า ถ้วยชาเล็กๆ 1 ถ้วย ไม้แขวนเสื้อให้ 2-3 อัน ถังขยะ รองเท้าแตะ ฟูกและผ้าขนหนูให้ (แต่ไม่มีไดร์เป่าผมให้นะคะ) อันดับแรกมาถึงไปเปิดฮีทเตอร์ก่อนเลยค่ะ กว่าจะอุ่นใช้เวลาค่อนข้างนาน

เสน่ห์ของห้อง Japanese Room นอกจากนอนฟูกที่เรียกกันว่า 'ฟุตง' แล้วอีกอย่างเลยคือไฟค่ะ นี่ชอบดึงเล่นมาก เพราะมันมีไฟแบบสลัวๆ ให้พอเห็นได้ลางๆ แถม Wi-Fi ที่นี่ก็เร็วดีค่ะ ถึงจะหลุดบ่อยไปหน่อยก็เถอะ

​มาดูห้องน้ำกันดีกว่า ถือว่าโอเคเลยค่ะ มีอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า โถส้วม เครื่องทำน้ำอุ่นให้ ถึงแม้จะไม่มีสายชำระก็เถอะ (T^T) 

นอกจากนี้ยังมีสบู่เหลวและยาสระผมให้ค่ะ…แต่พี่แกไม่มียาสีฟันมาให้! โชคดีที่พกมาเอง ส่วนผ้าผืนสีขาวที่พาดอยู่กับราวนั้นคือผ้าเช็ดเท้านะคะ อย่าเผลอเอามาเช็ดหน้ากันล่ะ (-,.-)

แต่สำหรับ ข้อเสีย ของที่นี่เลยคือห้องไม่เก็บเสียงเลยค่ะ ใครหลับยากอาจจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เพราะเสียงคนเดินไปเดินมาหรือเสียงรถไฟได้ยินตลอด (ผนังแอบมีสั่นเบาๆ) แถมพี่จีนดึกๆ ชอบคุยกันโฉ่งฉ่างได้ยินมาถึงในห้อง และที่สำคัญปลั๊กมีแค่จุดเดียว! ถ้าจะเสียบชาร์จอะไรหลายๆ อย่างแนะนำพกปลั๊กพ่วงมาต่อด้วยจะดีกว่า นอกจากนี้ที่นี่ไม่มีบริการอาหารเช้า (แต่มีคาเฟ่อยู่ในโรงแรม) บางครั้งเราเลยประทังชีวิตมื้อเช้าด้วยข้าวปั้นจาก Family Mart นี่ล่ะค่ะ

ที่นี่จะไม่มีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดระหว่างช่วงที่เรายังพักอยู่ สำหรับโรงแรมนี้สามารถเช็กเอาท์ได้จนถึงเวลา 11 โมง แม้เราจะเช็กเอาท์แล้วแต่ก็ยังสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมได้ แต่การฝากกระเป๋าที่นี่อาจจะไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ เพราะแค่เอากระเป๋าตั้งรวมๆ กัน ใครจะมาหยิบไปก็ได้เลย

ส่วน ข้อดี ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้นค่ะ นอกจากจะหาง่ายแล้ว ที่ถูกใจเราที่สุดคืออยู่ติดสถานีทำให้เดินทางไปไหนมาไหนสะดวกมาก แถมราคาไม่แพงเกินไปพออยู่ได้ เพราะเราไม่ได้หวังจะพักที่พักหรูๆ ยิ่งวันไหนไปเที่ยวกลับมาเหนื่อยๆ ไม่ต้องเดินไกลแป๊ปเดียวถึงห้อง หรือตอนกลับก็ไม่ต้องลากกระเป๋าไปไกลให้หนัก 

อ้อ! ลืมบอกไปว่าสถานี Shinimamiya มีลิฟต์ให้บริการถึงชั้น 2 ซึ่งเป็นสาย Nankai เท่านั้น หากจะขึ้นไป JR ที่อยู่ชั้น 3 ต้องใช้บันไดค่ะ ซึ่งมันจะสูงและชันไปหน๊ายยย! แบกกระเป๋าเดินทางกันแขนแทบหัก

สรุปสุดท้ายอีกรอบ สำหรับโรงแรมนี้เหมาะสำหรับ...

  1. คนที่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถนอนในห้องแคบๆ ได้ และไม่คาดหวังมากว่าสภาพโรงแรมจะต้องหรูหราไฮโซระดับ3-5 ดาว
  2. คนที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง เพราะโรงแรมติดสถานีรถไฟ ซึ่งสถานีนี้สามารถนั่งไปสนามบินได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนสายให้ยุ่งยาก
  3. คนที่สามารถหลับในที่ที่ไม่เก็บเสียงได้ เพราะตกดึกนอกจากเสียงรถไฟแล้วคุณอาจได้ยินเสียงฝีเท้า เสียงคนคุยกัน เสียงข้างห้อง เป็นต้น ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่ดวงว่าข้างห้องคุณจะเสียงดังกันหรือไม่

นอกจากห้อง Japanese Style แล้วก็ยังมีห้องแบบอื่นๆ รวมไปถึงแบบแคปซูล (แต่ข้อเสียแคปซูลเลยคือห้องน้ำรวม) นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอีกด้วย สำหรับใครที่อยากเน้นประหยัดที่นี่ก็อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่อยากแนะนำค่ะ ถ้าเรามีโอกาสได้มาเที่ยวโอซาก้าคนเดียวอีกก็อาจจะกลับมาพักที่นี่อีกก็ได้ (^_^)

​ขอขอบคุณรูปภาพเพิ่มเติมจาก

  • http://shin-imamiya-hotel.hotels-osaka.com/ 
  • http://nowholidays.com/kansai-international-airport/ 
  • https://www.expedia.co.th/Osaka-Hotels-Shin-Imamiya-Hotel.h8956842.Hotel-Information

รูปภาพบางส่วนถ่ายโดยเจ้าของบล็อก ห้ามนำออกไปใช้ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด

บทความล่าสุด