หากคุณผู้อ่านมาเที่ยวโอซาก้า หลายๆคนคงหารีวิวที่พักราคาถูกจากในเน็ตแน่ๆ ซึ่งเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นค่ะที่ต้องการที่พักราคาถูก อยู่ในเมืองและติดสถานีรถไฟ แถมที่สำคัญต้องมีคนเคยรีวิวมาก่อนด้วย ดังนั้น Shin-Imamiya Hotel จึงเป็นตัวเลือกสุดท้ายให้เราในที่สุด
ย้อนไปเมื่อเดือนก่อน ทริปของเราเป็นทริปไปโอซาก้าคนเดียวครั้งแรก ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว เราได้ทำการจองโรงแรมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีก่อน ทำให้ได้ห้องราคาที่ไม่แพงจนเกินไป (คืนละ 4,400 เยน) โดยเราเลือกเป็นห้อง Japanese Room แบบ Non-Smoking สำหรับพักคนเดียว ซึ่งดูจากในรูปตามเว็บ Booking, Agoda แล้วถือว่าสภาพห้องใช้ได้เลยค่ะเมื่อเทียบกับราคา และได้ข่าวว่าที่นี่คนไทยเคยมาพักเยอะทำให้ค่อนข้างเบาใจ
แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ! เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าของจริงมันจะเหมือนในรูป แถมเข้าไปเว็บไหนก็ถ่ายมาหน้าตาเหมือนกันมีแค่ไม่กี่มุมทั้งนั้น ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาคุณผู้อ่านไปพิสูจน์ว่าห้อง Japanese Room ของโรงแรม Shin-Imamiya นั้นเป็นอย่างไร ไปชมพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่ะ (>_<)
วันที่ 27 มกราคม 2017 เป็นวันที่เราได้เดินมาถึงโอซาก้าเวลาประมาณ 4 ทุ่มของญี่ปุ่น เราลงที่สนามบินคันไซค่ะ แม้จะเป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกแต่สนามบินก็ยังมีผู้คนอยู่หนาแน่นที่เดินทางเข้ามาที่นี่ อากาศก็หนาวแตกต่างกับบ้านเราเหลือเกิน พอเดินออกมาจากสนามบินเจอลมเข้าไป น้ำมูกไหลกันเลยทีเดียว
ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนดีกว่าค่ะ ว่าจาก สนามบิน Terminal 2 จะไปยังที่ขายตั๋ว Nankai อย่างไร...สำหรับที่จำหน่ายตั๋วรถไฟสายต่างๆ จะอยู่ชั้น 2 ค่ะซึ่งต้องเดินออกไปจากตึกเล็กน้อย ในตึกมีป้ายบอกทางอย่างชัดเจน
โชคร้ายสุดๆ ขณะที่กำลังเดินออกจากสนามบินจะไปยังทางเข้ารถไฟ Nankai ด้วยความที่อากาศเย็นจัดมากทำให้มือถือเราเกิดอาการรวนขึ้นมา แบตเตอรี่จาก 60% จู่ๆ ก็กลายเป็น 1% แล้วก็ดับไปต่อหน้าต่อตาแถมเปิดใหม่ไม่ติดอีกต่างหาก! เฮ้ยย! นี่ตรูพกไอโฟนเสินเจิ้นมารึเปล่าเนี่ยยย (=[]=)
ตอนนั้นเริ่มใจไม่ดีแล้วค่ะ เพราะไม่ได้ปรินท์แผนที่โรงแรมมาด้วย เลยกะว่าพอถึงสถานี Shinimamiya ค่อยไปถามนายสถานีเอา ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นคืนนี้ได้นอนใต้สะพานแน่ๆ
เราใช้เวลาประมาณ 40 นาทีค่ะ เมื่อมาถึงแล้วให้ ออกประตู West Exit (西口) อย่าเผลอไปออกผิดทางหล่ะ ไม่งั้นอ้อม ซึ่งสถานีค่อนข้างเล็กเลยทีเดียว และสภาพค่อนข้างเก่าถ้าเทียบกับสถานีต่างๆในโตเกียว (หรือมันสไตล์โอซาก้ากันแน่หว่า) สำหรับทางเข้า-ออกรถไฟสาย Nankai จะอยู่ชั้น 2 ส่วน JR ชั้น 3
โชคดีมากๆที่โรงแรมติดสถานีเลย คือแบบติดจริงๆค่ะ! นายสถานีเองก็ใจดีมากช่วยเหลือทุกอย่าง ตอนแรกยืนเอ๋ออยู่หน้าทางออก พอหันหน้าไปทางขวาเท่านั้นล่ะเห็นป้ายโรงแรมอย่างชัดเจน (แต่ถ้าป้ายโรงแรมเพิ่มแสงสว่างกว่านี้หน่อยจะดีมาก) อยู่ติดกับโรงแรม Sunplaza ส่วนด้านซ้ายมือจะมี Family Mart อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
สำหรับสถานี Shinimamiya นั้นขอบอกว่าค่อนข้างเปลี่ยวค่ะ บรรยากาศรอบข้างไม่ค่อยน่าพักเท่าไหร่นัก ถึงประเทศญี่ปุ่นจะขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามดึกๆ ไม่ควรออกมาเดินเล่นคนเดียวนะคะยิ่งเป็นผู้หญิงด้วย แถวนี้ Homeless ค่อนข้างเยอะจริงๆ (ถึงเค้าจะไม่ทำอะไรเราก็เถอะ) กลางคืนดึกๆ ก็ไม่ค่อยเห็นคนเดินไปเดินมาเท่าไหร่ด้วย
สภาพห้องค่อนข้างสะอาดค่ะ แม้จะเล็กไปหน่อยแบบเปิดประตูมาเจอเตียงเลย แต่อยู่คนเดียวก็พอถูไถได้ เพราะมีอุปกรณ์ทุกอย่างครบครัน ทั้งทีวี กาต้มน้ำ ตู้เย็นเปล่า ถ้วยชาเล็กๆ 1 ถ้วย ไม้แขวนเสื้อให้ 2-3 อัน ถังขยะ รองเท้าแตะ ฟูกและผ้าขนหนูให้ (แต่ไม่มีไดร์เป่าผมให้นะคะ) อันดับแรกมาถึงไปเปิดฮีทเตอร์ก่อนเลยค่ะ กว่าจะอุ่นใช้เวลาค่อนข้างนาน
เสน่ห์ของห้อง Japanese Room นอกจากนอนฟูกที่เรียกกันว่า 'ฟุตง' แล้วอีกอย่างเลยคือไฟค่ะ นี่ชอบดึงเล่นมาก เพราะมันมีไฟแบบสลัวๆ ให้พอเห็นได้ลางๆ แถม Wi-Fi ที่นี่ก็เร็วดีค่ะ ถึงจะหลุดบ่อยไปหน่อยก็เถอะ
มาดูห้องน้ำกันดีกว่า ถือว่าโอเคเลยค่ะ มีอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า โถส้วม เครื่องทำน้ำอุ่นให้ ถึงแม้จะไม่มีสายชำระก็เถอะ (T^T)
นอกจากนี้ยังมีสบู่เหลวและยาสระผมให้ค่ะ…แต่พี่แกไม่มียาสีฟันมาให้! โชคดีที่พกมาเอง ส่วนผ้าผืนสีขาวที่พาดอยู่กับราวนั้นคือผ้าเช็ดเท้านะคะ อย่าเผลอเอามาเช็ดหน้ากันล่ะ (-,.-)
แต่สำหรับ ข้อเสีย ของที่นี่เลยคือห้องไม่เก็บเสียงเลยค่ะ ใครหลับยากอาจจะไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ เพราะเสียงคนเดินไปเดินมาหรือเสียงรถไฟได้ยินตลอด (ผนังแอบมีสั่นเบาๆ) แถมพี่จีนดึกๆ ชอบคุยกันโฉ่งฉ่างได้ยินมาถึงในห้อง และที่สำคัญปลั๊กมีแค่จุดเดียว! ถ้าจะเสียบชาร์จอะไรหลายๆ อย่างแนะนำพกปลั๊กพ่วงมาต่อด้วยจะดีกว่า นอกจากนี้ที่นี่ไม่มีบริการอาหารเช้า (แต่มีคาเฟ่อยู่ในโรงแรม) บางครั้งเราเลยประทังชีวิตมื้อเช้าด้วยข้าวปั้นจาก Family Mart นี่ล่ะค่ะ
ที่นี่จะไม่มีแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดระหว่างช่วงที่เรายังพักอยู่ สำหรับโรงแรมนี้สามารถเช็กเอาท์ได้จนถึงเวลา 11 โมง แม้เราจะเช็กเอาท์แล้วแต่ก็ยังสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมได้ แต่การฝากกระเป๋าที่นี่อาจจะไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ เพราะแค่เอากระเป๋าตั้งรวมๆ กัน ใครจะมาหยิบไปก็ได้เลย
ส่วน ข้อดี ก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้นค่ะ นอกจากจะหาง่ายแล้ว ที่ถูกใจเราที่สุดคืออยู่ติดสถานีทำให้เดินทางไปไหนมาไหนสะดวกมาก แถมราคาไม่แพงเกินไปพออยู่ได้ เพราะเราไม่ได้หวังจะพักที่พักหรูๆ ยิ่งวันไหนไปเที่ยวกลับมาเหนื่อยๆ ไม่ต้องเดินไกลแป๊ปเดียวถึงห้อง หรือตอนกลับก็ไม่ต้องลากกระเป๋าไปไกลให้หนัก
อ้อ! ลืมบอกไปว่าสถานี Shinimamiya มีลิฟต์ให้บริการถึงชั้น 2 ซึ่งเป็นสาย Nankai เท่านั้น หากจะขึ้นไป JR ที่อยู่ชั้น 3 ต้องใช้บันไดค่ะ ซึ่งมันจะสูงและชันไปหน๊ายยย! แบกกระเป๋าเดินทางกันแขนแทบหัก
สรุปสุดท้ายอีกรอบ สำหรับโรงแรมนี้เหมาะสำหรับ...
นอกจากห้อง Japanese Style แล้วก็ยังมีห้องแบบอื่นๆ รวมไปถึงแบบแคปซูล (แต่ข้อเสียแคปซูลเลยคือห้องน้ำรวม) นอกจากนี้ที่นี่ยังมีบริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอีกด้วย สำหรับใครที่อยากเน้นประหยัดที่นี่ก็อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่อยากแนะนำค่ะ ถ้าเรามีโอกาสได้มาเที่ยวโอซาก้าคนเดียวอีกก็อาจจะกลับมาพักที่นี่อีกก็ได้ (^_^)
ขอขอบคุณรูปภาพเพิ่มเติมจาก
รูปภาพบางส่วนถ่ายโดยเจ้าของบล็อก ห้ามนำออกไปใช้ต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด
I LOVE JAPAN GROUP CO.,LTD
Park Ploenchit
61/7 Sukhumvit 1 Road Khongtoey Nua
Wattana Bangkok, Thailand, 10110
info@ilovejapan.co.th