สวัสดีเพื่อนๆชาว I love Japan ผู้รักการอ่านทุกท่านครับ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานี้ Yuri JT ได้มีโอกาสไปร่วมงานสัมมนาของบริษัทรถไฟสายเอกชน Tobu Railway มาครับ ได้รับทราบข้อมูลดีๆ ข่าวใหม่ๆ้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวโตเกียว-นิกโกะและก็ไม่ลืมที่จะนำมาฝากเพื่อนๆกันครับ ในงานสัมมนา มีการสัมภาษณ์คนดังอย่างคุณฮิโระ ซาโนะ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "ฮิโระซัง" พิธีกรรายการโทรทัศน์นำเที่ยวญี่ปุ่นสุด cool อย่าง "สุโก้ยเจแปน" (Sugoi Japan) และคุณภัททิยา พงศ์ไทย Miss International Thailand 2016 ผู้มีประสบการณ์ท่องเที่ยวโตเกียวและนิกโกะจากการเข้าร่วมเก็บตัวและเวิร์คช็อปนางงาม
โดยในงานคุณฮิโระซังได้ให้มุมมองการท่องเที่ยวสองเมืองนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า "โตเกียวและนิกโกะนั้นเดินทางไปมาหากันง่ายมาก เราสามารถไปสัมผัสอารยธรรมญี่ปุ่นในสองยุคสมัย คือศิวิไลซ์เมืองหลวงในยุคปัจจุบัน(สมัยเฮเซ)และยุคโบราณ(สมัยเอโดะ)ได้ง่ายๆเพียงนั่งรถไฟออกไป 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง"
นอกจากนี้ในงานยังมีตัวแทนจากแหล่งท่องเที่ยวและโรงแรมที่น่าสนใจทั้งในโตเกียวและนิกโกะ เช่น Tokyo Skytree, โรงเรียนสอนทำอาหารญี่ปุ่น Chagohan (ชาโกฮัง) ย่านอาซากุสะ, โรงแรมและรีสอร์ทในเครือ TOBU อีกหลายแห่งทั้งในโตเกียว, นิกโกะ และที่คินูงาวะออนเซ็น (Kinugawa Onsen) ให้ได้เลือกเช็คอินกันครับ (ลองคลิกดูได้จากลิงค์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือ TOBU นะครับ ^^)
และด้วยความที่ผมเป็นแฟนรายการของคุณฮิโระซังแกอยู่แล้ว พอได้ฟังคุณฮิโระซังให้สัมภาษณ์แล้วก็รู้สึกคล้อยตามจริงๆครับ พอกลับจากงานสัมมนามาก็อยากไปตะลุยโตเกียว-นิกโกะเอาซะจริงๆ อยากจะค้นหาตั๋วเปิดวาร์ปไปญี่ปุ่นมันซะช่วงใบไม้เปลี่ยนสีปีนี้เลย เพราะชื่อเสียงที่โด่งดังมากของนิกโกะว่าเป็นสถานที่ที่มีวิวทิวทัศน์ของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามมาก และการเดินทางก็ไปที่นั่นก็สะดวกมากๆด้วยรถไฟโทบุจากอาซากุสะโตเกียวครับ
Yuri JT ก็เลยจะถือโอกาสนี้ เชิญชวนเพื่อนๆเที่ยวโตเกียว-นิกโกะ พร้อมทั้งนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจที่เหมาะจะใส่ลงไปในโปรแกรมเที่ยวโตเกียว-นิกโกะของเพื่อนๆดังนี้ครับ ^^
โตเกียวสกายทรี (Tokyo Skytree) ตัวแทนแห่ง "ยุคสมัยเฮเซ" ที่เราดำรงชีวิตกันอยู่ในปัจจุบันอันเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ Tokyo Skytree ถูกสร้างขึ้นมาในปี 2010 เพื่อประโยชน์ทางการโทรคมนาคมในแพร่ภาพโทรทัศน์ระบบดิจิตอลให้ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคคันโต ซึ่งแต่เดิมนั้นมี Tokyo Tower ที่เคยทำหน้าที่นี้ แต่ปัจจุบันไม่สามารถทำได้อีกต่อไปเพราะมีความสูงของตึกระฟ้าเข้ามาบดบัง
นอกจากนี้ Tokyo Skytree ยังเป็นจุดชมวิว (Observation deck / Air corridor) ที่มีความสูง 350 - 400 เมตร และเป็นหอคอยที่ทุบสถิติความสูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงรวมจากฐานถึงยอด 634 เมตร หลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการในปี 2012 (ย้ำนะครับว่าเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในโลก ไม่นับรวมพวกตึกระฟ้า หรือ Skyscraper เพราะ Tokyo Skytree นั้นไม่นับว่าเป็นตึกครับ)
Tokyo Skytree นั้นตั้งอยู่ในย่านซูมิดะ (Sumida) ติดกับสถานีโอชิอะเงะ (Oshiage) ก่อตั้งขึ้นด้วยการร่วมทุนกันระหว่าง Tobu Railway กับสถานีโทรทัศน์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นอีก 6 บริษัท นำโดย NHK ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมร้านน่านั่ง แหล่งชอปปิ้งอย่างห้างโตเกียวโซระมาจิ (Tokyo Solamachi) มีร้านที่รวบรวมของสะสมจากเหล่าตัวการ์ตูนดังของทั้ง 6 สถานี โดยทั้งหมดนั้นอยู่ด้านล่างทางขึ้นหอคอยยักษ์ Tokyo Skytree
นอกจากนี้ที่ด้านบนของ Tokyo Skytree ที่ชั้นความสูง 350 เมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิว (observation deck) เพื่อนๆจะได้พบกับสาวน้อยจากดวงดาวผู้ย้ายเข้ามาอยู่บนโลกเราที่ Tokyo Skytree "โซระคาระจัง" (Sorakara-chan) มาสคอตประจำหอคอยแห่งนี้
และสาวน้อยโซระคาระจัง ก็ได้มาปรากฎตัวที่เมืองไทยเป็นครั้งแรกในงานสัมมนา Tobu Railway ที่เพิ่งผ่านมานี้ด้วยล่ะครับ
เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนคงรู้จักโตเกียวกันดีอยู่บ้างแล้ว และการได้ไปเยือนย่านท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง "อาซากุสะ" (Asakusa) นั้นเป็นเรื่องที่ต้องขอบอกเลยว่า "ไปญี่ปุ่นกี่ครั้ง ก็ยังอยากไปอีก" เพราะนอกจากจะได้ตื่นตาตื่นใจกับวัดวาอาราม บ้านเรือนร่วมสมัย ร้านรวงและแหล่งชอปปิ้งแล้ว ยังมีประสบการณ์แปลกใหม่และกิจกรรม Cool Cool ที่พลาดไม่ได้จากร้านดังขวัญใจนักท่องเที่ยวอาซากุสะทุกเพศทุกวัยอย่าง "ชาโกฮัง" (Chagohan) ที่ได้มาร่วมงานสัมมนา Tobu Railway ครั้งนี้อีกด้วยล่ะครับ
ชาโกฮัง (Chagohan) ตั้งอยู่ในเขตอาซากุสะ ดำเนินการจัดเวิร์คช็อปทำอาหารญี่ปุ่นให้ชาวต่างชาติได้มาทดลองเรียนทำอาหารญี่ปุ่นกัน โดยสามารถเลือกเมนูได้ ไม่ว่าจะเป็นซูชิ เบ็นโตะ เท็มปุระ ฯลฯ ทำเองกินเองอร่อยเองในสไตล์ของตัวเอง รวมไปถึงเวิร์คช็อปชงมัทฉะ (ชาเขียว) หรือว่าใครที่อยากลองใส่ชุดกิโมโนด้วยตัวเอง ที่นี่ก็มีเวิร์คช็อปนุ่งกิโมโน-ห่มยูกะตะด้วยเช่นกัน
ใครสนใจลงเรียนคอร์สไหนกับชาโกฮัง เล็งกันไว้ดีๆ เตรียมตัวจอง เลือกวันเรียน จัดโปรแกรมเที่ยวกันดีๆ แล้วติดต่อเขาไว้ล่วงหน้าผ่านทาง www.chagohan.tokyo กันได้เลยครับ
ส่วนใครที่สนใจจะลองนั่งรถลาก "จินริกิฉะ" (Jinrikisha) และออกตระเวนหามุม Cool Cool ของย่านอาซากุสะเพื่อถ่ายรูป Cool Cool เก็บไว้เป็นที่ระลึกแล้วล่ะก็ ที่นี่ก็บริการให้ได้เช่นกันครับ (ครบสูตร เรียนทำอาหาร+นุ่งกิโมโน+นั่งรถลาก หรือเลือกคอร์สอื่นๆก็ได้ ตามใจเราครับ)
ปิดท้ายที่ "คูล อาซากุสะ" (Cool Asakusa) ครับ กับคอร์สชิมสาเกที่เสิร์ฟโดยเกอิชา (Geisha) ตัวจริงเสียงจริง (เกอิชาแท้ๆไม่ใช่นักแสดง ทางร้านเขารับรองมาอย่างหนักแน่นครับ) แฟนๆเกอิชาไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้เลยจริงๆ เพราะนอกจากจะได้ลิ้มรสสาเกจากต้นตำรับแล้ว ยังสามารถขอถ่ายรูปกับเกอิชาได้อีกด้วยนะ ^^
นอกจากนี้ทาง Cool Asakusa จะคอยอัปเดตกิจกรรมดีๆที่จะเกิดขึ้นในอาซากุสะผ่านทางเว็บไซต์ www.cool-asakusa.jp อย่างเช่น Asakusa Marathon (อาซากุสะ มาราธอน) ที่กำลังจะจัดขึ้นในปลายปี 2017 นี้ เพื่อนๆสามารถติดตามอ่านกันได้นะครับ (มี content ภาษาอังกฤษด้วย)
จบจากความ Cool ในอาซากุสะกันแล้ว...เรามาออกเดินทางจากโตเกียวไปสู่นิกโกะกันดีกว่าครับ!!
นอกจากการเป็นแหล่งรวมความ Cool ความเพลิดเพลินเจริญหูเจริญตาแล้ว อาซากุสะยังเป็นต้นทางของ Tobu Railway ด้วยครับ เพื่อนๆสามารถเดินทางเพียง 2 นาทีจากอาซากุสะสู่ Tokyo Skytree และขึ้นเหนือออกจากโตเกียวไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมงสู่จังหวัดโทชิงิ (Tochigi) เพื่อมุ่งตรงไปสู่นิกโกะ (Nikko) หรือคินูงาวะออนเซน (Kinugawa Onsen) เมืองออนเซนยอดนิยมแห่งขุนเขาคินูงาวะ หรือว่าจะไปทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความงดงามของทัศนียภาพว่า "พีคมากในฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสี" (ปลายเดือนตุลาคม - ต้นเดือนพฤศจิกายน) ทั้งสีสันแห่งธรรมชาติและขุนเขาโดยรอบ ทั้งหมดนี้สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถไฟของ Tobu Railway บอกเลยว่า "สะดวกสบายมาก" จริงๆครับ
ศาลเจ้านิกโกะโทโชงู (Nikkotoshogu Shrine) ครั้งหนึ่งในอดีตกาล มีการรังสรรค์ผลงานสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าเอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานอย่างเราๆช่วยกันอนุรักษ์สืบทอดกันมาจนกลายเป็นมรดกโลก ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม ศาลเจ้า หรือแม้แต่ซุ้มประตูศาลเจ้าเองก็ตาม เมืองนิกโกะ (Nikko) นั้นเป็นเมืองเอกสำคัญเมืองหนึ่งในเขตจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) ที่เต็มไปด้วยศิลปะและอารยธรรมแห่งยุคสมัยเอโดะโบราณ และมรดกโลกอันเป็นหน้าเป็นตาที่สุดของนิกโกะก็คงจะไม่พ้น "ซุ้มประตูโยเมะอิมง" ที่ขึ้นชื่อความใหญ่โตอลังการ เป็นซุ้มประตูที่มีงานหินอ่อนแกะสลักดั้งเดิมจากสมัยเอโดะโบราณประดับไว้อย่างมากมายและงดงามมาก และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO และได้รับความสนใจอย่างมากจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
รวมภาพงานศิลป์ภายในศาลเจ้านิกโกโทโชงู และบรรยากาศภายในศาลเจ้า โดยงานศิลป์มีทั้งแกะสลักด้วยหินอ่อนและงานแกะสลักไม้ลงสีครับ ต้องขอบอกเลยว่าช่างศิลป์ในสมัยเอโดะนั้นฝีไม้ลายมือนั้นไม่ธรรมดาเอามากๆ ทั้งที่อยู่ในยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการรังสรรค์ผลงานศิลป์มากเท่ายุคเอโดะ แต่ว่าช่างแกะสลักสามารถประดิษฐ์พวกมันออกมาได้สวยงามและมีมิติมาก
Cr.ภาพประกอบ เอื้อเฟื้อโดยคุณ Otaru Taichuo (คุณโอตารุ) บล็อกเกอร์ผู้ชำนาญการด้านประวัติศาสตร์ ปราสาทเก่าแก่และศาลเจ้าในญี่ปุ่นของทางเว็บไซต์เราครับ
เกร็ดความรู้อันน่าสนใจจากคุณโอตารุ เกี่ยวกับงานศิลป์ชิ้นเอกของศาลเจ้านิกโกโทโชงูแห่งนี้ครับ ได้แก่ผลงานชิ้นนี้ครับ...
ช้างในจินตนาการ !!
คุณโอตารุเล่าให้ฟังไว้ว่าประวัติศาสตร์ของภาพนี้นั้นเกิดจากเรื่องที่ว่า ในสมัยเอโดะไม่มีช้างตัวเป็นๆ และไม่มีแม้แต่ภาพของช้างให้ช่างแกะสลักหินอ่อนได้ดูเป็นต้นแบบในการสร้างผลงานเลย จึงต้องอาศัยการฟังจากผู้ที่เคยเห็นช้างตัวเป็นๆ บรรยายถึงลักษณะของช้าง แล้วใช้จินตนาการและฝีมือล้วนๆสร้างผลงาน (อารมณ์เหมือนสเก็ตช์หน้าผู้ร้ายจากคำให้การของผู้เสียหาย ฮ่าฮ่า) แล้วช่างแกะสลักก็รังสรรค์ออกมาด้วยจินตนาการจนกลายมาเป็นช้างหน้าตาแปลกๆบนหน้าจั่วศาลเจ้าคู่นี้ครับ นี่แหละครับ "ช้างในจินตนาการ"
และอีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักมากที่สุดชิ้นหนึ่งของศาลเจ้านิกโกโทโชงูก็คือ ลิง 3 ตัวนี้ครับ "Three Wise Monkeys" หรือลิงผู้มีปัญญาทั้ง 3 ตัว เป็นผลงานที่แฝงไว้ด้วยคติพุทธจากตำนานของพุทธนิกายเท็นได (Tendai-Buddhist) "See no evil, Hear no evil, Speak no evil" คือการดู ฟังและพูดในสิ่งที่ชอบที่ดีงาม นับเป็นงานแกะสลักไม้อันทรงคุณค่าที่ทั้งงดงามและแฝงไว้ด้วยคติและแง่คิดดีๆ
สะพานชินเคียว (Shinkyo bridge) อีกหนึ่งผลงานที่เป็นมรดกโลก เป็นสะพานข้ามแม่น้ำไดยะ (Daiya river) เพื่อเข้าสู่ "ศาลเจ้าฟุตะระซัง" เป็นสะพานไม้เก่าแก่ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดอีกจุดนึงเลยทีเดียวล่ะครับ เพราะเป็นหนึ่งในสามของสะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น มีความยาว 28 เมตร และกว้างเกือบ 8 เมตร
คุณฮิโระซังได้เล่าถึงความประทับใจครั้งหนึ่งของตัวเองกับสะพานแห่งนี้ให้ฟังด้วยว่า "สมัยผมยังเป็นเด็กนักเรียน ผมเคยไปทัศนศึกษาที่นิกโกะและได้ไปสะพานชินเคียวเป็นครั้งแรก คุณครูให้นักเรียนทุกคนพับเครื่องบินกระดาษแล้วเขียนคำอธิษฐานขอพรลงบนปีกเครื่องบินพับของตัวเอง จากนั้นเพื่อให้คำอธิษฐานสัมฤทธิ์ผล ก็ให้ร่อนเครื่องบินพับจากกลางสะพานลงไปตามทางของแม่น้ำ"
ปล. อย่าเพิ่งตกใจนะครับว่า เฮ้ย!! ร่อนเครื่องบินกระดาษลงแม่น้ำแบบนั้นก็เท่ากับทิ้งขยะลงน้ำสิ!! คนญี่ปุ่นนั้นรักษ์ธรรมชาติกันอยู่แล้วครับ คุณฮิโระซังอธิบายต่อด้วยว่ากระดาษที่ใช้พับเครื่องบินที่ร่อนลงน้ำไปนั้น สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันนี้ยังคงมีกิจกรรมนี้ให้ทำกันอยู่หรือไม่ ^^
และงานนี้คุณฮิโระซัง ยังได้แถมท้ายด้วยการ Try in "สตรอว์เบอร์รี่โทชิงิ" ไว้ด้วยว่า ที่จังหวัดโทชิงินี้เป็นแหล่งเพาะปลูกสตรอว์เบอร์รี่แสนอร่อยที่ใหญ่ที่สุด มีผลผลิตมากที่สุด และยังขึ้นชื่อว่ารสชาติดีที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยด้วยนะครับ อิอิ
Tobu World Square (โทบุ เวิล์ด สแควร์) สวนจัดแสดงแบบจำลองของสถานที่สำคัญต่างๆเกือบทุกแห่งบนโลกใบนี้เอาไว้ด้วยสัดส่วน 1 ต่อ 25 ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีโคสะโงเอะ (小佐越駅 / Kosagoe Station) ก่อนถึงคินูงาวะออนเซ็น เพียง 1 สถานี มาลองชมกันดูครับว่าน่าสนใจกันขนาดไหน
ตอนนี้ถ้าใครที่ไปเยือน Tobu World Square เวลาที่เดินไปชมแต่ละสถานที่สำคัญ เช่น มหาปิรามิดกีซ่า ลองสังเกตดีๆ จะเห็น "โซระคาระจัง" ตัวเล็กๆ ยืนอยู่บนปิรามิดซึ่งต้องสังเกตหากันดีๆ จนกลายเป็นเกมที่คนญี่ปุ่นเองก็ชอบไปเล่นด้วยกันเวลาไปเที่ยวที่นี่เป็นกลุ่มด้วยการแข่งกันค้นหาสาวน้อยโซระคาระจังครับ เพราะว่าทุกจุดนั้นมีโซระคาระจังตัวเล็กๆ ซ่อนอยู่จริงๆ เพื่อนๆที่ไปเที่ยวที่นี่และมีเวลาเยอะหน่อยลองเล่นกันดูนะครับ แล้วอย่าลืมถ่ายรูปโซระคาระจังตัวจิ๋วกลับมาโชว์กันในเพจเฟซบุ๊กของ I Love Japan กันด้วยนะครับ Yuri JT และทีมงานจะรอชมครับ ^^
Tobu Railway มีรถไฟแบบไหนให้บริการบ้าง... มาดูกัน!!
Revaty (รีวาตี้) รถไฟด่วน Limited Express ขบวนใหม่สุดล้ำสมัยที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้เอง นับเป็นทีเด็ดที่ทาง Tobu Railway เค้าออกใหม่มาเพื่อเอาใจผู้คนที่ใช้เส้นทางนี้ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือขาวญี่ปุ่นที่ต้องเดินทางข้ามเมืองไปฟุคุชิมะเลยก็ว่าได้ครับ นั่นคือออกแบบการเดินรถให้ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนเหมือนที่เคยเป็นมา เวลาจะเดินทางไปเที่ยวนิกโกะหรือคินูงาวะออนเซนก็จะง่ายขึ้น ดังนี้
Spacia (สเปเซีย) รถไฟด่วน Limited Express ขบวนนี้ให้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปยังนิกโกะและคินูงาวะออนเซนมาเนิ่นนาน ขึ้นชื่อในเรื่องของความโอ่อ่าหรูหราและความกว้างขวาง นั่งสบายมากสำหรับการเดินทางกว่า 2 ชั่วโมงจากอาซากุสะสู่นิกโกะ หรือจากอาซากุสะสู่คินูงาวะออนเซน
ที่มาของภาพประกอบ
http://www.tobu.co.jp/foreign/en/using/spacia/images/imgSpacia01.jpg http://www.tobu.co.jp/foreign/en/using/spacia/images/imgSpacia02.jpg
Spacia มีทั้งที่นั่งโดยสารแบบรวมที่กว้างยืดแขนยืดขาได้สบาย(มีที่วางพักเท้า) และแบบแยกเป็นห้อง ห้องละ 4 ที่นั่ง เหมาะสำหรับครอบครัวหรือการเดินทางที่ต้องการความเป็นส่วนตัว (ให้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก) ซึ่งใน Spacia หนึ่งขบวนจะมีห้องโดยสารส่วนตัวนี้อยู่ในตู้โดยสารเดียวเท่านั้นคือตู้หมายเลข 6 (Car no.6) และมีแค่ 6 ห้องเท่านั้น ห้องโดยสารนี้ไม่สามารถใช้ Tobu Nikko Pass ได้ ต้องจองแยกต่างหาก ส่วนราคานั้นอาจจะต้องเช็กผ่านทางเว็บไซต์ tobu.co.jp กันก่อนนะครับ ^^"
ที่มาของภาพประกอบ
http://www.tobu.co.jp/foreign/en/using/spacia/images/imgEqp01.jpg http://www.tobu.co.jp/foreign/en/using/spacia/images/imgEqp02.jpg
Taiju (ไทจู) ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า "ต้นไม้ใหญ่ หรือสิ่งที่ยิ่งใหญ่" ถูกนำมาตั้งเป็นชื่อของหัวรถจักรไอน้ำรุ่น C11 ที่นำมาใช้ลากจูงขบวนรถนำเที่ยวระยะทางสั้น 12.5 กิโลเมตร จากสถานีชิโมะอิมาอิจิ (下今市駅 / Shimo-Imaichi station) ผ่านนิกโกะ และสิ้นสุดที่สถานีคินูงาวะออนเซน (鬼怒川温泉駅 / Kinugawa Onsen Station) เป็นเส้นทางรถไฟโรแมนติกผ่านความงดงามของธรรมชาติที่เป็นมรดกโลกประจำจังหวัดโทชิงิ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นให้บริการและยกเลิกไป จนถึงในปีนี้รถไฟขบวนนี้จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 10 สิงหาคมที่จะถึงนี้ นับเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่อยากออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์โรแมนติกหรือบรรยากาศย้อนยุคผ่านเส้นทางธรรมชาติอันแสนงดงามของเมืองนิกโกะ เตรียมตัวจองกันไว้ให้ดีที่ tobu.co.jp ครับ ^^
ก็คงจะพอหอมปากหอมคอ พอเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆที่มีแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นได้หันมาลองมองการท่องเที่ยวในภูมิภาคคันโต ที่ไม่ไกลจากโตเกียวเมืองหลวงแห่งแสงสีศิวิไลซ์มากนัก เผื่อว่าร่างกายเพื่อนๆบางคนอาจต้องการแสงสีเสียงและการช็อปปิ้ง แต่ว่าใจนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอยากออกไปชื่นชมผลงานมรดกโลกและธรรมชาติอันตระการตา Yuri ก็ขอฝากโตเกียว,นิกโกะและรถไฟ Tobu Railway ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ ไว้เผื่อเป็นทางเลือกสำหรับเพื่อนๆแฟนๆ ilovejapan.co.th กันด้วยนะครับ
เดินทางกับ Tobu Railway รับรองว่างานนี้คุ้มค่าแน่นอน สำหรับบล็อกนี้ก็ต้องขอลากันไปก่อน สวัสดีครับเพื่อนๆ
ที่มาของภาพปก : https://www.flickr.com/photos/tigerphotostock/15640087678/in/photolist-pQ4xb7-d6pc8d-PYu97d-g5mYXQ-jBBhaN-Qu8k4S-6ZwsNB-J2EjAe-9DKXHJ-hLVvB1-8U9wNG-7e1DtH-PMCSyj-a7tDA5-4aVJ6z-5ziabP-9j8ycX-5vuM1n-e79wBs-pzEoZs-5zm8eE-5zm9AJ-j1eRo2-5zm9UU-5zgTz6-5zgSAF-7iBSKA-Nf4Bg5-NSsTZ6-zTTkhp-995Qbf-7p2xg5-kRiyN8-qjjnok-7bQz5a-sAybB-5xA6Fh-8U9w8S-5BD7L8-8TAFwx-7dZDN6-Qd8SfA-RqAzpJ-NQMnTJ-7sVLJC-8TAFBD-Dn9FY4-7cNauV-8U6nPD-5EdmxR
I LOVE JAPAN GROUP CO.,LTD
Park Ploenchit
61/7 Sukhumvit 1 Road Khongtoey Nua
Wattana Bangkok, Thailand, 10110
info@ilovejapan.co.th