วันนี้มายจะมาแนะนำทิปเล็กๆน้อยๆในการเลือกซื้อทัวร์
และดูว่าบริษัทหรือคนที่ติดต่อเรานั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่
1.เลือกซื้อทัวร์กับบริษัททัวร์ที่เปิดเผยข้อมูล
แน่นอนว่าข้อนี้ หลายๆคนอาจทราบกันดีอยู่แล้วเมื่อเข้าไปดูในเว็บไซต์แล้วมีที่ตั้งบริษัทหรือมีตัวตนจริง
ที่ชัดเจนสามารถตรวจสอบได้ รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลของบริษัทอย่างตรงไปตรงมา
ตลอดจนแผนที่การเดินทางไปที่บริษัทได้ก็จะยิ่งเป็นการดีค่ะ
นอกจากนี้ก็ควรมีการแสดงหน้าตาและชื่อพนักงานในสังกัดด้วยค่ะ
ส่วนใหญ่พวกที่หลอกลวง มักไม่ค่อยเปิดเผยข้อมูลตัวเอง
และไม่มีที่อยู่หรือโชว์ใบหน้าของพนักงานหรือตัวเจ้าของบริษัทเองค่ะ
ที่สำคัญต้องมีใบอนุญาตการประกอบธุรกิจนำเที่ยวด้วยค่ะ
2. Email บริษัท
ปกติเราจะต้องส่งอีเมลเข้าไปที่อีเมลที่ปรากฏในเว็บไซด์เท่านั้น
อย่าส่งเข้าอีเมลส่วนตัวของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แม้จะมีเพื่อนแนะนำมาก็ตาม
และถ้า domain อีเมลเป็นพวก gmail, hotmail ให้สงสัยไว้ก่อน
(แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่าบริษัทที่ยังใช้พวก gmail hotmail ฯลฯ จะเป็นบริษัทที่หลอกลวงนะคะ
เพียงแต่บริษัทที่มี domain เป็นของบริษัทจะมีโอกาสหลอกลวงน้อยกว่า เพราะว่าเวลาจดโดเมนบริษัทนั้นจะต้องให้ข้อมูล และ ID ส่วนตัวและเสียเงินรายปี ไม่ใช่สมัครง่ายๆเหมือนพวก gmail ค่ะ)
เดี๋ยวนี้บริษัทส่วนใหญ่จะใช้ domain บริษัทของตนเอง
เช่น @nihontours.com, @japantours.com เป็นต้น
ถ้าเป็นที่ต่างประเทศ บริษัทไหนยังใช้เมลติดต่อลูกค้าเป็นพวก gmail, hotmail นี่
ฝรั่งเขาเลิกดูเลยค่ะ (ในจุดนี้ประเทศไทยเรายังไม่ซีเรียสมากเหมือนเมืองนอก)
เนื่องจากดูไม่มีความน่าเชื่อถือ และถ้าเกิดอะไรขึ้น เราจะเอาผิดบริษัทไม่ได้
เพราะบริษัทอาจจะอ้างได้เสมอว่า
คนๆนี้ไม้ได้ทำงานที่นี่ หรือไม่ใช่พนักงานที่นี่
ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เราจึงไม่มีหลักฐานเอาผิดบริษัทนั้นได้เลย
3. รีวิว
ลองดูรีวิวในที่ต่างๆว่าบริษัททัวร์นี้มีจริงไหม
มีรูปลูกค้าที่เคยไปกับทัวร์นี้ไหม
ถ้ามีคลิปรีวิวยิ่งดี เพราะว่ารีวิวที่เป็นแบบเขียน สามารถปลอมแปลงหรือสร้างขึ้นมาได้ง่ายกว่า
ถ้าเป็นที่เมืองนอก ฝรั่งเขาจะเข้าไปเช็กในเว็บ tourradar ค่ะ
(แต่ของไทย น่าจะยังไม่มีเว็บที่รีวิวบริษัททัวร์)
4.เลขบัญชีบริษัท
เวลาโอนเงิน ไม่ว่าพนักงานขายจะพูดอย่างไงก็ตาม
อย่าโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของพนักงานเด็ดขาดค่ะ
ให้โอนเข้าบัญชีของบริษัท
ถ้าบริษัทไหนไม่มีบัญชีบริษัท มีแต่บัญชีส่วนตัว อันนี้ขอให้สงสัยไว้ก่อนเลยค่ะ
เพราะเวลาทำธุรกิจเดี๋ยวนี้ไม่ว่าใครๆก็ต้องมีบัญชีบริษัททั้งนั้น
หากได้รับการยืนยันว่าต้องโอนเข้าบัญชีบุคคลเท่านั้น มายคิดว่าอย่าเสี่ยงจะดีกว่าค่ะ
5.ราคาที่ถูกเกินไปและะข้อเสนอที่ดีเกินจริง!
กรณีนี้ยกเว้น ทัวร์โปรโมชั่นกรุ๊ปใหญ่ จากบริษัทที่จัดทัวร์กรุ๊ปใหญ่
ที่เขามี connection กับบริษัทแลนด์ที่ญี่ปุ่น หรือมีสาขาที่นู่น อย่างบริษัท JTB หรือ HIS
เราควรจะเช็กและถามหาสาเหตุว่าทำไมมันถึงถูกเกินจริง
และเปรียบเทียบราคากับบริษัทอื่น
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหนถูก อันไหนแพง
เพราะไม่มีไอเดียเลยว่า ทัวร์นี้มันราคาสมเหตุสมผลหรือไม่
ตัวอย่างเช่น
ถ้าทัวร์โตเกียว ฟูจิ 5 วัน 3 คืน รวมทุกอย่าง ราคา 4 หมื่นบาท "ตั๋วการบินไทย"
(ถ้าเป็นตั๋ว Thai Air Asia X ค่อยว่าไปอย่าง)
เพราะค่าตั๋วการบินไทยปกติก็ 20,000 - 30,000 บาทแล้วค่ะ
ไหนจะค่าเช่ารถ ค่าเรียวกัง ค่าอาหารทุกมื้อ
แถมช่วงพีค บอกเลยค่ะว่าให้เช็กดีๆก่อน
มันอาจจะมี deal ที่ดีแบบนี้ก็ได้ แต่เพื่อความชัวร์
เช็กประวัติบริษัทนี้ให้แน่นอนก่อนค่ะ
และถ้าเป็นทัวร์กรุ๊ปเล็ก หรือทัวร์ส่วนตัว
บอกเลยค่ะว่า ไม่มีทางที่ราคาจะถูกหรือเท่ากับทัวร์กรุ๊ปใหญ่แน่นอน!
ลองคิดดูค่ะ ว่าทัวร์ 10 - 20 คน กับทัวร์ 50 คน
ตัวหารมันก็ไม่เท่ากันแล้วค่ะ และยังมีโปรแกรมอื่นๆที่เราสามารถเลือกเองได้ด้วย
ไม่ใช่โปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้กันมาทุกทัวร์ ดังนั้นต้นทุนของการทำทัวร์กรุ๊ปเล็กหรือทัวร์ส่วนตัวก็ต้องสูงกว่าอยู่แล้วค่ะ
ถ้าราคาทัวร์กรุ๊ปเล็ก มันถูกกว่าทัวร์กรุ๊ปใหญ่ไม่มาก
เชื่อว่าทุกคนคนเลือกไปทัวร์ส่วนตัวแล้วล่ะค่ะ เพราะสบายกว่า
6.Facebook
ถ้ามีเพจใน facebook ให้เข้าไปดูว่าเปิดมานานหรือยัง มีคนติดตามเพจเยอะไหม มีการอัปเดตกิจกรรมเยอะไหม
มีรีวิวจากลูกค้าบ้างไหม
ถ้าหลักหมื่นขึ้นไปและเปิดมานานเป็นปี
ก็มีน่าจะมีความน่าเชื่อถือมากกว่าเพจที่มีคนติดตามไม่ถึง 100 คนและเปิดมาไม่กี่เดือน
เพราะถ้าตั้งมาเพื่อการหลอกลวง ไม่นานต้องมีคนมาฟ้องร้องหรือโพสต์ถล่ม
รวมถึงแจ้งให้ทาง facebook ทราบเพื่อทำการลบเพจนั้นออกไปค่ะ
7.ขอใบ confirmation จากโรงแรม หรือติดต่อโรงแรมเพื่อยืนยันการเข้าพัก
ถ้าอยากจะกันเหนียวจริงๆ แนะนำให้โทรศัพท์หรืออีเมลไปถามโรงแรมเองอีกที
ว่ามีชื่อเราในการจองที่โรงแรมนั้นๆไหม
เพราะว่า Land operator จะต้องใช้ชื่อคุณในการจองอยู่แล้วค่ะ
(สมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ใช้ชื่อบริษัทอย่างเดียวจองได้ ปัจจุบันต้องใช้ชื่อจริงของลูกค้าในการจองค่ะ)
และก่อนโทร อาจจะขอใบจองโรงแรมจากบริษัททัวร์ที่ติดต่อไว้ก่อนก็ได้ค่ะ
8.ขอเบอร์หรือไลน์ของไกด์ก่อนที่เดินทาง
ถ้าเป็นไปได้ ขอเบอร์หรือไลน์ของไกด์ไว้ก่อนก็ดีค่ะ
เพื่อที่จะได้คุยรายละเอียดและนัดเจอกันได้ง่ายๆ
9. ชำระเงิน 1 สัปดาห์ล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง
จากประสบการณ์ที่ทำบริษัททัวร์แลนด์ในญี่ปุ่น
บอกเลยว่า ไม่มีทางที่บริษัทแลนด์ที่ญี่ปุ่นจะตกลงยอมจัดทัวร์ให้โดยที่ยังไม่ได้รับเงินหรือมัดจำล่วงหน้าอย่างช้า 3 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนล่วงหน้า
หากเอเจนท์ที่ไทยบอกว่าใกล้ๆค่อยจ่ายก็ได้ แค่ 1 สัปดาห์ก่อนวันเดินทางนี่ น่าสงสัยค่ะ!
นอกเหนือจากว่าจะเป็นบริษัทลูกที่มาเปิดสาขาอยู่ประเทศไทย
แต่ถึงกระนั้นก็หาได้น้อยมากๆ เพราะว่าบริษัททัวร์ทุกที่ต้องรักษากฎในการชำระเงิน
ไม่มีบริษัททัวร์ไหนยอมเสี่ยง ออกเงินตัวเอง ก่อนที่จะได้เงินจากลูกค้าค่ะ!
สุดท้ายนี้!!
อยากจะบอกว่า ถ้าคนมันจะหลอกจริงๆ
ก็อาจมีวิธีที่แยบยล เนียนจนเราดูไม่ออก หรือทำทุกข้อที่กล่าวมา
ไม่ได้หมายความว่าถ้ามีทุกข้อแล้วจะป้องกันได้ 100%
แต่อย่างน้อยก็ช่วยลด % การถูกหลอกได้มากขึ้น ^^
เช่น ถ้าไม่มีในข้อที่กล่าวมาก็ให้สงสัยไว้ก่อน ก็ไม่เสียหายอะไรค่ะ ^^
ถ้าเขาไม่หลอกก็ดีไป ถ้าเขาหลอกเราจะได้ไม่หลงกล
มายก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ทุกๆคนนะคะ เที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกค่ะ
สอบถามทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว
Line: @ilovejapantours
ใบอนุญาตเลขที่: 11/08437
www.ilovejapantours.com/th
I LOVE JAPAN GROUP CO.,LTD
Park Ploenchit
61/7 Sukhumvit 1 Road Khongtoey Nua
Wattana Bangkok, Thailand, 10110
info@ilovejapan.co.th