t ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

ออนเซ็นแบบไหนที่เหมาะกับคุณ? มารู้จัก 10 ประเภทออนเซ็นของญี่ปุ่นกัน!

ออนเซ็นแบบไหนที่เหมาะกับคุณ? มารู้จัก 10 ประเภทออนเซ็นของญี่ปุ่นกัน!

By , Tuesday, 28 February 2017

สวัสดีค่า คุณผู้อ่านแฟนเพจ I Love Japan ทุกท่าน ^_^ ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหา ดิฉันขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการกันก่อนนะคะ ดิฉันชื่อ ปุย เป็นบล็อกเกอร์มือใหม่ป้ายแดงของ I Love Japan ค่ะ ดิฉันก็เหมือนคุณผู้อ่านที่ชื่นชอบประเทศญี่ปุ่นในหลายๆ ด้าน ทั้งด้านท่องเที่ยว อาหาร ประเพณีและวัฒนธรรม หลังจากได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกเมื่อ 2-3 ปีก่อน ทำให้ดิฉันตกหลุมรักประเทศนี้อย่างจริงจังค่ะ ญี่ปุ่นทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ว่า....... ขนาดคนที่หลงทางเป็นประจำอย่างดิฉัน (ทางกลับบ้านตัวเองยังหลงอ่ะ คิดดู๊) ก็สามารถไปเที่ยวด้วยตัวเองได้ 55 เพราะเหตุนี้ดิฉันจึงประทับใจมากและอยากตอบแทนประเทศญี่ปุ่นที่ทำให้ดิฉันได้ค้นพบศักยภาพของตัวเอง ด้วยการมาเล่าเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่นในแง่มุมต่างๆ รวมทั้งประสบการณ์การท่องเที่ยวของตัวเองที่ได้พบเจอมาให้คุณผู้อ่านได้ทราบค่ะ ฝากติดตามและให้กำลังใจผลงานเขียนบล็อกเรื่องแรกนี้และเรื่องต่อๆไปกันด้วยนะคะ  เอาล่ะ! มาเริ่มกันเลยค่ะ 

ญี่ปุ่น ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนรักออนเซ็นเลยก็ว่าได้ กล่าวได้ว่ามีออนเซ็นอยู่ทั่วทุกแห่งของญี่ปุ่น วัตถุประสงค์หลักในการแช่ออนเซ็นของคนญี่ปุ่นคือ ผลประโยชน์ทางด้านสุขภาพ และการเข้าสังคม โดยมักจะใช้เวลาขณะแช่ออนเซ็นทำความรู้จักกับบุคคลอื่น และพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ไม่เพียงแต่การได้ลองแช่ออนเซ็นหลากหลายรูปแบบเพื่อประโยชน์ทางด้านสุขภาพแล้ว เรายังได้รับความสนุกสนานและความรู้สึกผ่อนคลายจากธรรมชาติอันงดงามที่อยู่รายล้อมสถานที่รอบๆออนเซ็นนั้นๆอีกด้วยค่ะ

สำหรับบางคนที่ไม่เคยแช่ออนเซ็นหรือกลัวการแช่ออนเซ็นเพราะอายที่จะต้องถอดเสื้อผ้าขอบอกว่าอย่าได้อายค่ะ ให้ถือคติว่าด้านได้ อายอดค่ะ 55 ตอนที่ดิฉันจะแช่ออนเซ็นครั้งแรกก็อายเหมือนกันค่ะ แถมเป็นการไปกับทัวร์ด้วย ดิฉันเลยเลือกที่จะแช่กลางดึกค่ะ เพราะคิดว่าดึกๆคนจะน้อย แต่ที่ไหนได้ คิดผิดค่ะ ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะ โดยเฉพาะกรุ๊ปคนไทยที่ไปด้วยกัน เจอตรึมเลยค่ะ (-_-;) แถมผ้าขนหนูที่ทางโรงแรมให้ก็ผืนเล็กซะเหลือเกิน (ไม่รู้จะปิดส่วนไหนดี?) เพื่อนบอกว่าเอามาปิดหน้าดีกว่าจะได้ไม่ต้องกลัวใครเห็น (เพราะมองไม่เห็นใคร) 55 ไม่แนะนำให้ทำนะคะ เดี๋ยวจะเดินตกบ่อออนเซ็นแล้วจะอายหนักกว่าเดิม (>///<) แต่พอได้ลองแช่แล้วก็ติดใจค่ะ หลังจากนั้นทุกครั้งที่มีโอกาสได้มาญี่ปุ่น ดิฉันก็ไม่พลาดที่จะแช่ออนเซ็นค่ะ

ก่อนอื่นเรามารู้จ้กข้อมูลพื้นฐานของออนเซ็นกันค่ะ

ออนเซ็น (温泉) คือน้ำพุร้อนที่มาจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ บางแหล่งพวยพุ่งออกมาสู่พื้นผิวดิน ในขณะที่บางแหล่งมาจากชั้นใต้ดินลึกลงไปกว่า 1,000 เมตร ซึ่งอุณหภูมิน้ำพุร้อนจะแตกต่างกันจากอุณหภูมิชนิดร้อนจนเกือบถึง 100ºC (211ºF) ไปจนถึงอุณหภูมิชนิดเย็นที่ 20ºC (68ºF) โดยจะมีแร่ธาตุต่างๆ สะสมอยู่ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยหรืออาการบาดเจ็บต่างๆได้

แล้วออนเซ็นแบบไหนที่เหมาะกับเราล่ะ? จากที่ได้เกริ่นไปแล้วว่าการแช่ออนเซ็นจะได้รับผลประโยชน์ทางด้านสุขภาพแถมมาด้วย เพราะในออนเซ็นจะประกอบด้วยแร่ธาตุหลากหลายชนิด ซึ่งออนเซ็นที่ญี่ปุ่นสามารถแบ่งประเภทตามคุณสมบัติของแร่ธาตุที่เป็นส่วนประกอบได้มากถึง 10 ประเภทเลยนะ ! จะมีแบบไหนบ้างตามมาดูกันค่ะ 

1. ออนเซ็นกำมะถัน (Sulphur Hot Springs)

เป็นออนเซ็นที่มีมากที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในพื้นที่แถบภูเขา สังเกตได้จากกลิ่นฉุนเหมือนไข่เน่า 55 บางที่ก็อาจจะมีกลิ่นแรง แต่บางที่กลิ่นอาจจะไม่แรงก็ได้ค่ะ เช่น Shiobara Onsen จังหวัด Tochigi และ Unzen Onsen จังหวัด Nagasaki มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผิวนุ่มและช่วยบรรเทาอาการผิวหนังที่มีผดผื่นคัน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ, โรคเบาหวาน, โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง, โรคความดันโลหิตสูงได้อีกด้วยนะ! แต่น้ำแร่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้ ดังนั้นคนที่มีผิวบอบบางควรแช่ด้วยความระมัดระวังนะจ๊ะ

Shiobara Onsen, Tochigi

2. ออนเซ็นไร้สีไร้กลิ่น (Colorless, Odorless Hot Springs)

เหมาะกับมือใหม่หัดแช่ออนเซ็นค่ะ เพราะน้ำแร่จะมีความอ่อนโยนต่อผิว และยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและระบบประสาทต่างๆอีกด้วย เช่น Kinugawa Onsen จังหวัด Tochigi, Hakone Onsen จังหวัด Kanagawa และ Dogo Onsen จังหวัด Ehime (แอบกระซิบว่า Dogo Onsen ถือเป็นออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นเลยนะ มีประวัติยาวนานถึง 3,000 ปี!!! ในส่วนของตึกหลัก (Dogo Onsen Honkan) ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของออนเซ็นแห่งนี้ มีลักษณะเป็นโรงอาบน้ำสาธารณะที่มีโครงสร้างเหมือนปราสาท 3 ชั้นอันงดงาม และยังถูกใช้เป็นต้นแบบโรงอาบน้ำในฉากที่เหล่าจิตวิญญาณมาชำระร่างกายกันในภาพยนตร์อะนิเมะชื่อดังของญี่ปุ่น Spirited Away อีกด้วยนะ!

Hakone Onsen, Kanagawa
Dogo Onsen, Ehime

3. ออนเซ็นโซดา (Alkaline Soda Hot Springs)

นิยมเรียกอีกอย่างว่า ออนเซ็นแห่งความงามค่ะ เพราะเค้าเคลมว่าแช่แล้วผิวจะสวยผุดผ่องค่า (>_<) เนื่องมาจากโซดาจะช่วยขจัดไขมันส่วนเกินออกจากผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน หลังจากแช่แล้ว ตัวน้ำแร่จะช่วยเคลือบผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและทำให้รูขุมขนกระชับค่า (เริ่ดมั้ยล่ะ) ดิฉันนี่อยากจะมอบมง(กุฏ)ให้กับคนที่ขุดออนเซ็นชนิดนี้ขึ้นมาใช้เป็นคนแรกเลยค่า เพราะฉะนั้นออนเซ็นแบบนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งกับคุณผู้หญิง! (เป็นผู้หญิงอย่าหยุดสวยนะจ๊ะ) สามารถหาแช่ได้ที่ Noboribetsu Onsen, จังหวัด Hokkaido และ Ureshino Onsen จังหวัด Saga เป็นต้นค่ะ

Noboribetsu Onsen, Hokkaido

4. ออนเซ็นไฮโดรเจนคาร์บอเนต (Hydrogen Carbonate Hot Springs) 

ลักษณะเด่นที่สังเกตได้ง่ายของน้ำพุร้อนแบบนี้คือ จะมีไอน้ำผุดขึ้นมาทุกๆนาที เนื่องมาจากแหล่งน้ำแร่ที่เป็นแหล่งต้นน้ำนั้นมีความร้อนสูงถึง 98 องศา!! (แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ น้ำแร่ที่เราแช่ไม่ร้อนขนาดนั้นค่ะ ไม่งั้นเราคงสุกก่อนแน่ 55) ขณะแช่น้ำ คุณจะพบกับฟองสบู่ขนาดเล็กจำนวนมากที่ผสานเข้ากับผิวของคุณเลยค่ะ ถือได้ว่าเป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และช่วยลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลอุณหภูมิของร่างกายได้อีกด้วย 

ออนเซ็นแบบนี้เหมาะกับคนที่เป็นโรคไขข้อ, โรคความดันทุรังสูง ไม่ช่ายยย โรคความดันสูงค่ะ เช่น Tamagawa Onsen จังหวัด Akita ซึ่งบริเวณออนเซ็นที่นี่ยังมีชื่อเสียงมากในด้านการรักษาโรคมะเร็งอีกด้วย เพราะมีหินแร่ธาตุกัมมันตรังสีที่หายากมาก เรียกว่า Hokutolite เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยป้องกันและรักษาโรคมะเร็งได้!! ทำให้มีผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วญี่ปุ่นเดินทางมานอนแช่ออนเซ็นบนหินพิเศษชนิดนี้กันเป็นจำนวนมากครั้งละหลายชั่วโมงเลยทีเดียว (ว่ากันว่าเปอร์เซ็นต์ของแขกที่มาพักที่นี่ส่วนใหญ่มาด้วยเรื่องสุขภาพเป็นหลักมากกว่าการมาเพื่อพักผ่อนเลยนะ) 

Tamagawa Onsen, Akita

5. ออนเซ็นธาตุเหล็ก (Iron Hot Springs) 

ชื่อก็บอกแล้วว่าอุดมด้วยธาตุเหล็ก สีออนเซ็นจะออกเป็นสีสนิมค่ะ (เค้าไม่ได้ลืมล้างบ่อนะ) สีอาจจะดูไม่น่าแช่ แต่มีประโยชน์นะเออ ต้องอาศัยความกล้านิดนึงค่ะ ออนเซ็นแบบนี้เหมาะกับคนที่เป็นโรคโลหิตจางและประจำเดือนมาไม่ปกติค่ะ คือดีงามอ่ะ มาแช่ออนเซ็นเสริมธาตุเหล็กกันดีกว่า แล้วปัญหาการลืมทานวิตามินเสริมธาตุเหล็กของคุณจะหมดไป ชีวิตคุณจะดีขึ้น แช่ลงไปทั้งตัวเลยค่ะ คำเตือน! อย่าเผลอเอาผ้าขนหนูสีขาวจุ่มลงไปในน้ำนะจ๊ะ ผ้าจะกลายเป็นสีแดงเลยนะ T_T 

ออนเซ็นแบบธาตุเหล็กที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ Naruko Onsen จังหวัด Miyagi และ Yoshino Onsen จังหวัด Nara

Iron Onsen

6. ออนเซ็นคลอไรด์ (Chloride Hot Springs)

แบ่งออกได้เป็นอีก 3 ชนิดตามส่วนประกอบ คือ เกลือ, แคลเซียม และแมกนีเซียม เนื่องจากญี่ปุ่นมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะ จึงมีออนเซ็นคลอไรด์ชนิดเกลือมาก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น เหมาะสำหรับคนที่มักจะมือเท้าเย็นบ่อยๆ และคนที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะภายในของสตรี เช่น มดลูกเย็น เป็นต้น (เคยได้ยินมั้ย (- -?)) หรือคนที่ต้องการความอบอุ่นเป็นพิเศษก็ไปแช่ได้นะจ๊ะ อิอิ ออนเซ็นแบบนี้พบได้ที่ Jozankei Onsen จังหวัด Hokkaido และ Yugawara Onsen จังหวัด Kanagawa เป็นต้น

Jozankei Onsen, Hokkaido

7. ออนเซ็นกรด (Acidic Springs) 

พบมากในเขตที่ราบสูงแถบภูเขาไฟของญี่ปุ่น ออนเซ็นแบบนี้จะช่วยกระตุ้นการต้านเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะช่วยรักษาบาดแผลได้จ้า และยังช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆได้อีกด้วยนะ เช่น โรคน้ำกัดเท้า, โรคผิวหนังอักเสบ เป็นต้น แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่ายนะคะ อาจระคายเคืองผิวได้ สามารถหาแช่ออนเซ็นแบบนี้ได้ที่ Zao Onsen จังหวัด Yamagata และ Minakami Onsen จังหวัด Gunma 

Minakami Onsen, Gunma

8. ออนเซ็นซัลเฟต (Sulfate Springs)

แบ่งออกได้เป็นอีก 3 ชนิดคือ แมกนีเซียม, แคลเซียม และโซเดียม น้ำแร่ชนิดนี้มีคุณสมบัติช่วยรักษาบาดแผลและรอยฟกช้ำต่างๆ ได้ และยังช่วยบรรเทาแผลไฟไหม้, โรคผิวหนังเรื้อรัง, โรคท้องผูก, โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดแดงแข็ง นอกจากนี้น้ำแร่ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นเสมือนกับเราใช้โทนเนอร์บำรุงผิวไปในตัวเลยจ้า

สามารถพบได้ที่ Atami Onsen จังหวัด Shizuoka เป็นต้นค่ะ

Atami Onsen, Shizuoka

9. ออนเซ็นธาตุเรเดียม (Radium Springs)

ชื่ออาจจะฟังดูน่ากลัว แต่จริงๆแล้วไม่ได้น่ากลัวนะจ๊ะ เพราะมีปริมาณแร่ธาตุกัมมันตภาพรังสีเพียงเล็กน้อย แร่ธาตุเรเดียมมีคุณสมบัติช่วยลดความดันเลือดและช่วยในการผลิตกรดยูริคในร่างกายในปริมาณที่พอเหมาะ ออนเซ็นแบบนี้เหมาะกับคนที่เป็นโรคเกาต์, โรคระบบทางเดินอาหาร (อาหารไม่ย่อย), โรคระบบไหลเวียนโลหิต, โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขข้อ พบได้ที่ Masutomi Onsen จังหวัด Yamanashi ค่ะ

Masutomi Onsen, Yamanashi

10. ออนเซ็นกรดบอริก (Boric Acid Springs)

มาถึงอย่างสุดท้ายแล้วค่า ^_^ เนื่องจากกรดบอริกมีสรรพคุณในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งส่วนใหญ่ทางการแพทย์จะนำมาเป็นส่วนประกอบของยาหยอดตาและน้ำยาล้างตาค่ะ ดังนั้นออนเซ็นแบบนี้จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคทางสายตาค่ะ แต่เดี๋ยวก่อน! ยังไม่หมดค่ะ คุณสมบัติที่สำคัญและเริ่ดที่สุดของกรดบอริกที่อิชั้นภูมิใจนำเสนอก็คือ...... เค้าเคลมว่ากรดบอริกจะช่วยทำให้ผิวขาวขึ้น!!! โอ้แม่เจ้า มันเริ่ดมากอ่ะ เพราะฉะนั้นใครที่อยากมีผิวขาว อย่าลืมลองไปแช่ดูนะคะ

สามารถพบได้ที่ Minoo Onsen จังหวัดโอซาก้า Yunogawa Onsen จังหวัด Shimane ค่ะ (แอบกระซิบอีกแล้วว่า Yunogawa Onsen ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 สปาแห่งความงามที่เป็นที่ชื่นชอบของคุณผู้หญิงเชียวนะเธอ!)

Yunogawa Onsen, Shimane

เป็นยังไงบ้างคะ ออนเซ็นทั้ง 10 ประเภทที่กล่าวมา มีแบบไหนที่เหมาะกับคุณบ้าง? สำหรับดิฉันแล้วก็ต้องเป็นออนเซ็นเพื่อความงามสิคะ 55 แหม! ผู้หญิงเราใครๆ ก็อยากมีผิวสวยเนียน จริงมั้ยคะ? คุณค่าที่คุณคู่ควรค่ะ (>///<)

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของออนเซ็นดังกล่าวนั้น ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์นะคะ เป็นเพียงการอ้างถึงคุณสมบัติของแร่ธาตุต่างๆที่มีอยุ่ในออนเซ็นนั้นๆค่ะ แต่ประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของการแช่ออนเซ็นที่รับรองว่าคุณจะได้รับแน่นอนคือ ทำให้ร่างกายอบอุ่นและรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ การแช่น้ำในอุณหภูมิที่พอเหมาะจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งกระตุ้นการไหลเวียนและเร่งอัตราการเผาผลาญ! ส่วนประโยชน์ด้านอื่นถือเป็นผลพลอยได้แล้วกันนะคะ ^_^ ดังนั้นการเรียนรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของออนเซ็นแต่ละแบบที่คุณได้ไปเยือน ก็ถือเป็นการเพิ่มประสบการณ์ความสุขในอีกรูปแบบหนึ่งค่ะ

สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ถึงเพื่อนๆ ที่ไม่เคยแช่ออนเซ็นหรือเป็นนักแช่ออนเซ็นตัวยงแล้วก็ตาม การแช่ออนเซ็นถือเป็นประสบการณ์หนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น รับรองว่าคนที่ไม่เคยแช่ ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจค่ะ

อยากไปแช่ออนเซ็นกันแล้วใช่มั้ยล่ะ :) สำหรับบล็อกนี้ ขอลาไปก่อนนะคะ ส่วนบล็อกหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ฝากติดตามชมกันด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ (-/|\-)


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://www.jnto.go.jp/webmaga/en/nov/insight.html

http://www.mogami-genki.net/touji-lab/en/06Springquality.html

http://www.jnto.go.jp/eng/location/regional/ehime/dogoonsen.html

http://www.japan-guide.com/e/e3653.html

http://jpninfo.com/37354

http://www.connect-shimane.com/onsen-in-shimane-hot-spring-resorts/

ภาพหน้าปก

http://www.chitose.tv/english/slide/onsen/01.jpg

ภาพออนเซ็นแบบต่างๆ

http://heapswwj2.s3.amazonaws.com/wp-content/uploads/2016/06/akitabijin02.jpg

http://www.siobara.or.jp/en/pic/ons-nyuhakushoku.jpg

http://cdn1.buuteeq.com/upload/2069884/1-5.jpg.500x375_default.jpg

https://www.flickr.com/photos/yisris/16461007992/in/photostream/ 

http://dom.jtb.co.jp/yado/photo2/XL/1/1558001/15580011100000927.jpg

https://www.flickr.com/photos/bernardlanguillier/23956327686/in/photostream/ 

http://jpninfo.com/wp-content/uploads/2015/12/irononsen.jpeg 

http://jozankei.jp/wp-content/uploads/2015/12/231.jpg

https://www.visitgunma.jp/cms/sightseeing_image_dir/sub1_sightseeing_47.JPG

http://www.jp-rail-th.com/guidebook/atami-onsen-izu/

http://yu-pon.jp/wp-content/uploads/onsen/masutomi/masutomi-01.jpg

http://www.yuyado-souan.jp/spa/top/spa_t1.jpg

บทความล่าสุด