t ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น

[ยามากาตะ&มิยางิ] สโลว์ไลฟ์ไปกับเมืองธรรมชาติและประวัติศาสตร์กันเถอะ!

[ยามากาตะ&มิยางิ] สโลว์ไลฟ์ไปกับเมืองธรรมชาติและประวัติศาสตร์กันเถอะ!

By , Friday, 09 June 2017

​กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ บล็อกนี้เราจะเล่าต่อจากบล็อกที่แล้ว หลังจากที่เราโบกมือลาคุณป้าและเด็กๆที่บ้านพักโฮมสเตย์ และทานราเมงตอนเช้ากันจนอิ่ม เราก็ได้เดินทางเข้าสู่จังหวัดยามากาตะ และปิดทริปกันด้วยจังหวัดมิยางิ มาดูกันว่า ทั้งสองจังหวัดนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง


ใครยังไม่ได้อ่านบล็อกก่อนหน้า คลิกเลยค่า!

Yamagata (山形県)


Takahata Winery

โรงงานผลิตไวน์ที่ใช้องุ่นที่ปลูกเอง นำมาหมักเองทุกขั้นตอน ออกมาเป็นไวน์องุ่นรสชาติหอม หวาน อร่อยมากๆเลยค่ะ เพื่อนๆสามารถเข้าเยี่ยมชมภายในโรงงานได้

ลองชิมไวน์หลากชนิด รวมถึงไอศกรีมไวน์แดงแสนอร่อย เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผลไม้ เช่น น้ำสลัด แยม เครื่องดื่มต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถพักผ่อนบริเวณลานกว้างที่มีสวนต้นไม้ของโรงงานแห่งนี้ได้ค่ะ

​มื้อกลางวันวันนี้ เราแวะมาทานที่ Yamagataken Kanko Bussan Kaikan สถานที่ซื้อของฝากท้องถิ่นประจำจังหวัดยามากะตะ ข้างในมี food court ที่ให้เลือกทานประมาณ 5 ร้าน สามารถแวะซื้อของและพักผ่อนได้

เก็บเชอร์รี่ ที่Jimmachi Ringo Kenkyuusho

มาถึงจังหวัดยามากะตะ เราก็ต้องมาเก็บเชอร์รี !! จริงๆแล้วเทศกาลเก็บเชอร์รีจะมีประมาณเดือนมิถุนายน แต่ที่สวนนี้เริ่มมีให้เก็บตั้งแต่เมษายนถึงกรกฎาคมค่ะ  แถมยังได้ถ่ายรูปกับเชอร์รีแดงๆน่ารักๆแบบนี้ อัพลงโซเชี่ยลให้เพื่อนๆอิจฉาเล่นกันไป ส่วนรสชาติไม่ต้องพูดถึง หวานอร่อยสุดๆ! 

ค่าเข้า: 3,800 เยน 20 นาที

วิธีไป: จากสถานี Sakuranbo Higashine นั่งรถ 15 นาที

ในจังหวัดยามากาตะยังมีสวนเชอร์รี่อีกมากมายเลยนะคะ ไม่จำเป็นต้องที่นี่ที่เดียว สามารถไปกันได้เลยค่า


Ginzan Onsen

เมืองน้ำพุร้อนบรรยากาศดี๊ดีของจังหวัดยามากะตะ ต้องที่กินซังออนเซนเลยค่ะ สองข้างทางเป็นเรียวกัง ร้านขายของ และคาเฟ่ที่อาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น ตรงกลางเป็นแม่น้ำที่สามารถให้อาหารปลาได้ 

​เมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆจะเจอน้ำตก และป่าไม้เขียวขจี นอกจากนี้ยังมีที่ให้แช่ออนเซนเท้าฟรีอีกด้วย ยิ่งถ้ามาตอนหิมะปกคลุมเมืองจะสวยเหมือนในหนังเลยค่ะ

วิธีไป: ไปลงสถานี JR Oishida แล้วต่อรถบัสไป Ginzan Onsen ขาเดียว 710 เยน 

ตารางรถบัส (ภาษาญี่ปุ่น): http://www.hanagasa-bus-taisei.co.jp/base.html


คืนนี้เราพักที่โรงแรม Takamiya Mogamigawa-Beni บริเวณ Kusanagi Onsen อยู่ข้างแม่น้ำ Mokami สามารถแช่ออนเซนไปดูวิวกลางคืนของแม่น้ำได้ ห้องพักสวยและสะดวกสบายมาก เหมาะที่จะมาพักเป็นครอบครัว แล้วพรุ่งนี้เราจะไปล่องเรือในแม่น้ำ Mokami กันค่ะ!


Mokamifuna ล่องเรือในแม่น้ำ Mokami

แม่น้ำ Mokami เป็นอีกหนึ่งจุดที่ถ่ายละครเรื่องโอชิน ภายในเรือจะเป็นที่นั่งปูด้วยเสื่อทาทามิ เราสามารถชมธรรมชาติอันสวยงามได้ทั้งสองฝั่งแม่น้ำไปพลาง ฟังเพลงพื้นบ้านของยามากาตะไปด้วยได้ 


​ที่นี่ทั้ง 4 ฤดูจะสวยงามมาก แต่ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี จะสวยที่สุดค่ะ

เส้นทางและค่าใช้บริการ : 

A) ขึ้นเรือจากสถานี Furukuchi ลงเรือที่ Kusanagi ผู้ใหญ่ 2,200 เยน เด็กประถม 1,100 เยน
B) ไป-กลับ Furukuchi และ Kusanagi ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็กประถม 1,500 เยน
วิธีไป: JR ลงสถานี Furukuchi เดินประมาณ 5 นาทีก็จะถึงท่าขึ้นเรือ

มื้อกลางวัน เรามาที่ร้าน Tonya (Hiratabokujyo)ทงคัตสึหมูกรอบนอกนุ่มใน ที่หมูมาจากฟาร์มฮิราตะที่เลี้ยงเอง สามารถเติมข้าวและกะหล่ำปลีได้ฟรี


การแสดงโซมาโร

จากร้านอาหารโซมายะในสมัยเอโดะ ที่เป็นร้านสำหรับคนชั้นสูง ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นที่จัดแสดงการฟ้อนรำโซมาโร โดยไมโกะจะรำประกอบเพลงพื้นบ้านของยามากะตะ และเสียงดนตรีชามิเซ็น นอกจากนี้ภายในอาคารยังจัดแสดงภาพเขียนลายพู่กัน ตุ๊กตาญี่ปุ่น และสามารถเดินชมห้องต่างๆในอาคารได้

เปิดบริการ : 10:00-18:00 น. การแสดงเริ่ม 14:00 น.

ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 700 เยน มัธยม 500 เยน ประถมและอนุบาล 300 เยน ต่ำกว่า 3 ขวบ ฟรี

ค่าชมการแสดง : 1000 เยน


พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kamo

พิพิธภัณฑ์ที่เรียกได้ว่า มีแมงกะพรุนหลากหลายสายพันธุ์ และมีมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น!! เป็นทั้งศูนย์วิจัยและจัดแสดงให้ผู้คนเข้ามาชมได้ นอกจากนี้ยังมีปลาทะเลชนิดอื่นๆจัดแสดงด้วย

​ โดยวิธีการจัดแสดงนั้นนับว่าไม่เหมือนกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งอื่นแน่นอน เพราะด้านข้างของตู้ จะมีติดวิธีการปรุงอาหารจากปลาที่อยู่ในตู้ด้วย ถือว่าแหวกแนวจริงๆค่ะ

เปิดบริการ: 9:00-17:00 น.

วิธีไป: จากสถานี Tsuruoka ขึ้นบัสสาย Kamo ไปทาง Yunohama onsen ลงป้าย Kamo Suizokukan


ประสบการณ์แต่งชุดขาว Shiroshozoku เดินขึ้นภูเขา Haguro

การแต่งชุด Shiroshozoku จะใส่กลับข้างกับกิโมโน คือ ขวาทับซ้าย มีความหมายเหมือนการตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว เราจะเดินขึ้นภูเขาฮากุโระที่เป็นที่รวมศาลเจ้าไว้ 3 แห่ง 

นักท่องเที่ยวต้องเดินเท้าขึ้นไปด้วยบันไดหิน 2446 ขั้น แวะทานอาหารนักพรต และระหว่างทางเราสามารถชมธรรมชาติอันร่มรื่น และสถาปัตยกรรมโบราณของญี่ปุ่นได้ ถือเป็นการทำจิตใจให้สงบไปด้วยค่ะ

วิธีไป: สถานี Tsuruoka นั่งบัสลงที่ Haguro center ประมาณ 40 นาที 800 เยน

​ หลังจากลงจากเขา เราก็ได้แวะกินเค้กให้หายเหนื่อยกันหน่อย แถวสถานี Tsuruoka มีร้าน Fruit shop Aomori ร้านขายผลไม้สดๆ แปรรูปมากมาย ด้านบนเป็นคาเฟ่น่ารัก ขายเค้กผลไม้ที่อร่อย แต่ราคาไม่แพง

​ ปิดท้ายจังหวัดยามากาตะ ที่ โรงแรม Bankokuya บริเวณ Atsumi Onsen จากห้องนอนสามารถมองเห็นวิวหุบเขาเขียวขจี แม่น้ำและบ้านเรือนได้ ห้องอาบน้ำในห้องเป็นอ่างไม้ 


Miyagi (宮城県)

การเดินทาง

จากจังหวัดยามากาตะ เราจะใช้ TOHOKU HIGHWAY BUS TICKET บริเวณอาคารสินค้าและการท่องเที่ยว Shonai ไปยังตัวเมืองเซนได จังหวัดมิยางิ โดยสามารถใช้ไปเที่ยวได้ทุกจังหวัดในภูมิภาคโทโฮคุแบบขึ้นลงรถไม่อั้น 

ราคา 4 วัน 10,000 เยน  7 วัน 13,000 เยน เพียงมองหารถบัสที่มีสติกเกอร์อย่างในภาพ ก็สามารถขึ้นได้เลยค่ะ 

เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ): https://japanbusonline.com/Tohoku

​และแล้วเราก็มาถึงเซนไดอย่างปลอดภัย แต่พอลงรถมาปุ๊ฝนก็ตกลงมาทันที... แต่ใครจะไปกลัวกันล่ะ! เราเดินทางต่อกันเลยดีกว่า เพราะจุดหมายปลายทางเราอยู่ที่อ่าวมัตสึชิม่า ดังนั้นเราจึงนั่งรถไฟหวานเย็นไปลงสถานี Matsushima-kaikan กันค่ะ


วัดเอ็นทสึอิน และกิจกรรมร้อยลูกประคำ

​เป็นวัดที่ตั้งสุสานของหลานชายของดาเตะ มาซามุเนะ ที่เสียชีวิตเมื่ออายุ 19 ปี ด้านในมีสวนหินและรูปปั้นพระหินมากมาย ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะนิยมมากที่สุด เพราะจะมีทางเดินที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้สีแดงด้วย 

​นอกจากนี้ภายในวัดจะมีกิจกรรมร้อยลูกประคำ เสียค่าใช้จ่ายราคา 1,000 เยนค่ะ

ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 300 เยน ม.ปลาย 150 เยน ประถมและม.ต้น 100 เยน

เวลาเปิดให้บริการ : 8:30-17:00 น. (เดือนเมษายน – เดือนพฤศจิกายน) 8:30-16:00 น. (เดือนธันวาคม – เดือนมีนาคม)

วิธีไป :เดิน 5 นาทีจากสถานีรถไฟ JR Matsushima Kaigan


วัดซุยกันจิ วัดโกไดโดะ

​ถัดมาจากวัดเอ็นทสึอิน จะเป็นวัดซุยกันจิที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นสมบัติแห่งชาติญี่ปุ่น ภายในอาคารจัดแสดงห้องที่มีจิตรกรรมฝาผนังและลวดลายบนเพดานต่างๆที่สวยงามมาก ด้านในห้ามถ่ายภาพค่ะ เราเลยเก็บภาพมาฝากทุกคนไม่ได้

ค่าเข้า : ม.ปลายขึ้นไป 700 เยน  ม.ต้นและเด็ก 400 เยน

เวลาเปิดให้บริการ : 8:30-17:00 น. (เดือนเมษายน – เดือนกันยายน) 8:30-16:30 น. (เดือนตุลาคม – เดือนมีนาคม) 8:30-15:30 น. (เดือนพฤศจิกายน– เดือนมกราคม)


เมื่อเดินออกจากวัดซุยกันจิ มุ่งหน้าไปทางทะเลมัตสึชิมะ จะมีวัดโกไดโดะที่ได้รับการจดทะเบียนเช่นกัน เพราะมีความสวยงามทางภูมิทัศน์ที่ตัววิหารหันหน้าออกไปทางทะเล และมีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโทโฮคุ วัดนี้เข้าฟรีค่ะ


ล่องเรือทะเลอ่าวมัตสึชิมะ

​อ่าวนี้เป็นอ่าวที่ได้รับยกย่องให้เป็นอ่าวที่มีทิวทัศน์ที่งามที่สุดในญี่ปุ่น เพราะมีเกาะเล็กใหญ่กว่า 260 เลยทีเดียว เราสามารถมาล่องเรือชมวิวชิวๆได้ที่นี่ค่ะ เราเลือกนั่งคอร์ส Basho Cruise 50 นาที จาก Matsushima ไป Shiogama

สถานที่ขึ้นเรือ: Marubun Matsushima Kisen สามารถเดินจากวัดโกไดโดะได้

ราคา: มัธยมขึ้นไป 1,500 เยน ,เด็กประถม 750 เยน

เว็บไซต์: https://www.marubun-kisen.com/english/index.html

พอลงจากเรือ เราได้มาทานไคเซนด้ง ที่ตลาดขายส่งอาหารทะเลชิโอกามะ ตลาดขายอาหารทะเลที่มีมากกว่า 150 ร้าน และที่นี่เองที่เราสามารถเลือกหน้าอาหารทะเลของตัวเองตามใจชอบได้

​ คืนแรกในมิยางิ เราพักที่โรงแรม Yumoto Ichinobo โรงแรมชื่อดังบนเกาะมัตสึชิมะ ไม่ว่าเราจะพักห้องไหนก็สามารถเห็นวิวทะเลได้ทั้งหมด นอกจากนี้ออนเซ็นที่นี่กว้างขวาง มีบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง และบ่อที่ช่วยให้ผิวนุ่มลื่นสำหรับสาวๆ หลังขึ้นจากออนเซ็นจะมีน้ำและไอศกรีมบริการฟรีด้วย


ปราสาทเซนได

​ก่อนที่เราจะไปปราสาทเซนไดได้ เราต้องมีบัตรรถบัสกันก่อน! บัสรูปุรุเซนได เที่ยวตัวเมืองในหนึ่งวัน ถ้าซื้อแบบ 1 day pass ราคาผู้ใหญ่ 620 เยน เด็ก 310 เยน ซื้อได้ที่ท่ารถบัส สถานีเซนได ทางออกตะวันตกนะคะ

​ ปราสาทเซนได หรือปราสาทอาโอบะ สร้างขึ้นโดยท่านดาเตะ มาซามุเนะ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ตัวปราสาทโดนระเบิดไปเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เหลือแต่ฐานปราสาท ด้านในมีพิพิธภัณฑ์เล็กๆที่ฉายโฮโรแกรมจำลองภาพปราสาทในอดีต และมีรูปปั้นของท่านดาเตะเป็นจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยม 


เดินเล่นในตัวเมืองเซนได

​ มาถึงเซนไดทั้งที เราต้องชอปปิ้งและกินให้จุใจ!! ตั้งแต่สถานีเซนได จนถึงบริเวณถนนชอปปิ้ง มีร้านน่าสนใจมากมาย แถมมีตลาดยามเช้า ที่ของถูกสุดๆด้วย

​ ครั้งนี้ขอแนะนำขนมขึ้นชื่อของเซนได นั่นก็คือ "Zunda Mochi" หรือโมจิถั่วลันเตา แถมยังมีขายเป็นน้ำปั่นด้วย ขอบอกเลยว่าอร่อยมากๆค่ะ ขอแนะนำร้าน Tamazawasou Honten ร้านนี้มีหลายสาขามากค่ะ ใน สถานี JR Sendai ก็มีค่ะ 

​ นอกจากนั้นสถานีเซนได ก็มีแหล่งชอปปิ้ง และทานข้าวในสถานีเยอะมาก ใครแบกสัมภาระมาเยอะก็สามารถฝากไว้ในล็อกเกอร์ได้เลย

มาถึงมิยางิ ก็ต้องลองของขึ้นชื่ออย่าง "ลิ้นวัว" หรือ "กิวตัน" เราได้มาทานที่ ร้าน Date no Gyuutan ในหนึ่งเซตจะมีลิ้นวัว ข้าว เครื่องเคียง และซุปค่ะ ร้านอยู่ห่างจากสถานีเซนได เดิน 18 นาที แต่จะอยู่ในแหล่งชอปปิ้งถือว่าสะดวกมากค่ะ


คืนสุดท้ายเรามาพัก Hotel Monterey Sendai โรงแรมน่ารักสไตล์ยุโรปเบาๆ ใกล้สถานีเซนไดและแหล่งชอปปิ้ง ถือว่าสะดวกสบายสุดๆเลยค่ะ ห้องน้ำที่อยู่ในห้องพักที่นี่จะเขาจะแยกเป็นสีชมพูสำหรับผู้เข้าพักผู้หญิง ส่วนสีฟ้าเป็นของผู้เข้าพักผู้ชายด้วย


​ สุดท้ายนี้เราก็ได้เดินทางกลับโตเกียว โดยนั่งเครื่องบินจากสนามบินนานาชาติเซนได เป็นสนามบินเล็กๆ ที่มีร้านของฝาก และศูนย์บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย 

​ อ่านบล็อกนี้จบ ก็คงอยากจะออกเดินทางกันเลยใช่มั้ยคะ? แต่ละเมืองของภูมิภาคโทโฮคุใต้มีอะไรน่าสนใจเยอะแยะไปหมด ถ้าใครเบื่อเมืองหลวง ชุมชนคนแออัด แนะนำให้มาพักผ่อนชิวๆที่จังหวัดโทจิกิ ฟุคุชิมะ ยามากาตะ มิยางิกันค่ะ!


สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Nippon Travel Agency Tohoku Co.,Ltd ตลอดการเดินทางค่ะ

บทความล่าสุด