สวัสดีค่ะ afternoon silent ค่า ช่วงนี้หายไปนาน เรายังสบายดีอยู่นะคะ><
คราวที่แล้วเราเขียน สัญญาจ้างและภาษีที่ต้องเสียไปแล้ว
คราวนี้เรามาเข้าเรื่องรายได้กันบ้าง ให้มันรู้กันไปเลยว่าทำงานที่ญี่ปุ่น
ดีจริงไหม เก็บเงินได้จริงหรือเปล่า
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเมื่อทำงานที่ญี่ปุ่นแล้วจะไม่ว่าจะเป็นคนต่างชาติหรือ
คนญี่ปุ่น โดยมากก็จะได้เงินเดือนเรทเดียวกันค่ะ ไม่ค่อยมีแบ่งแยกเท่าไหร่
(ยกเว้นงานบางสาย) จากที่ฟังๆคนอื่นและจากประสบการณ์ที่ตัวเองเจอมา
หลายเคสที่คนต่างชาติจะได้เงินดีกว่าหรือสวัสดิการอะไรๆดีกว่าคนญี่ปุ่นด้วย
เพราะเรามาทำงานไกลบ้าน และมีข้อจำกัดเรื่องวีซ่า
เรามาเริ่มจากเงินเดือนเด็กจบใหม่กันก่อนค่ะ
ตามปกติแล้วเด็กจบใหม่มาไม่ว่าจะอาชีพไหน เงินเดือนจะเรทเดียวกัน
เกือบหมด(ใช้คำว่า 'เกือบ' นะคะ เพราะมีเคสพิเศษอีกมากมาย)
เรทเงินจะตามวุฒิที่เรียนจบ
ผลวิจัยค่าเฉลี่ยเงินเดือนของเด็กจบใหม่ในปี 2016 คือ
★จบมัธยมปลาย เงินเดือนเริ่มที่ 164,894 เยน
★จบมหาลัยระยะสั้น /โรงเรียนวิชาชีพ(เซมมง) เงินเดือนเริ่มที่ 177,822 เยน
★ปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มที่ 210,313 เยน
★จบปริญญาโท/เอก เงินเดือนเริ่มที่ 227,505 เยน
ที่มาของผลวิจัยดูได้ที่นี่ค่ะ
ตัวเลขด้านบนคือค่าเฉลี่ยของทั่วประเทศซึ่งแต่ละเขตอาจจะมีเรทเงินเดือนที่ไม่เท่ากัน
ตัวเลขเลยออกมาแปลกๆ สำหรับประสบการณ์ตรงที่เราเจอมา ทั้งของตัวเองและจากสอบถาม
เงินเดือนเพื่อนๆรอบตัว
เรทเงินเดือนเด็กจบใหม่ (โตเกียว, โอซาก้า) ในกรณีปกติ
★จบมหาวิทยาลัยระยะสั้น/ โรงเรียนวิชาชีพ(เซมมง) เงินเดือนเริ่มที่ 190,000 เยน
(เคยเจอน้อยที่สุดคือ 140,000 เยน)
★จบปริญญาตรี เงินเดือนเริ่มที่ 210,000 เยน (เคยเจอน้อยที่สุด 180,000 เยน)
★จบปริญญาโท เงินเดือนเริ่มที่ 230,000 เยน
★จบปริญญาเอก เงินเดือนเริ่มที่ 250,000 เยน
นอกจากนี้บางบริษัทหรือบางอาชีพ รับพนักงานแบบไม่สนใจวุฒิ
ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่จะใช้วุฒิอะไรจบมาก็ทำได้ เพราะบริษัทจะเทรนงานอีกรอบ
เช่น งานสายการขาย งานสายบริการ หรืองานที่ต้องใช้ความสามารถ
ซึ่งทางบริษัทจะดูผลงาน หรือมีข้อสอบให้ทำ เช่น งานสายอนิเมะ เกม และดีไซน์
บริษัทแนวนี้ หลายๆที่เงินเดือนจะเริ่มต้นที่ 180,000 - 240,000 เยน
ขอยกตัวอย่างบริษัทงานสายครีเอทีพที่เราเคยเจอมา
รับพนักงานจบใหม่แบบไม่สนใจวุฒิพนักงาน
เงินเดือนเริ่มที่ 210,000 เยน ซึ่งพนักงานก็มีทั้งคนที่จบเซมมง ปริญญาตรี
ปริญญาโท(จากต่างประเทศ) และแม้แต่ม. ปลาย(เรียนมหาวิยาลัยแต่ไม่จบ ลาออกมาก่อน)
แถมคนที่จบปริญญาตรีก็มาจากต่างคณะกัน มีทั้งคณะบริหาร คณะกฎหมาย คณะวิศวะก็ยังมี
แน่นอนว่า คนที่มีประสบการณ์ทำงานแล้ว แต่เปลี่ยนสายงานมา เค้าก็ให้เงินเดือน 210,000 เยน
เช่นกัน คนที่ย้ายสายงานมาก็มีทั้งเป็นแอร์โฮสเตส ซิสเต็มเอ็นจิเนีย
พนักงานร้านในสถานเสริมความงาม เมดไอดอลที่อากิฮาบาร่า
จริงๆเราแอบรู้สึกว่าที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนสายงานกันง่ายนะถ้ามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และยอม
ลดเงินเดือนตัวเอง อย่างเคสซิสเต็มเอ็นจิเนียเงินเดือนที่เก่าเค้าได้ 600,000 เยน
ก็ยอมย้ายงานลดเงินเดือนตัวเองมาเหลือ 210,000 เยน เพราะอยากมาทำงานสายครีเอทีพตามความฝัน
เท่าที่เห็นหลายคนทำงานไม่รอด ก็ลาออกแล้วกลับไปทำงานสายเดิม....................
ที่กล่าวๆมาในด้านบนนั้นคือเคสปกติของมนุษย์ธรรมดาเดินดินทั่วไปค่ะ
จากนี้ไปเราขอมาพูดถึงเคสไม่ปกติกันบ้าง หึหึหึหึ
ในบรรดาเด็กจบใหม่ปริญญาโท เราเจอคนที่ได้เงินเดือนเริ่มต้นที่
600,000 เยน (บริษัทแนวสตาร์ตอัป งานสาย IT)
ไม่ได้อ่านผิดค่ะหกแสนเยนจริงๆ ตอนแรกเราก็แทบไม่เชื่อ ฮือออ
นี่มันไม่ใช่คน นี่มันเทพ ชัดๆ แต่หลังจากนั้น ก็เข้าช่วงที่เพื่อนๆที่เรียน
ปริญญาโท,ปริญญาเอกในมหาลัยTopๆเรียนจบทำงานและคุยเรื่องเงินเดือนกัน
ก็ได้พบว่า มีหลายคนที่เงินเดือนเริ่มต้นมากกว่าเรทปกติ
แต่คนที่ได้ตามเรทปกติก็มีไม่น้อยค่ะ บางคนจบมหาลัยเดียวกันรุ่นเดียวกัน
แต่เงินเดือนเริ่มต้นต่างกันเยอะก็มี
สำหรับเคสที่เงินเดือนเริ่มต้นมากกว่าเรทปกติมากๆนั้น ส่วนมาก
จะเป็นบริษัทต่างชาติในญี่ปุ่นหรือไม่ก็บริษัทญี่ปุ่นที่ออกแนวอินเตอร์ๆ
ซึ่งในบริษัทจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางสำหรับการสื่อสารภายใน
พนักงานชาวต่างชาติที่พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร
เราจึงขอสรุปว่าบริษัทต่างชาติในญี่ปุ่นให้เงินเดือนดีกว่า บริษัทญี่ปุ่นในญี่ปุ่น
แน่นอนว่าบริษัทที่ให้เงินเดือนเริ่มต้นสูงๆนั้นก็เข้ายากค่ะ
มีสอบข้อเขียนหลายครั้ง และสัมภาษณ์หลายรอบ บางบริษัทผู้สมัครงาน
ก็ต้องบินไปสอบสัมภาษณ์งานถึงบริษัทแม่ที่อเมริกาเลยก็มี
อ่านมาถึงตอนนี้เพื่อนๆอาจจะคิดว่า เงินเดือนที่ญี่ปุ่นน้อยจังเมื่อเทียบกับค่าครอบชีพ
ความจริงแล้ว ตัวเลขด้านบนนั้นคือเงินเดือนเฉยๆค่ะ นอกจากเงินเดือนแล้ว ก็ยังมีเงินค่า OT
ค่ารถไปทำงาน และยังมีเงินโบนัสประจำปีอีก
แต่ละบริษัทก็ดันให้ไม่เหมือนกันด้วย บริษัทที่ไม่มีค่าOTให้ก็มี(ทำให้ตายก็ได้เท่าเดิม
แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะทุกคนก็ทำ.........) บางบริษัทเงินเดือนไม่เยอะมาก
แต่ให้เงินค่าOT ให้โบนัสหนัก
ปกติแล้วถ้าบริษัทไม่ขาดทุนร้ายแรง ก็จะมีโบนัสให้ 1 - 2 ครั้งต่อปี ในครั้งหนึ่ง
ส่วนมากก็จะเท่ากับเงินเดือน 1 เดือน บริษัทใหญ่ๆเงินโบนัสจะดีกว่าบริษัทเล็กๆค่ะ
เพื่อนเราที่ทำงานบริษัทใหญ่ๆ ได้เงินเดือนได้เรทปกติ แต่ได้โบนัสเป็นเงินเดือนเจ็ดเดือน........
สุดยอดมาก ซึ่งบริษัทที่ไม่มีโบนัสให้ก็มีค่ะ............
อย่างตัวเรา เราได้โบนัสครั้งแรกในชีวิตก็เมื่อตอนทำงานไปแล้ว 3 ปี TT___TT
เท่ากับว่า สองปีแรกของการทำงาน เราใช้ชีวิตแบบ ไม่มีเงินค่าโอที และไม่มีเงินโบนัสค่ะ ฮืออออ
แต่เงินโบนัสเป็นอะไรที่ไม่แน่นอนไม่มีหลักประกันว่าเราจะได้เท่าเดิมทุกปี
นอกจากเงินโบนัสและค่าโอทีแล้ว ก็ยังมีค่าสวัสดิการต่างๆอีกมากมาย
เช่น ค่าเช่าบ้าน บางบริษัทออกค่าเช่าบ้านให้เต็มจำนวน
บางบริษัทออกให้ครึ่งนึง บางบริษัทออกให้
50,000 เยน 30,000 เยน 20,000 เยน ซึ่งค่าเช่าบ้านนั้น
แต่ละบริษัทก็มีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน
บางบริษัทออกให้เฉพาะคนที่ห้องพักอยู่ใกล้บริษัท ไม่เกิน 2 กิโลเมตร
บางบริษัทให้ไม่เกิน 3 สถานี อะไรแบบนี้
และก็อีกเช่นเคย บริษัทที่ไม่ออกให้เลยก็มี TT___TT
บางบริษัทก็มีค่าสวัสดิการให้ลูกพนักงานด้วยค่ะ
สำหรับงานที่บริษัทอยู่ในที่หรูๆ ตึกสวยๆ พนักงานแต่งตัวดีๆเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของบริษัท
บางบริษัทก็จะมีสวัสดิการค่าแต่งตัวให้พนักงาน
ในกรณีที่คนญี่ปุ่นโดนส่งไปทำงานที่ต่างประเทศ
แล้วขนครอบครัวไปด้วย ก็จะมีสวัสดิการไปถึงค่าเทอมของลูกเลยทีเดียว
(คนญี่ปุ่นในไทยหลายคนถึงได้ส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนอินเตอร์ฯแพงๆ เพราะบริษัทออกให้)
แถมในกรณีที่ไปต่างประเทศแค่คนเดียว แต่ครอบครัวยังอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น บางบริษัทก็ให้เงินเดือนสองทาง
คือเงินเดือนของญี่ปุ่น(เข้าบัญชีที่ญี่ปุ่น) และเงินเดือนที่ไทย(เข้าบัญชีที่ประเทศไทย)
ถึงแม้เงินเดือนเริ่มต้นของแต่ละบริษัทจะไม่ต่างกันมาก แต่สวัสดิการค่าโอที
เงินโบนัสของแต่ละบริษัท ค่อนข้างต่างกันมากทีเดียว คนญี่ปุ่นหรือคนที่ทำงานในญี่ปุ่น
จึงสนใจเรื่องรายได้ประจำปีกันมากกว่าเงินเดือน เช่น
หากจะสมัครบัตรเครดิต หรือเขียนเอกสารต่างๆที่ต้องระบุรายได้
เค้าก็จะถามว่ารายได้ประจำปี 年収 (Nenshū) เท่าไหร่
ระยะหลังๆเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเริ่มแย่ๆไปหมดค่ะ บริษัทที่ไม่ให้ทั้งค่าOT ไม่มีโบนัสให้
และไม่มีค่าเช่าบ้าน ไม่มีสวัสดิการอะไรให้ ก็มีเยอะค่ะ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร TT__TT
สำหรับการขึ้นเงินเดือนของคนญี่ปุ่นนั้น โดยปกติจะขึ้น 5% ของเงินเดือน
ถ้าเลื่อนตำแหน่งก็จะมีค่าตำแหน่ง ถ้าสอบใบประกาศที่จำเป็นต่องานได้ก็จะมี
เงินค่าใบประกาศให้ และสุดท้ายหลักง่ายๆสำหรับการขึ้นเงินเดือนเลยคือ
เราทำกำไรให้บริษัทเท่าไหร่ ถ้าเราทำกำไรให้บริษัทมากก็ได้มากค่ะ
เราเคยเจอเคสคนรู้จักทำงานสายธุรกิจ งานที่เค้าทำเพิ่มผลกำไรให้บริษัท
ปีนั้นเงินเดือนเค้าขึ้นมาเกือบเท่าหนึ่งเลยค่ะ
ส่วนตัวเราที่เป็นมนุษย์ปกติเดินดินทำงานสายครีเอทีฟนั้น
2 ปีแรกเงินเดือนขึ้นประมาณปีละ 5,000 เยน
พอเข้าปีที่ 3 ก็ขึ้นมา 15,000 เยน
และปีที่ 4 ขึ้นมา 40,000 เยน ค่ะ
ไม่มีค่าโอที เงินโบนัสเคยได้แค่ครั้งเดียว ฮือออออออออออออออ
เวลาเพื่อนๆจะสมัครงานนอกจากเงินเดือนแล้ว ก็อย่าลืมเช็ก
สวัสดิการต่างๆ ค่าโอที(มีให้ไหม) เงินโบนัสกันด้วยนะคะ ><
ยิ่งในเคสที่จะเปลี่ยนงานต้องเช็กให้ละเอียดๆเลยค่ะ มีเคสที่
ย้ายงานไปบริษัทใหม่เพราะเงินเดือนเยอะกว่าแต่พอทำๆไป
เงินโบนัสดันไม่เป็นไปตามที่คุยกัน กลายเป็นว่าพอคำนวณแล้วรายได้ประจำปี
น้อยกว่าที่ทำงานเก่าซะงั้นเลย
นอกจากนี้อย่าลืมคำนวณเงินภาษีรายได้ที่ต้องเสียด้วยนะคะ
เงินโบนัสก็ต้องมาคำนวณเสียภาษีด้วยนะเออ!!!
เช็กเรื่องภาษีได้ที่บล็อกก่อนหน้านี้ได้เลยค่า
เรื่องที่ควรรู้ก่อนทำงานที่ญี่ปุ่น - ว่าด้วยเรื่องสัญญาจ้าง และภาษี
สุดท้ายนี้ที่เราเขียนๆมาด้านบนก็เป็นสิ่งที่เราเขียนจากประสบการณ์ที่ตัวเองเจอ
และสอบถามจากคนรอบตัวเราค่ะ อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดของประเทศญี่ปุ่น
หรืออาจจะไม่ตรงกับประสบการณ์ที่เพื่อนๆเจอมาก็ได้
ถ้ายังไงมาแชร์ประสบการณ์กันนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ
ขอบคุณภาพจาก เว็บ free Material
Page เรื่อยเปื่อย ในญี่ปุ่น กับ afternoon silent
ขอบคุณข้อมูล
ติดตามรับข่าวสารเกี่ยวกับญี่ปุ่น
YouTube: www.youtube.com/ilovejapanth/
Facebook: www.facebook.com/ILoveJapan.th/
Twitter: https://twitter.com/ILOVEJAPANTH
Instagram: www.instagram.com/ilovejapanth/
TikTok: https://www.tiktok.com/@ilovejapanth
ทดลองเรียนภาษาญี่ปุ่นออนไลน์ฟรี 3 วันได้ที่ www.ilovejapanschool.com
I LOVE JAPAN GROUP CO.,LTD
Park Ploenchit
61/7 Sukhumvit 1 Road Khongtoey Nua
Wattana Bangkok, Thailand, 10110
info@ilovejapan.co.th