Resolved
0 votes
สวัสดีค่ะ ทุกคน ขอแทนตัวเราเองว่า B นะค่ะ อายุ 24 ค่ะ มาเรียนภาษาที่ญี่ปุ่นได้ปีครึ่งแล้วค่ะ เข้าเรื่องเลยนะค่ะ

ตัว B ได้เล่นแอพหาคู่ของญี่ปุ่นที่ดูปลอดภัยในระดับนึง และได้เจอกับแฟนคนปัจจุบันค่ะ แต่เขาเด็กกว่าเรา 4 ปี (ซึ่งปีนี้อายุ 21)

เราสองคนคบกันเดือนมาประมาณ 8 เดือนค่ะ แฟน B ลาออกจากมหาลัย และทำงานในบริษัทแห่งหนึ่งค่ะ

ในช่วงแรกก็เป็นช่วงที่ดอกรักผลิบานค่ะ อะไรๆก็ดี เราเข้ากันได้ดี และเขาก็เคยพูดขนาดว่าเขาจะมาอยู่กับเรา ย้ายไปอยู่ที่ไทยด้วย

ซึ่งเราก็หลงเชื่อในคารม ของเขาที่กำลังหลงในความรัก เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบในระดับนึงเลยค่ะ (มีเหตุการณ์ที่ต้องไปหาตำรวจและเขาไปด้วย)

ค่อนข้างเป็นผู้นำ และอบอุ่นเอาใจใส่ดีด้วยค่ะ เราก็มีทะเลาะกันเยอะค่ะ ด้วยความที่ B เป็นแฟนคนแรกของเขา เขาไม่เคยคบใครเลย

และเหมือนเขาจะมีปมอดีตที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับโรงเรียนช่วงมัธยม เขาบอกว่าเขาไม่มีเพื่อนสนิทเลย มีแต่คอมที่เขาคลุกคลีด้วย

ไม่รู้เพราะแบบนี้รึเปล่า เขาก็ดูไม่ค่อยแคร์คนความรู้สึกคนอื่น ไม่เข้าใจการเทคแคร์คนรัก และด้วยความที่เราเป็นหญิงไทยที่ได้รับการเทคแคร์มาดี

ติดการที่ต้องคุย โทรติดต่อตลอดเวลา เราก็งอนและรับไม่ได้บ้าง เอาแต่ใจ และเคยงี่เง่าบอกเลิกเขาไปก็มี และสุดท้าย เขาก็เป็นฝ่ายมาบอกเลิก

ตอนนั้นร้องไห้หนักมากค่ะ เพราะเขาไม่มีการส่งสัญญาณอะไร ประมาณว่าเขาทนมาเยอะ และเจอปัญหาเรื่องงาน การปรับตัวเข้ากับสังคมด้วย

ก่อนหน้านี้เราผ่านอะไรที่ใหญ่บ้างเล็กบ้างมาเยอะค่ะ B เคยไปโรงพยาบาลกับเขา ไปหาหมอจิตวิทยาเพราะเขาเครียดเรื่องงานบวกกับซึมเศร้านิดหน่อย

ตอนนั้นก็เข้าใจเขา พยายามให้เขาดีขึ้นค่ะ พอหลังจากที่เขาบอกเลิก B ก็เสียใจมากคะ และขอเหตุผลเขา ประมาณว่า เราเอาแต่ใจ ทำตัวเป็นเด็ก

ซึ่งตรงจุดนี้ B ยอมรับค่ะ และในที่สุดเขาก็บอกมาว่า เพราะว่าเดือนมีนา B เรียนจบแล้วต้องกลับไทย (B คุยกับเขาบอกว่า คิดถึงบ้าน ถ้าจะให้อยู่ญี่ปุ่นไปตลอดชีวิต B ทำไม่ได้)

(เขาเคยซื้อหนังสือภาษาไทยมาค่ะ แต่ก็แค่ช่วงแรกๆ แล้วก๋ไม่เคยจับอีกเลย) พอหลังจากนั้น B ขอนัดเจอเขาอีกครั้งค่ะ เพราะเหมือนเขาพูดไม่เคลียร์

แต่คราวนี้ทำให้ B ได้เห็นอีกด้านนึงของเขา ว่าอาการคนหมดรัก ไม่เอาแล้วนั้นเป็นยังไง จน B หันกลับไปเล่นแอพหาคู่อีกอันค่ะ เพื่อที่ต้องการจะหาใครสักคนคุยเพื่อลืมเขา

ปรากฏว่าเพื่อนเขาก็เล่นแอพนี้แล้วแคปไปให้เขาดู (ในตอนนั้น B พยายามง้อค่ะ แต่เขาไม่ได้ทำอะไรให้ B มั่นใจหรือรู้สึกว่าเขาเห็นค่า B)

เราก็ทะเลาะกันอีก และ B ถามว่าวันนัดไว้ว่าจะมาคุยเคลียร์ เขาจะยังมามั้ย เขาก็พูดแค่ว่า ยังไงก็ได้เจอกันอีก แต่พอถึงวันเขาไม่มา เขาไม่ตอบไลน์ปล่อยให้ B รอ

B ต้องทั้งโทร ไลน์ ทวิตไปหา แล้วเขาบอกว่า ก็เขาบอกว่าไม่มา ! B งงมากค่ะ เสียใจ เขาก็บอกว่ามันน่ารำคาญ B เลยตัดสินใจโอเค งั้นเราไม่ยื้อแต่ใจก็ยังรักอยู่

วันถัดมาเขาส่งข้อความเฟสมาหาว่า ถ้าไม่อยากเจอก็ไม่เป็นไรหรอกนะ แต่เรื่องที่จะไปกินข้าวกันละ? คือ B ทั้งงงทั้งโมโห เลยว่าเขาไป แค่ผ่านมาอาทิตย์นึง

B ยังรักเขาอยู่และตัวเองอ่อนแอมากค่ะ สุดท้ายก็กลับไปขอเขามาคืนดี อ้อนวอนสารพัด จนตอนนี้มานั่งคิดแล้วสมเพชตัวเอง TT_TT

เรายื่นข้อเสนอเขาว่าไม่จำเป็นต้องคุยทุกวันก็ได้ แต่ขอ keep contact และเราอยากให้เธอหันมาสนใจเรื่องประเทศของฉันก็ยังดี ฉันคิดจริงจังกับคุณนะ

เขาก็บอกว่าเขาก็ยังอยากคบ แต่เขากลัวระยะทางและความห่าง และเขาก็ไม่มีความสนใจเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทย ?!? คือเขาไม่คิดจะทำอะไรเพื่อความสัมพันธ์ของเราเลย

ทั้งๆที่ตอนแรกเขาบอกเองว่าจะไปอยู่ด้วย ันทำให้ B คิดได้ค่ะ แต่สุดท้าย B แพ้ใจตัวเอง บอกเขาให้เขาไปคิดดู ถ้าไม่โอเคก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องกลับมาคบกัน

ผ่านไปสองวัน เขาก็มาหาที่บ้านและมาบอกว่าจะกลับมาคบด้วยค่ะ ตอนที่เขามาเหมือนเรากลับไปเป็นเหมือนเดิม ตอนที่ยังดีๆกัน แต่ตอนที่เขากำลังจะกลับบ้าน

มีเมสเสจมาว่า ย่า/ยายของเขาเสีย เราก็ถามว่าโอเคมั้ย เขาก็บอกว่าโอเคแล้วกลับบ้านไป แล้วก็คุยในเมสเสจกันนิดหน่อยค่ะ

หลังจากวันนั้น B ทักทายเหมือนปกติ ไม่ได้ถี่เหมือนแต่ก่อน แล้วเขาไม่อ่านไม่ตอบเลยค่ะ แต่ในทวิตเตอร์เขาก็เขียนทวิต คุยกับเพื่อนคนอื่นปกติ

นั่นทำให้ B คิดมากค่ะ มากๆเลยด้วยค่ะ น้อยใจ และวันวาเลนไทน์ B ทำช็อคโกแล็ตให้ (ตอนแรกบอกเขาไปว่าวันวาเลนไทน์ไม่ว่างนะ แต่กะจะเซอร์ไพร์สเขา)

B ไลน์ไปหา แล้วเขาไม่ตอบเลยค่ะ จน B กระวนกระวายเป็นห่วง เลยทวิตไปหาเขาว่า ตอนกลางวันพอมีเวลามั้ย มีของจะให้

เขาตอบกลับมาแค่ว่า ไม่ได้อยู่ที่บริษัท B เลยงงค่ะ แล้วเขาก็บอกว่า ก็บอกไปแล้วไงว่าญาติเสีย .........

เขาบอกมาแบบนี้ เราเสียใจมาก เราผิดเองสินะ B เลยขอโทษและบอกเขาว่างั้นเดี๋ยวให้วันหลังก็ได้นะ เขาแค่บอก ครับ อย่างเดียว และไม่มีการติดต่อกลับมาอีกเลย



.................. ถึงตรงนี้แล้ว ใครที่มีประสบการณ์ความรักกับชาวญี่ปุ่นทุกท่าน พี่ๆ คุณน้าทั้งหลาย ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้หนูสับสนกับการกระทำของเขา และไม่เข้าใจ

ความคิดของเขาเลย ว่าตกลงที่เขากลับมาเขามาจริงจังกับเราจริงๆรึเปล่า (เขาก็เคยถามว่าจะคบจริงจังกับเขาใช่มั้ย เราก็บอกใช่ค่ะ) ตอนนี้เหนื่อยจมากค่ะ เสียใจ

เหมือนเราวิ่งและพยายามอยู่คนเดียว


ขอบคูรสำหรับทุกคำตอบนะค่ะ TT
Wednesday, February 15 2017, 12:18 AM
Share this post:

Accepted Answer

Wednesday, February 15 2017, 12:26 PM - #Permalink
Resolved
0 votes
เขาก็บอกว่าเขาก็ยังอยากคบ แต่เขากลัวระยะทางและความห่าง และเขาก็ไม่มีความสนใจเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทย ?!? ( นึกดูสิว่า ถ้าแต่งงานไป จะเป็นยังไง ไม่มีความสนใจในประเทศคนรักของตัวเองเนี่ย)


เคยมีพี่ๆกล่าวไว้ว่า ความรักถ้าเราเจอคนที่จูนกับเราได้จริงๆเข้ากับเราได้จริงๆ มันจะไม่มี่คำว่าซับซ้อน หรือเกิดคำถามกับความสัมพันธ์เลย


อ่านแล้วเหนื่อยแทนนะคะ น้องก็ยังเด็กด้วย 21 เอง น้องผุ้ชาย เผลอๆอาจจะไม่เข้าใจคำว่ารักเลยก็ได้นะ น่าจะคิดแค่ว่า เทอรักชั้น เทอต้องยอมชั้นสิ ประมาณนั้น
The reply is currently minimized Show
Responses (4)
  • Accepted Answer

    Catty Girl
    Catty Girl
    Offline
    Wednesday, February 15 2017, 10:29 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    เห็นด้วยกับความเห็นข้างบนนะคะ
    คนรักกันต้องพยายามทั้งสองฝ่ายค่ะ แต่เท่าที่ดูเขาไม่ได้พยายามเพื่อคุยเลยนะคะ
    และคำพูดบางคำก็ค่อนข้างทำร้ายจิตใจเราด้วยค่ะ
    ไม่ว่าจะยังไง ท้ายที่สุดเราจะเลือกรักตัวเองนะคะ สู้ๆนะคะ
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Thursday, February 16 2017, 12:57 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอบคุณทุกความเห็นมากนะค่ะ เมื่อกี้เพิ่งตัดสินใจบอกเลิกเขาไปค่ะ TT รู้สึกโล่งค่ะ ถึงจะยังรักมาก แต่ถ้าเขาไม่พยายามด้วยเราก็ไม่ไหวเหมือนกัน
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Neko mame
    Neko mame
    Offline
    Thursday, February 16 2017, 08:31 AM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ถ้ารักแล้วรู้สึกว่าเหนื่อย ก็ถอยออกมาเถอะคะ
    อ่านแล้ว สงสารตัวเองมากเลย
    The reply is currently minimized Show
  • Accepted Answer

    Thursday, February 16 2017, 07:23 PM - #Permalink
    Resolved
    0 votes
    ขอพูดตรงๆนะคะ จากเท่าที่อ่าน คุณบีเองก็ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองมากเหมือนกัน

    ถ้ามองกลับกัน เขาก็คงสับสนกับการกระทำของคุณบีไม่น้อย ต้าขอแยกเป็นเรื่องๆนะคะ

    ในเรื่องของคุณบี นอกจากการปรับตัวเข้าหากัน ยังมีเรื่องของอาการเครียดและโรคซึมเศร้าร่วม

    ซึ่งมีส่วนส่งผลต่อความสัมพันธ์ แต่ที่นี้จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขากำลังเป็นและเราเข้าใจมากน้อยแค่ไหน

    - เขามีปัญหาการเข้าสังคมบวกกับเป็นโรคซึมเศร้า

    ถึงจะเป็นขั้นเริ่มต้น แต่ถ้าต้องได้รับการบำบัดจากนักจิตวิทยา

    คนที่คบกับเขาหรือคนรอบข้างต้องเข้าใจโรคนี้จริงๆ ไม่ใช่พยายามเข้าใจแต่ต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

    ตรงนี้หาข้อมูลใน Google ได้ไม่ยาก ไม่ใช่โรคที่น่ากลัว ไม่ได้น่ารังเกียจ

    เพียงแต่ต้องเข้าใจกับคนที่เป็นโรคนี้จริงๆเท่านั้นเอง ถ้าคุณบีเข้าใจในส่วนนี้อย่างถ่องแท้

    ในเรื่องพฤติกรรมหรือนิสัยส่วนตัวก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ปรับเข้าหากัน

    ต้ามีคนรอบข้างที่เป็นโรคซึมเศร้า มันไม่สามารถควบคุมได้ว่าห้ามเป็นตอนนี้ ตอนนั้นนะ

    และเขาก็ควบคุมไม่ให้มันเกิดไม่ได้ ต้องรับการบำบัดและรักษาจากหมอ อาการถึงจะค่อยๆดีขึ้น

    - อย่างที่เรารู้ๆกัน คือคนญี่ปุ่นมีความรักชาติ รักบ้านเกิดอยู่ในสายเลือดเข้มข้น

    ถ้าคิดจะคบกับคนต่างชาติ ให้ทำใจไว้เลยว่าคนส่วนใหญ่อยากอยู่และตายที่บ้านเกิดตัวเองทั้งนั้น

    ต่อให้อยู่ที่อื่นสบายแค่ไหน ยังไงก็ไม่เหมือนอยู่บ้านเกิดตัวเอง มีน้อยที่อยากย้ายตามไปอยู่บ้านเกิดของผู้หญิงแบบถาวร

    ถ้าคิดจะสานสัมพันธ์กับหนุ่มต่างชาติ ให้ตระหนักไว้เลยว่า 50/50 เราต้องย้ายตามฝ่ายชายไปอยู่บ้านเขา

    ยิ่งในวัยทำงานที่เริ่มต้นสร้างตัวนี่ยากมาก แม้แต่ตัวเราเองก็ยังอยากกลับไปอยู่บ้านใช่มั้ยล่ะ

    - เรื่องการให้เขาสนใจในสิ่งที่เราอยากให้สนใจ ต่อให้พูดกรอกหูทุกวัน ถ้าเขาไม่สนใจ

    ยังไงเขาก็ไม่สนใจอยู่ดี ต่อให้สิ่งที่เราบอกจะดีและมีความสำคัญแค่ไหน มันก็ไม่มีผลต่อเขา

    ถ้าคนที่เขาอยากอยู่กับเรา อยากรู้วัฒนธรรม สังคม ประเทศของเรา

    ต่อให้เราไม่บอก เขาก็หาข้อมูลเรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง

    ผู้ชายญี่ปุ่นที่ไม่เคยไปต่างประเทศหรืออยู่ต่างประเทศมาก่อน ต้าว่าความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมเขามีสูง

    “ วัฒนธรรมฉันเป็นแบบนี้ อยู่แบบนี้ เธอต้องปรับตัวเข้าหาฉันสิ “

    เขาจะไม่เข้าใจถึงวัฒนธรรม การใช้ชีวิตและ ความคิดของคนชาติอื่น

    ถ้าเทียบกับคนญี่ปุ่นที่เคยใช้ชีวิตในต่างแดนหรือเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ


    - ถ้าวันหนึ่งได้ทำงานและรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ไม่พึ่งคนที่บ้าน จะรู้ว่า ชีวิตนี้มันไม่ง่ายเลย

    ชีวิตคู่มันมีอะไรมากกว่าที่ต้องมานั่งเอาอกเอาใจกัน ความสัมพันธ์เริ่มต้นอะไรก็ดีไปหมด

    แต่หลังจากที่ผ่านช่วงโปรโมชั่น นี่แหละที่เริ่มเป็นของจริง เรียนรู้นิสัยกันจริงๆ

    ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของกันและกัน Life Style ไปกันได้มั้ย บลา บลาๆๆ

    ไม่มีใครที่ทำถูกใจเราทุกอย่าง แม้แต่ตัวเราเองก็ยังทำไม่ได้ดั่งใจตัวเองไปทุกเรื่อง จริงมั้ย?

    คนสองคนจะใช้ชีวิตร่วมกันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะกับคนต่างชาติ

    ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่าเราและเขาปรับตัวเข้าหากันมากน้อยแค่ไหน

    จุดที่พอดีและรู้สึกสบายใจที่จะคบและสานสัมพันธ์ต่อกัน

    ไม่ใช่ต่างคนต่างเอาแต่แต่ใจ ถือทิฐิ ให้อีกฝ่ายปรับเข้าหาตัวเองอย่างเดียว ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไปกันรอดยาก

    ทะเลาะกันได้ มันเป็นเรื่องปกติ แต่อยู่ที่ว่าหลังทะเลาะกันแล้ว ปรับความเข้าใจกันได้มากน้อยแค่ไหน

    การใช้ชีวิตคู่มันไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องทำแบบนั้น แบบนี้ถึงจะมีความสุขหรือประสบความสำเร็จ

    แต่ละคนต้องเรียนรู้คู่ของตัวเอง พยายามปรับและจูนเข้าหากัน

    เคยมีคนพูดไว้ว่า ให้เลือกคู่ด้วยสมองแล้วใช้หัวใจประคับประครองชีวิตคู่


    ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ (^___^ )
    Like
    1
    The reply is currently minimized Show
Your Reply